วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

แด่หนุมสาวนักต่อสู้ โดยนัฐวุฒิ สิงห์กุล

 แด่หนุ่มสาว...

เมื่อผู้ได้รับผลประโยชน์จากนโยบายการพัฒนาที่ถูกกล่าวอ้างและถูกปฎิบัติในนามของชาติ พวกเขานั้นไม่ได้รู้สึกถึงสิ่งที่ตัวเองได้รับ ดังนั้นพวกเขาอาจไม่ได้รู้สึกผูกพันหรืออินกับคำว่าชาติเสียแล้ว...และมันก็คงเป็นเรื่องยากในการบอกให้ประชาชนเหล่านั้นเสียสละหรือเข้าร่วมพันธกิจต่างๆที่ถูกกล่าวอ้างว่าจะช่วยสร้างความเจริญเติบโตและมั่นคงต่อสิ่งที่เรียกว่าชาติอีกต่อไป....
การลดน้อยถอยลงของอุดมคติหรืออุดมการณ์ จินตนาการว่าด้วยความเป็นชาตินั้น คงไม่ได้เกิดจากปัญหาทางด้านวัฒนธรรมหรือจิตสำนึก แต่สิ่งที่เป็นปัญหาใหญ่คือ เรื่องของความชอบธรรมแห่งรัฐและระบอบการเมืองนั่นเอง...
การเคลื่อนไหวของประชาชนในทางการเมือง นับแต่ชาวบ้านในชนบทที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนา การถูกอำนาจรัฐและทุน ทำให้พวกเขาหายไปจากพื้นที่การต่อสู้ด้วยวิธีการที่รุนแรง ป่าเถื่อน ดังกรณีที่เกิดขึ้นในยุคที่อ้างถึงภัยคุกคามของลัทธิคอมมิวนิสต์ หรือการเคลื่อนไหวของนักศึกษาในช่วงเหตุการณ์ 6 และ14 ตุลาคม ที่แสดงให้เห็นความต้องการเปลี่ยนแปลงของประเทศและสังคมแบบประชาธิปไตย หรือการเคลื่อนไหวในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ถือว่าเป็นการขุมนุมของชนชั้นกลาง ที่เรียกว่าม๊อบมือถือ จนมาถึงการเคลื่อนไหวหลังฟองสบู่ช่วงปี 2540 ที่ประเทศไทยเกิดภาวะวิกฤตต้มยำกุ้ง แต่ก็มีสิ่งที่น่าคิดว่าในช่วงเวลาดังกล่าว การเคลื่อนไหวกับน้อยและไม่มีพลังอำนาจมากเท่าที่ควร อาจเป็นเพราะความล่มจมทางเศรษฐกิจเกิดกับชนชั้นที่ร่ำรวย เศรษฐี ไม่ใช่คนชนบท ชาวไร่ชาวนา ผลกระทบกับคนชนชั้นกลางและเศรษฐี ไม่ได้เป็นผลกระทบเดียวกับพวกเขา เพราะพวกเขาก็ยังคงจน ถูกกดขี่ และถูกอำนาจที่เกิดจากรัฐและกลุ่มทุนในนโยบายการพัฒนาตลอดเวลา...
ยิ่งในช่วงหลังๆ การแบ่งแยกกลุ่มคน ที่สัมพันธ์กับปัญหาและภาพของความเหลื่อมล้ำในประเทศมีความชัดเจนมากขึ้น การเคลื่อนไหวทางการเมืองแบบเหลือง แดง ยิ่งช่วยตอกย้ำให้เห็นความห่างไกลจากความเป็นชาติ ในฐานะที่ทุกคนยึดเป็นสังกัด เป็นจินตนาการร่วมและเป้าหมายร่วมแห่งผลประโยชน์ที่ควรกระจายอย่างสมดุลและเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง
การเคลื่อนไหวของหนุ่มสาวในปัจจุบัน ...น่าสนใจว่าพวกเขาเป็นผลผลิตของพ่อแม่ที่มาจากชนชั้นที่หลากหลาย ที่มีประสบการณ์และล้วนก็ต่างเผชิญหน้ากับปัญหาอันหลากหลายในช่วงยุคสมัยของพวกเขาที่เปลี่ยนผ่านมา ลูกของพวกเขาจึงเป็นผลผลิตจากกลุ่มคนที่หลากหลายในชาติ ลูกของชนชั้นกลาง ลูกของนักธุรกิจ ลูกของนักการเมือง ลูกของพ่อค้าแม่ค้า ลูกของแรงงานในโรงงาน ลูกของขาวไร่ชานา ลูกของกลุ่มชาติพันธุ์ ไม่ว่าพวกเขาจะมาจากชนชั้นไหนก็ตาม แต่พวกเขาก็รับรู้ถึงปัญหาทางสังคมวัฒนธรรม เศรษฐกิจและการเมืองที่กระทบกับตัวเขาและครอบครัวไปจนถึงประเทศชาติ สิ่งที่เป็นเครื่องมือสำคัญในการแลกเปลี่ยน รับรู้ข้อมูลข่าวสารในเรื่องต่างๆระหว่างกัน ก็คือโซเชีย มีเดีย มีการใช้ไลน์ ทวิตเตอร์ เฟสบุ๊ค เพจต่างๆ ในการแชร์ข่าว ข้อมูลระหว่างกัน...