“Frankenstein remains a timeless critique of the limits of human ambition and the unintended consequences of technological creation.” (Frankenstein ยังคงเป็นคำวิพากษ์ที่ไร้กาลเวลาเกี่ยวกับขีดจำกัดของความทะเยอทะยานของมนุษย์และผลกระทบที่ไม่คาดคิดจากการสร้างสรรค์เทคโนโลยี)
“Artificial life challenges us to rethink the boundaries between human and machine, creator and creature.”(ชีวิตเทียมท้าทายเราให้พิจารณาขอบเขตระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร ผู้สร้างกับสิ่งที่ถูกสร้าง)
“With the power to create life comes the moral obligation to nurture, protect, and respect what we bring into existence.”
(เมื่อเรามีพลังในการสร้างชีวิต เรามีภาระทางศีลธรรมที่จะดูแล ปกป้อง และเคารพสิ่งที่เรานำเข้าสู่การดำรงอยู่)
“Shelley’s monster is a warning against the hubris of creators who abandon their creations.” (สัตว์ประหลาดใน Frankenstein เป็นคำเตือนต่อความหยิ่งผยองของผู้สร้างที่ทอดทิ้งสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้น)
ข้อความจากหนังสือชื่อ Artificial Life After Frankenstein โดย Eileen Hunt Botting เป็นงานวิชาการที่สำรวจแนวคิดเกี่ยวกับ “ชีวิตเทียม” (Artificial Life) และผลกระทบเชิงจริยธรรมและปรัชญาที่สืบเนื่องมาจากนิยาย Frankenstein ของ Mary Shelley โดยเน้นการวิเคราะห์เชิงปรัชญา การเมือง และจริยธรรมร่วมสมัยในบริบทของเทคโนโลยีชีวภาพและปัญญาประดิษฐ์ (AI)
“Victor Frankenstein’s greatest mistake was not in creating life but in abandoning it.”
(ความผิดพลาดของ Victor Frankenstein ไม่ใช่การสร้างชีวิต แต่คือการทอดทิ้งสิ่งที่เขาสร้างขึ้น)
“Artificial life forces us to reconsider the boundaries between human, non-human, and machine.” (ชีวิตเทียมทำให้เราต้องทบทวนขอบเขตระหว่างมนุษย์ สิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ และเครื่องจักร)
“Technological creation is not a neutral act—it carries profound political and ethical consequences.” (การสร้างเทคโนโลยีไม่ใช่การกระทำที่เป็นกลาง แต่มีผลกระทบทางการเมืองและจริยธรรมอย่างลึกซึ้ง)
“If artificial beings possess consciousness, do they not deserve rights and recognition?”(หากสิ่งมีชีวิตเทียมมีจิตสำนึก พวกเขาไม่สมควรได้รับสิทธิและการยอมรับหรือ?)
“Shelley’s monster is a warning against the hubris of creators who abandon their creations.” (สัตว์ประหลาดของ Shelley ซึ่งก็คือ Frankenstein ถือเป็นคำเตือนต่อความหยิ่งผยองของผู้สร้างที่ทอดทิ้งสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้น)
ดังนั้น ความล้มเหลวของผู้สร้างใน Frankenstein การสร้างนิยามใหม่ของความเป็นมนุษย์ ผลกระทบต่อจริยธรรมและการเมือง และสิทธิของชีวิตเทียม จึงเป็นข้อถกเถียงที่ท้าทายมาก
แนวคิดสำคัญในหนังสือ
1. มรดกทางความคิดจาก Frankenstein และ Mary Shelley โดดย Botting ชี้ให้เห็นว่า Frankenstein เป็นงานวรรณกรรมที่ก้าวหน้าในการตั้งคำถามเกี่ยวกับการสร้างชีวิต การรับผิดชอบของผู้สร้าง และผลกระทบทางจริยธรรมต่อสังคม นิยายเรื่องนี้ถือเป็นจุดกำเนิดของการถกเถียงเกี่ยวกับเทคโนโลยีชีวภาพในยุคปัจจุบัน เช่น การโคลนนิ่ง สิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม (GMOs) และ AI
2. การสร้างชีวิตในบริบทใหม่ หนังสือเชื่อมโยงการสร้าง “ชีวิตเทียม” ในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น AI หุ่นยนต์ หรือการดัดแปลงพันธุกรรมกับแนวคิดของ Shelley โดยเน้นให้ผู้อ่านพิจารณาประเด็นจริยธรรมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น
3. จริยธรรมและการเมืองของการสร้างสรรค์
Botting วิเคราะห์ว่าผู้สร้างเทคโนโลยีเหล่านี้ควรมีความรับผิดชอบอย่างไรต่อผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม เช่น ปัญหาความไม่เท่าเทียมกัน หรือการที่ชีวิตเทียมอาจเข้ามาแทนที่ชีวิตมนุษย์
4. เชื่อมโยงกับความคิดเฟมินิสต์และสิทธิมนุษยชน ผู้เขียนเสนอว่าความคิดของ Shelley เป็นรากฐานของแนวคิดเฟมินิสต์ในปัจจุบัน โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและสิทธิของผู้ที่ถูกสร้างขึ้น เช่น สิทธิของหุ่นยนต์ หรือ AI ที่มีสติปัญญาขั้นสูง
ตัวอย่างเชิงรูปธรรม
1. AI และจริยธรรมของผู้สร้าง หนังสือเชื่อมโยงการทดลองสร้างชีวิตของ Victor Frankenstein กับการพัฒนา AI และเทคโนโลยีชีวภาพในปัจจุบัน โดย Botting ตั้งคำถามว่า หาก AI หรือสิ่งมีชีวิตที่เราสร้างขึ้นมีความรู้สึกนึกคิด (sentience) เราจะรับผิดชอบอย่างไรต่อ “ชีวิต” ที่เราสร้าง?
