วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2561

การให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของคนไข้ (The Patient’s experience) โดยนัฐวุฒิ สิงห์กุล


การให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของคนไข้ (The Patient’s experience)
          Kleinman (1988) โต้แย้งว่าการปฏิบัติทางการแพทย์สมัยใหม่ได้ขับไล่ความตั้งใจหรือความสนใจของหมอให้แยกห่างจากประสบการณ์ชีวิตของผู้ป่วย (Lived experience of the patient)และจากมิติที่สำคัญของการทำความเข้าใจความเจ็บป่วย ตัวของผู้ป่วยจึงมีสถานะเป็นร่างกายที่เงียบและไร้เสียง (organic Silence)แม้ว่าในความจริงนั้นความเจ็บป่วย(Illness)และความเจ็บปวด(Pain) ได้สร้างความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมาต่อร่างกายของผู้ป่วย ในการตระหนักรู้ถึงร่างกาย ในการสำนึกรู้เชิงความรู้สึก ร่างกายที่หายไปในชีวิตประจำวัน การทำให้เป็นอื่นและแยกขาดความเจ็บป่วยออกจากตัวเอง(self) การตัดขาดผู้ป่วยออกจากคนอื่นๆ และขุมขังตัวผู้ป่วยไว้ในร่างกาย  Kleinman ได้พูดถึงแนวโน้มของการอธิบายเกี่ยวกับเรื่องเล่าของผู้ป่วย(patient’s narrative) ที่เป็นการเติบโตขึ้นของการทำงานที่ทำการสำรวจประสบการณ์ของความเจ็บป่วยและร่างกายจากมุมมองของคนไข้(The perspective of the Patient) งานส่วนหนึ่งถูกเขียนโดยหมอ หรือนักสังคมวิทยาผู้ซึ่งมีความทุกข์ทรมานของตัวพวกเขาเองกับความเจ็บป่วย (Sack 1984,Scambler 1988, Kelly 1992, Frank 1995)   
          ประเด็นเกี่ยวกับโรคมะเร็ง(Cancer)เป็นเรื่องราวที่มีความเฉพาะของความเข้มข้นในงานวรรณกรรมที่สะท้อนออกมา อย่างเช่นในการทำงานของนักสังคมวิทยาที่ทำงานเกี่ยวกับประเด็นความเจ็บปวด(pain)และการเจ็บป่วยเรื้อรัง(Chronic illness) เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลในการกลับมาเน้นย้ำกรอบของการวิเคราะห์ที่เกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตของผู้ป่วยโดยเฉพาะเรื่องของผลกระทบจากการเจ็บป่วยและการรักษาที่สัมพันธ์กับการรับรู้เกี่ยวกับตัวเอง(Sense of self) ดังเช่นงานของ Kelly (1992)และ Madjar (1997) ที่สำรวจเกี่ยวกับการรักษาแบบคีโมในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่(Colistis Chemotheraphy)การบรรยายของผู้ป่วยเกี่ยวกับความกลัว  การช็อค ความขยะแขยง ที่ถูกทำให้เป็นประสบการณ์ในความสัมพันธ์หลังจากปฏิบัติการรักษาผ่านร่างกายpost-operative body) โดยการรักษามีผลลัพธ์ในการทำให้เสียหายต่อร่างกาย ความไม่สวย ดูไม่ดีเหมือนปกติ(Disfigurement) เมื่อคนไข้ส่องดูหน้าตัวเองในกระจก หรือขอบเขตของร่างกาย ที่ถูกรบกวนภายใต้วิถีทางของการรุกล้ำเชิงสังคมด้วย เพราะการรักษาด้วยวิธีการบางอย่างอาจจะเป็นสิ่งที่สร้างความขยะแขยงให้กับคนในสังคม เช่นการผ่าตัดเปิดหน้าท้อง(ileostomy) ในการรักษาแบบเคมีบำบัด ร่างกายกลายเป็นสนามของการต่อสู้ (battleground)
       
                        
                                                                 
                          Ileostomy หรือการผ่าตัดเปิดหน้าทองเพื่อให้ของเสียออกมาจากร่างกาย    
           



                                                              การรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือการให้คีโม ที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายเช่น ผมร่วง น้ำหนักตัวลด ผิวคล้ำและอื่นๆ
                                                             
            
  วิถีทางทางการแพทย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงแนวคิดเกี่ยวกับร่างกาย แหล่งของโรค แหล่งของการรักษา แหล่งของการควบคุมป้องกันโรค ร่างกายจึงเป็นเสมือนพื้นที่รองรับของการถูกกระทำเกี่ยวกับความเจ็บป่วย(passive receptacle of disease)ไปสู่ความสามารถในการตอบสนองและการเป็นผู้กระทำการที่กระตือรือร้นเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ(active agent of selfcare) การแพทย์สมัยใหม่ออกใบสั่งยาและจ่ายยาไม่เฉพาะทางด้านยาและเวชภัณฑ์(pharmaceuticals)เท่านั้นแต่ยังให้ข้อมูลและแนะนำเกี่ยวกับการใช้ชีวิตด้วยและให้คำอธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่ประกอบสร้างการทำงานทางสุขภาพที่มีการแพร่ขยายไปเลยจากการกระทำทางคลินิกไปสู่การจัดวางความระมัดระวังในความสัมพันธ์กับพฤติกรรม วิถีชีวิตและรูปแบบของการบริโภคและการจัดระเบียบของพื้นที่ทางสังคม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สตรีนิยมกับสิ่งแวดล้อม โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

Aldo Leopold(1994) เขียนหนังสือที่รวบรวมบทความของเขาชื่อ Sand Country Almanac เขาได้อธิบายถึงปรัชญาของนักสตรีนิยมสิ่งแวดล้อมว่า ผู้หญิงมีควา...