สิ่งเหล่านี้คงจะตอบคำถามได้ประการหนึ่งว่า พวกเขาเติบโตมาจากการสัมผัสชีวิตและปัญหาของครอบครัว สังคมที่อยู่รายล้อมพวกเขาในคลื่นของยุคสมัยที่เปลี่ยนผ่าน การเห็นความไม่เท่าเทียม ความเหลื่อมล้ำ การจำกัดเสรีภาพหลายๆอย่างในชีวิตการเรียนและการทำงาน ระเบียบกฏเกณฑ์บางอย่างที่ไม่เคยถูกตั้งคำถามในคนรุ่นพ่อแม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เสื้อผ้า หน้าผม ค่าเทอม จริยธรรมของผู้สอน เรื่องเพศและอื่นๆ แต่คนรุ่นใหม่เริ่มมีคำถาม...
ความน่าเบื่อในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ก็คือการกล่าวอ้างผลประโยชน์ของชาติและการถ่วงดุลอำนาจ ที่ไม่เคยมีอยู่จริง นำไปสู่การแสวงหาแนวทางการมีส่วนร่วมแบบประชาธิปไตยแบบตรงๆ ที่สามารถแสดงออกถึงการมีอำนาจของประชาขนโดยไม่ผ่านตัวแทน การเมืองแบบชาวบ้าน การเมืองในออนไลน์ การเมืองข้างถนนหรือฟุตบาธและอื่นๆ...
ปัจเจกชนเสรี ย่อมไม่ต้องการดำรงตำแหน่งใดๆ หรือต้องสร้างองค์กร ต้องสร้างพรรค เข้ามาช่วงชิงอำนาจกับพรรคการเมืองเก่าๆ หากแต่เพียงต้องการแสดงออกซึ่งเจตจำนงและสิทธิในการรักษาวัฒนธรรม สังคม สิ่งแวดล้อม รวมทั้งสิทธิอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิต โดยไม่ถูกละเมิดหรือรุกล้ำ
ดังนั้นคำว่าชาติ อาจต้องนิยามใหม่ว่าชาติคือ พื้นที่ที่ประกอบด้วย ความแตกต่างหลากหลาย คนที่หลากหลาย ชุมชนที่หลากหลาย เพศที่หลากหลาย ไม่ใช่คนเพียงบางกลุ่มที่ผูกขาดสิ่งที่เรียกว่าชาติ...
ผมว่าสังคมเรายังมีความหวัง เราไม่เคยละทิ้งความหวัง แม้บางครั้งดูเหมือนว่ามันจะมืดมน อับแสงไปบ้าง แต่เราต้องหวังและสร้างสังคมให้มีความเท่าเทียมของความเป็นมนุษย์...
เราอยู่ในสังคมอุดมปัญญา การใช้เหตุผล เคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างสำคัญ... เสียงชาวบ้าน เสียงชนชั้นกลาง เสียงคนจน เสียงคนไร้บ้าน เสียงLGBTQ+ เสียงของหนุ่มสาว และเสียงอื่นๆ ....ผู้มีอำนาจจงรับฟังเถิด หากเสียงนั้นจะมากหรือน้อย ดังหรือไม่ดัง ฟังเขาหน่อยว่าเขาพูดอะไร คิดอะไร ชัยชนะในการเลือกตั้ง ที่ท่านอ้างถึงความชอบธรรมในการตัดสินใจ การพัฒนาเชิงนโยบายในทุกเรื่อง บางครั้งพบว่าสร้างปัญหาต่างๆตามมา หรือส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของผู้คนไม่ว่าจำนวนมาก หรือจำนวนน้อยก็ตาม ท่านก็ต้องรับฟัง ปรับปรุง แก้ไขและยอมถอยเพื่อให้ชาติดำเนินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
แด่หนุ่มสาว....
****ภาพประกอบ อาจไม่เกี่ยวกับที่แสดงพลังกันเมื่อวาน แต่โยงกับวิถีคิดของตัวเองตอนทำงานพัฒนากับชาวบ้านในพื้นที่ ตอนเรียนจบใหม่ๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สตรีนิยมกับสิ่งแวดล้อม โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

Aldo Leopold(1994) เขียนหนังสือที่รวบรวมบทความของเขาชื่อ Sand Country Almanac เขาได้อธิบายถึงปรัชญาของนักสตรีนิยมสิ่งแวดล้อมว่า ผู้หญิงมีควา...