2. โคลนนิ่งและชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม Botting วิเคราะห์ว่า Frankenstein สามารถถูกอ่านเป็นคำเตือนเกี่ยวกับการพัฒนาทางพันธุกรรมและการโคลนนิ่งในยุคปัจจุบัน และเน้นว่าผู้สร้างควรตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสังคมและจริยธรรมโดยรวม
3. สิทธิของสิ่งมีชีวิตที่มนุษย์สร้างขึ้น
Botting เปรียบการถูกปฏิเสธจากสังคมของสัตว์ประหลาดใน Frankenstein กับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นหาก AI หรือชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมถูกปฏิบัติอย่างไร้มนุษยธรรม
นอกจาก Eileen Hunt Botting จะให้ความสำคัญกับการสะท้อนแนวคิดด้านจริยธรรมและการเมืองของ Frankenstein ผ่านมุมมองร่วมสมัย โดยนำเสนอตัวอย่างรูปธรรมในหลากหลายบริบททางสังคม เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งพิจารณาคำถามพื้นฐานเกี่ยวกับการสร้างและผลกระทบจากชีวิตเทียม (artificial life) ต่อสังคมมนุษย์ ที่น่าสนใจ คือ
1. การสร้างชีวิตและอำนาจของผู้สร้าง
Victor Frankenstein ในฐานะ “ผู้สร้าง” เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจที่ไร้ความรับผิดชอบ Botting ชี้ให้เห็นว่าผู้สร้างในยุคปัจจุบัน เช่น นักวิทยาศาสตร์หรือวิศวกร AI ควรตระหนักถึงผลกระทบระยะยาวต่อโลกและสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ โดยเฉพาะการสร้างชีวิตที่ไม่อาจควบคุมได้ เช่น AI ที่พัฒนาสติปัญญาขึ้นเอง
2. จริยธรรมเกี่ยวกับการปฏิเสธสิ่งที่เราสร้าง
หนังสือสำรวจจุดอ่อนของ Victor Frankenstein ที่ปฏิเสธ “สิ่งมีชีวิต” ที่เขาสร้างขึ้น เปรียบได้กับความไม่ใส่ใจที่ผู้พัฒนาเทคโนโลยีมีต่อผลกระทบทางสังคม เช่น การพัฒนา AI ที่ถูกละเลยในแง่ของสิทธิหรือความเป็นอยู่ของ “สิ่งมีชีวิตเทียม” เหล่านั้นฃ
3. สิทธิของสิ่งมีชีวิตเทียม (Rights of Artificial Beings)
Botting นำเสนอความคิดเกี่ยวกับสิทธิของชีวิตเทียม โดยชี้ให้เห็นว่าหากสิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีความสามารถคิดและรู้สึก (sentience) ผู้สร้างและสังคมมีหน้าที่ต้องเคารพพวกเขาในฐานะ “ปัจเจกบุคคล” ไม่ใช่เพียงเครื่องมือ
4. อันตรายจากการลดคุณค่าของชีวิต
หนังสือชี้ว่าการมองชีวิตเทียมเป็นเพียงทรัพยากรหรือวัตถุอาจนำไปสู่ความไม่สมดุลในสังคม เช่น การใช้ AI แทนแรงงานมนุษย์โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจหรือสังคม
ตัวอย่างเชิงรูปธรรมที่น่าสนใจเกี่ยวกับชีวิตเทียม ในโฉลกกยุคปัจจุบัน อาทิเช่น
1. หุ่นยนต์ในระบบการแพทย์
Botting เชื่อมโยงไปยังการใช้หุ่นยนต์และ AI ในการแพทย์ เช่น หุ่นยนต์ที่ช่วยดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งนำไปสู่คำถามว่า “เรากำลังแทนที่ความเป็นมนุษย์หรือไม่?” หรือนี่เป็นเพียงการลดต้นทุนโดยไม่สนใจผลกระทบเชิงจิตวิทยาต่อผู้ป่วย?
