วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

ตีความภาพยนตร์เรื่องนี้ Caballerango ซึ่งหมายถึง Horse Wrangler หรือคนเลี้ยงม้า โดยนัฐวุฒิสิงห์กุล

 ภาพยนตร์เรื่องนี้ Caballerango ซึ่งหมายถึง Horse Wrangler หรือคนเลี้ยงม้า จากผลงานของ Jaun Pablo Gonzalez ที่บอกเล่าถึงโศกนาฎกรรมของหมู่บ้านชนบทในเม็กซิโกผ่านภาพยนต์เชิงสารคดีเรื่องนี้

การเปิดภาพด้วยม้าสีขาวในฉากแรกหลังพุ่มไม้ ม้าสีขาวตัวนี้หยุดมองอะไรบางอย่างแล้วก็เดินจากไป….ทำให้อดจะคิดตีความเอาเองไม่ได้ว่าหนังต้องการสื่ออะไรแต่ก็ลองดูไปจนจบและรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ที่ความยาวเกือบ 60 นาที มีความน่าสนใจไม่น้อยเลย เพราะมันทำให้เราเห็นแง่มุมของชีวิต ชีวิตที่เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ชีวิตที่เกี่ยวโยงความตายและความรุนแรงซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องเผชิญในโลกที่โหดร้าย เช่นเดียวกับหมู่บ้าน Milpillas ในเม็กซิโก
ความโศกเศร้าสัมพันธ์กับความทรงจำเสมอ....ภาพยนตร์ได้ตัดฉากมาที่ภาพชายชราสองคนที่สวมเสื้อผ้าสไตล์คาวบอยสนทนากันบนรถ แล้วชายคนหนึ่งก็ถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของชายอีกคนหนึ่งที่ใบหน้าเศร้าหมอง เขาชื่อว่า Balanos Bercerra กับลูกชายของเขาที่ชื่อ นานโด (Nando) ที่ทำให้เขาหวนนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นที่ทำให้เขาไม่ได้คุยกับลูกชายของเขาอีกเลย ฉากของโรงฆ่าสัตว์ที่ฉุดกระชากลากวัวตัวเขื่องสีขาวลงมาจากหลังรถ แม้วัวตัวนั้นพยามสู้อย่างสุกชีวิตแต่สุดท้ายก็หมดเรี่ยวแรงและถูกฆ่า ภาพสุดท้ายที่เห็นคือดวงตาของวัวที่หมดพลังในการต่อสู้ เลือดสีแดงนองเต็มพื้นที่ไหลลงร่องน้ำเบื้องล่าง ภาพของชิ้นส่วนวัวที่ถูกตัดทำความสะอาดและนำมาแขวนไว้หน้าประตู ตัดมาที่ภาพผู้ชายคนหนึ่งกำลังทำไส้กรอกอยู่และบอกเล่าถึงเหตุการณ์การสูญเสียชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง ตัดมาที่ภาพของผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนำไก่ที่ลวกน้ำร้อน มาจัดขา ถอนขนและชำแหละชิ้นส่วนไก่ออกเป็นชิ้นๆ ผู้หญิงคนนี้ชื่อ เวอโรนิก้า (veronica) ที่บอกเล่าเรื่องราวของการสูญเสียพี่ชายพร้อมกับการสูญเสียลูกในครรภ์ของเธอจากการแท้ง...ในฉากเหล่านี้เน้นย้ำให้เห็นภาพความตายและการสูญเสียของสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือคนเป็นเรื่องปกติ แทรกอยู่ในช่วงต่างๆของการสนทนา...
การเปลี่ยนแปลงมาพร้อมกับการสูญเสียเสมอ...ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของชุมชน จากการเข้ามาของทุนนิยมและโลกาภิวัตน์ เฉกเช่น การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและแรงงานของชาวเม็กซิกัน ล้วนส่งผลกระทบต่อหลายๆครอบครัว กระแสโลกาภิวัตน์และการเปิดตัวของเศรษฐกิจเม็กซิกันภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรี การเน้นการส่งเสริมการเกษตรของประเทศเม็กซิกัน ที่เกิดจากแรงขับของความเหลื่อมล้ำและความต้องการบริโภคของพลเมืองในสหรัฐอเมริกา การปลูกพืชเชิงเดี่ยวเช่นข้าวโพด ที่สัมพันธ์กับตลาดและพ่อค้าคนกลางในการกำหนดราคา ดังที่ในฉากตอนหนึ่งที่เป็นบทสนทนาของชายชราคาวบอยสองคนบนรถ มีการพูดถึงประเด็นการปลูกข้าวโพดนี้ว่า ราคาข้าวโพดที่จริงมันไม่ต่ำ ข้าวโพดราคาถูกเมื่อพวกเขา(พ่อค้าคนกลาง)ซื้อมันจากพวกเรา หลังจากนั้นพวกเขาสามารถเรียกราคาที่สูงกว่ามาก คนรวยหรือพ่อค้ากักตุนสิ่งเหล่านี้ไว้ในคลังสินค้า เพื่อสามารถต่อรองราคาและเพิ่มราคาที่สูงขึ้นได้ตลอดเวลา