2. AI และผลกระทบทางเศรษฐกิจ
ตัวอย่างของ AI ที่เข้ามาแทนแรงงานมนุษย์ในอุตสาหกรรม เช่น การผลิตหรือบริการลูกค้า แสดงให้เห็นความคล้ายคลึงกับเรื่องราวใน Frankenstein ที่การสร้างสรรค์ทางเทคโนโลยีกลายเป็น “ภัยคุกคาม” ต่อมนุษยชาติที่ผู้สร้างไม่สามารถควบคุมได้
3. การดัดแปลงพันธุกรรม
หนังสืออ้างถึงกรณีของการดัดแปลงพันธุกรรมมนุษย์ เช่น การใช้ CRISPR-Cas9 โดยตั้งคำถามว่าการ “สร้างชีวิต” ในลักษณะนี้มีผลต่อความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์อย่างไร และการตัดสินใจเหล่านี้ควรขึ้นอยู่กับใคร
4. ภาพยนตร์และวรรณกรรมที่ได้รับอิทธิพลจาก Frankenstein
Botting ยกตัวอย่างเรื่อง Ex Machina และ Blade Runner ที่สะท้อนปัญหาเดียวกันกับ Frankenstein เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างผู้สร้างกับสิ่งที่ถูกสร้าง และการต่อสู้ของสิ่งมีชีวิตเทียมเพื่อสิทธิและอัตลักษณ์ของตนเอง
ในหนังสือ Artificial Life After Frankenstein โดย Eileen Hunt Botting แนวคิดที่ผู้เขียนใช้ในการอธิบายและวิเคราะห์ชีวิตเทียม (artificial life) ได้รับการดึงมาจากหลายศาสตร์ ข้ามศาสตร์ โดยเฉพาะปรัชญา จริยธรรม การเมือง และแนวคิดจากเฟมินิสต์ เพื่อให้เห็นถึงผลกระทบของการสร้าง “ชีวิต” ที่ไม่ใช่มนุษย์ในบริบททางสังคมและเทคโนโลยีสมัยใหม่
แนวคิดที่ใช้ในการอธิบายที่น่าสนใจ คือ
1. Human Hubris (ความหยิ่งผยองของมนุษย์)
แนวคิดนี้มาจากปรัชญาคลาสสิกที่ตั้งคำถามถึงความทะเยอทะยานและความพยายามของมนุษย์ในการเลียนแบบ “พระเจ้า” เช่น การสร้างชีวิต หรือการดัดแปลงธรรมชาติ Botting ใช้แนวคิดนี้วิเคราะห์ว่าความล้มเหลวของ Victor Frankenstein ใน Frankenstein เกิดจากการสร้างชีวิตโดยไม่คำนึงถึงความรับผิดชอบทางจริยธรรมและผลกระทบในระยะยาว
2. Ethics of Responsibility (จริยธรรมแห่งความรับผิดชอบ)
ผู้เขียนเน้นว่าการสร้างชีวิต (ไม่ว่าจะเป็น AI หรือสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม) ต้องมาพร้อมความรับผิดชอบของผู้สร้างในการดูแลและปกป้องสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้น เช่นเดียวกับประเด็นใน Frankenstein ที่ Victor ละเลยความรับผิดชอบต่อสัตว์ประหลาดที่เขาสร้างขึ้น
3. Posthumanism (หลังมนุษยนิยม)
Botting ใช้แนวคิดนี้เพื่อสำรวจว่า “ชีวิตเทียม” สามารถเปลี่ยนแปลงนิยามของความเป็นมนุษย์ได้อย่างไร เช่น หาก AI มีสติปัญญา (sentience) และอารมณ์ มนุษย์ควรปฏิบัติต่อพวกเขาในฐานะ “สิ่งมีชีวิต” หรือ “เครื่องมือ”?