ความเจ็บปวด ความสูญเสีย ความทุกข์ทรมาน ถูกบรรยายผ่านการเล่าเรื่องของพี่ชายของนานโด ที่ชื่อโจเซ่ ที่เล่าถึงการฆ่าตัวตายของคนในชุมชน ทั้งจากการหย่าร้าง ปัญหาชีวิต ปัญหาหนี้สิน การใช้สิ่งที่เป็นวัตถุfดิบในด้านการเกษตรแบบเข้มข้น เช่น ยากันถั่วเน่าและยาฆ่าแมลง ในการใช้เป็นเครื่องมือเพื่อกระทำอัตวิบาตหรือฆ่าตัวตาย โศกนาฎกรรมของความตายแม้ว่าจะช่างดูเป็นเรื่องปกติในสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย้่งรวดเร็ว แต่ก็มีความเกี่ยวโยงกับเบื้องหลังต่างๆเสมอ จุดเริ่มต้นมักเป็นจุดที่สิ้นสุดเสมอ... สิ่งเหล่านี้ถูกเชื่อมโยงเข้ากับเรื่องราวชีวิตของนานโด ชายหนุ่มที่ทำหน้าที่เลี้ยงม้า ที่ไม่ได้ตายเพราะตกม้าหรือโดนม้าเหยียบแต่อย่างใด แต่ตายเพราะการฆ่าตัวตายโดยผูกคอของเขาไว้กับเสาที่สามารถหมุนรอบได้ 360 องศาและเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับฝึกม้าสำหรับให้วิ่งรอบเป็นวงกลม ฉากนี้จริงๆปรากฏในช่วงต้นเรื่องที่พ่อของนานโด กำลังจับเชื่อกยืนอยู่ที่กลางเสา ในขณะที่ม้าสองตัวที่ผูกเชือกวิ่งอยู่รอบเสาเป็นวงกลม สายตาของเขาเศร้าและดูเรียบเฉย เสาต้นเดียวกันนี้เองที่นานโดใช้ผูกคอตายและมีคนมาพบศพเขาในท่านั่งคุกเข่า นานโดชายที่ชีวิตของเขาเติบโตมากับการเลี้ยงม้า และได้รับการฝึกฝนจากพ่อของเขามาตั้งแต่เด็ก พ่อของเขาเคยเป็นคนเลี้ยงม้าและฝึกฝนม้าในเสาต้นนี้ สุดท้ายลูกชายของเขาก็ตัดสินใจจบชีวิตตนเองที่เสาต้นนี้ เรื่องเล่าของนานโด ถูกเล่าถึงวันที่เขาตัดสินใจฆ่าตัวตาย การที่เขาดื่มเหล้ามากจนเกินไป และการแข่งม้าที่ครอบงำชีวิตของเขา การสูญเสียการเดิมพัน ดังที่น้องสาวของเขาเล่าเกี่ยวกับ นานโด ที่โทรมาขอยืมเงินของเธอและสามี ภาพนี้ตอกย้ำถึงฉากการพนันวิ่งแข่งที่มีการเดิมพัน การดื่มเหล้าและการถกเถียงกันในหมู่ผู้ชาย ผมรู้สึกสะเทือนใจอีกครั้งที่พ่อของนานโด พูดถึงการสูญเสียเพื่อของลูกสาวจากการฆ่าตัวตาย และลูกสาวของเขาที่พยายามฆ่าตัวตายมาถึง 3 ครั้ง ภาพสะท้อนของนานโด จึงทำให้เห็นความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นจากโครงสร้างของความรุนแรงในเชิงโครงสร้างและวัฒนธรรม การที่ผู้คนเล่าเรื่องราวเหล่านี้อย่างเป็นเรื่องปกติ ราวกับว่าความรุนแรง การสูญเสียและความตายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ทุกวันจึงเป็นสิ่งที่น่าขบคิด ทั้งที่จริงแล้วแรงผลักหรือแรงกระตุ้นที่เร่งเร้าให้เกิดความตายนั้นเกิดจากความสัมพันธ์ในเชิงอำนาจที่ไม่เท่าเทียมกัน การยอมรับและสยบยอมต่ออำนาจที่เข้ามากระทำอย่างแนบเนียมและไร้การต่อรอง...
หนังเรื่องนี้ได้ให้พื้นที่มากมายสำหรับผู้ดู เพือให้หยุดคิด และให้เวลาในการใคร่ครวญ สะท้อนย้อนคิดบางอย่างในสถานการณ์ของการเปลี่ยนแปลงของสิ่งรอบตัว เราอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงหรือเป็นผู้ทำหรือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงก็ได้ ฉากในภาพยนตร์ที่เหมือนหยุดนิ่งปรากฏในหลายๆช่วง ตั้งแต่ฉากเปิดตัวด้วยม้าสีขาว บรรยากาศยามค่ำของหมู่บ้าน ละอองควันสีขาวจากการฉีดพ่นยาที่หยุดนิ่งอยู่หลายวินาที และฉากอื่นๆ ภาพยนตร์ต้องการสร้างพื้นที่เหล่านี้ให้กับคนดูมากกว่าจะยัดเยียดข้อมูลจนหนาเตอะจนไม่เปิดพื้นที่ให้คนดูคิดและสร้างคำตอบที่ตายตัว ดังนั้นอำนาจจึงมาอยู่ที่เราในฐานะคนดูที่เป็นผู้ตีความที่สัมพันธ์กับชุดประสบการณ์บางอย่างร่วมกันในการก้าวผ่าน การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ภายใต้ความสัมพันธ์ของคนที่มีอำนาจมากกว่ากับคนที่มีอำนาจน้อยกว่า ที่สร้างความสัมพันธ์ในเชิงอำนาจ ความไม่เท่าเทียมและความยุติธรรมทางสังคมที่ยังดำรงอยู่บนโลก...
.
Caballerango Trailer - Open City Documentary Festival

Caballerango Trailer - Open City Documentary Festival

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สตรีนิยมกับสิ่งแวดล้อม โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

Aldo Leopold(1994) เขียนหนังสือที่รวบรวมบทความของเขาชื่อ Sand Country Almanac เขาได้อธิบายถึงปรัชญาของนักสตรีนิยมสิ่งแวดล้อมว่า ผู้หญิงมีควา...