4. Feminist Ethics (จริยธรรมเชิงเฟมินิสต์)
ผู้เขียนดึงแนวคิดเฟมินิสต์เพื่อวิจารณ์โครงสร้างอำนาจของผู้สร้าง โดยเฉพาะกรณีที่ Victor เป็นตัวแทนของความเป็นชายที่ควบคุมธรรมชาติและสร้างชีวิตขึ้นเองโดยไม่สนใจความเท่าเทียมทางเพศหรือการมีส่วนร่วมของ “แม่” ในกระบวนการสร้าง
5. Social Contract Theory (ทฤษฎีสัญญาประชาคม) Botting นำแนวคิดนี้มาใช้เพื่อเสนอว่าการสร้างชีวิต (เช่น AI) ควรอยู่ภายใต้กรอบของ “สัญญา” ระหว่างผู้สร้างและสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น โดยสิ่งที่ถูกสร้างควรมีสิทธิขั้นพื้นฐาน เช่นเดียวกับมนุษย์ในสังคมประชาธิปไตย
6. Bioethics and Environmental Ethics (ชีวจริยธรรมและจริยธรรมสิ่งแวดล้อม) Botting ชี้ให้เห็นว่าเทคโนโลยีในการสร้างชีวิต เช่น การดัดแปลงพันธุกรรม มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพ เธอเน้นว่าผู้สร้างควรพิจารณาทั้งมิติทางจริยธรรมและสิ่งแวดล้อมก่อนจะดำเนินการสร้างมัน
ตัวอย่างคำถามสำคัญที่หนังสือเสนอและสามารถนำไปขบคิดต่อ เช่น
1. เราควรปฏิบัติต่อ AI และชีวิตเทียมอย่างไร หากพวกเขาพัฒนาสติปัญญาและความรู้สึกเทียบเท่ามนุษย์?
2. ผู้สร้างควรรับผิดชอบอย่างไรหากสิ่งที่พวกเขาสร้างส่งผลกระทบด้านลบต่อสังคมหรือธรรมชาติ?
3. การสร้างชีวิตเทียมเปลี่ยนแปลงนิยาม “ความเป็นมนุษย์” ในยุคหลังมนุษยนิยมอย่างไร?
หนังสือเล่มนี้ชวนผู้อ่านตั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคตของมนุษย์ เทคโนโลยี และจริยธรรมในโลกที่การสร้างชีวิตไม่ใช่เรื่องของจินตนาการอีกต่อไป แต่กลายเป็นความจริงที่เราต้องเผชิญ
หนังสือเล่มนี้จึงเหมาะสำหรับผู้สนใจวรรณกรรมคลาสสิก ปรัชญา จริยธรรมของเทคโนโลยี และการวิเคราะห์ผลกระทบทางสังคมในยุคที่ชีวิตเทียมและ AI กลายเป็นความจริงที่ใกล้ตัว โดย Eileen Hunt Botting ใช้กรณีศึกษาเชิงวรรณกรรมจาก Frankenstein เป็นกรอบในการวิเคราะห์ปัญหาที่ซับซ้อนของยุคปัจจุบัน เช่น ปัญหาสิทธิของ AI ความเท่าเทียมทางชีววิทยา และความสัมพันธ์ระหว่างผู้สร้างกับสิ่งที่สร้างขึ้น เราสามารถนำแนวคิดจากหนังสือไปประยุกต์ในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีชีวภาพ AI หรือประเด็นด้านจริยธรรมและการเมืองในงานวิจัยหรือการสอนในบริบทที่กว้างขึ้นได้
เข้านี้หลังจากตื่นนอน อยากเขียนการนอนในมิติทางมานุษยวิทยากับนักมานุษยวิทยา... ผมเริ่มต้นกับการลองตั้งคำถามเพื่อหาความรู้เกี่ยวกับการนอนว่า อะไรคือการนอน ทำไมต้องนอน นอนที่ไหน นอนเมื่อไหร่ นอนอย่างไร นอนกับใคร นอนเพื่ออะไรและอื่นๆ..เพื่อจะได้รู้ความสัมพันธ์ของการนอนในมิติต่างๆ การนอนของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆแตกต่างจากมนุษย์หรือไม่ หากเปรียบเทียบการนอนของ มนุษย์กับสัตว์สปีชี่ส์อื่นมีการนอนต่างกันหรือเหมือนดันอย่างไร ตัวอย่างเช่น ยีราฟจะนอนครั้งละ 10 นาที รวมระยะเวลานอนทั้งหมด 4.6 ชั่วโมงต่อวัน สัตว์จำพวกค้างคาว และเม่นมีการนอนมากกว่าสัตว์อื่นๆเพราะใช้เวลานอน 17-20ชั่วโมงต่อวัน สำหรับมนุษย์ การนอนคือส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในประสบการณ์ของมนุษย์ การสำรวจการนอนข้ามวัฒนธรรมน่าจะทำให้เราเข้าใจความหมายและปฎิบัติการของการนอนที่มีความซับซ้อนมากขึ้น.. การนอนอาจจะเป็นเรื่องของทางเลือก แต่เป็นทางเลือกที่อาจถูกควบคุมบังคับ โดยโครงสร้างทางสังคมวัฒนธรรม นอนเมื่อไหร่ นอนเท่าไหร่ นอนที่ไหน นอนอย่างไร และนอนกับใคร.. ในสังคมตะวันตก อุดมคติเก...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น