วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

มานุษยวิทยาว่าด้วยการศึกษาสัตว์ประหลาด โดยนัฐวุฒิ สิงห์กุล

 วิชามานุษยวิทยาว่าด้วยสัตว์ประหลาด เป็นวิชาหนึ่งที่ผมเคยคิดอยากจะสอน อยากจะเปิดรายวิชา จากความสนใจวัยเด็กที่ชอบตำนานเรื่องลี้ลับ..

   ทุกสนามมีเรื่องเล่า ทุกสนาม ทุกท้องถิ่น มีความเชื่อเรื่องสัตว์ประหลาด ผมนึกถึงมานุษยวิทยาที่ว่าด้วยการศึกษาสัตว์ประหลาด ที่เรียกว่า Anthropology of monster หรือ Monster studies ..ดังเช่นงานของ  Cohen (1996) ที่เขียน Monster Culture ภายใต้เรื่องเล่าเกี่ยวกับความน่ากลัว จินตนาการที่เหมือนภูติผี อันตราย การทำลาย หรือสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัว ที่แฝงหรือซ่อนตัวอยู่ในเงาและความมืด อยู่ใต้เตียง และอยู่ภายในถ้ำหรือใต้ทะเลสาบ ที่ก้าวพ้นไปจากสิ่งที่เรามองเห็น และอยู่ในจินตนาการ  

  ในด้านหนึ่งสัตว์ประหลาด มันคือสาเหตุของความชั่วร้าย ความเสียหายต่อสิ่งต่างๆ บางครั้งมันเป็นสิ่งที่ปกป้องผู้คน รวมทั้งเป็นสิ่งที่สามารถบ่มเพาะความกลัว สร้างความหวาดหวั่นให้กับผู้คน สามาถเข่นฆ่าทำลายชีวิตผู้คน การศึกษาเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดจึงมีความหมายและเป็นประเด็นที่น่าสนใจทางมานุษยวิทยา แม้ว่าจะเป็นสนามย่อยๆเล็กๆ แต่ปัจจุบันในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาการศึกษาเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดได้กลายเป็นเสมือนดอกเห็ดที่มีความอุดมสมบูรณ์และเติบโตอย่างมากในการศึกษาเรื่องนี้ ดังเช่นของบทความวิชาการต่างๆ และหนังสือเกี่ยวกับการค้นหาหลักฐานและมีการพิสูจน์ การรับรองการมีอยู่จริงสัตว์ประหลาดเหล่านี้ในทุกมุมโลก และสิ่งเหล่านี้ถูกผลิตซ้ำผ่านวรรณกรรม ภาพยนตร์ และสื่อต่างๆในปัจจุบัน..

      มนุษย์เชื่อมโยงความอยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่เรียกว่าสัตว์ประหลาด โดยการให้ชื่อมันในแต่ละภูมิภาค อย่างในภาคเหนือมีความเชื่อเรื่องแมงสี่หูห้าตา ที่วัดพระธาตุดอยเขาควายแก้วที่เชียงราย  การสร้างประวัติศาสตร์เรื่องราวของมัน เช่น ตำนาน Dracula  ตำนานมนุษย์หมาป่า  ตำนานบิ๊กฟุต ตำนานล็อกเนสส์หรือเนสซี่ ตำนานเยติ หรือตำนานแฟรงเก้นสไตน์ เป็นต้น แหล่งที่อยู่อาศัยแหล่งกำเนิดเช่นในมหากาพย์ของโฮเมอร์ เรื่องโอดีสซี ที่พูดถึงเกาะที่มียักษ์ตาเดียว หรือเมืองของเมดูซ่า  รวมทั้งการพูดพลังอำนาจของมัน หรือการเชื่อมโยงกับเทวตำนาน การเกิดลูกของเทพเจ้าที่เกิดตากการผสมเผ่าพันธุ์ของเทพกับสัตว์ กับมนุษย์ธรรมดา หรือกับเทพด้วยกันและต้องคำสาปที่ทำให้เกิดภาวะความเป็นสัตว์ประหลาด..

   การศึกษาเกี่ยวกับสัตว์ประหลาด เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับวิธีการที่ร่างกาย ( monster bodies) มีการผสมผสานและจับคู่กัน ภายใต้สิ่งที่ควรแยกออกจากกัน  เช่นการผสมระหว่าง ธรรมชาติ / วัฒนธรรม, มนุษย์ / สัตว์, ชาย / หญิง, คุ้นเคย / ไม่คุ้นเคย เป็นต้น ตั้งแต่แม่มดแอฟริกันและผี Burnt Woman ในออสเตรเลียไปจนถึง Freddy Krueger หรือสัตว์ประหลาดที่เกิดจากการค้นคว้าทดลอง การกินยาหรือสารเคมีที่ทำให้ร่างกายเปลี่ยนแปลง และการกลายเป็นร่างมนุษย์กึ่งหุนยนต์ที่เรียกว่าไซบอร์ก รวมถึงการทำความเข้าใจรูปแบบสัตว์ประหลาดทั้งแบบตะวันตกและแบบตะวันออกภายใต้วิธีการบางอย่างทราคนในสังคมเหล่านั้นได้รับการถ่ายทอดและมีประสบการณ์เกี่ยวกับสัตว์ประหลาดในชุมชนทางชาติพันธุ์ที่แตกต่างกัน ภายใต้เงื่อนไขทางบริบทและช่วงเวลาเฉพาะ...

    คำถามสำคัญก็คือ สัตว์ประหลาดมีอยู่จริงหรือไม่ ความรู้ ความจริงเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดถูกสร้างขึ้นอย่างไร และเราจะกำหนด แบ่งแยกประเภทหรืออธิบายมันได้อย่างไร? สัตว์ประหลาดและเรื่องเล่าเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดมีบทบาทอย่างไรในวัฒนธรรม? ตรรกะของความชั่วร้ายยังคงอยู่ตลอดเวลาหรือแต่ละยุคยอมรับสัตว์ประหลาดที่แตกต่างกันหรือไม่? ดังเช่นหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่ตัวพระเอกคือสัตว์ประหลาดผู้ชั่วร้าย ที่ไม่ต้องสร้างภาพแบบดูดี.. 

    แนวคิดที่ว่ามอนสเตอร์เป็นผู้ผิดปกติและไร้ระเบียบ ที่ให้แนวทางกับเราในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นความปกติและความผิดปกติในสังคม แนวคิดที่ว่าความชั่วร้าย ที่เป็นเสมือนสัตว์ประหลาดในร่างมนุษย์ที่ปกติ ดังนั้นภาวะของการเป็นสัตว์ประหลาด(monsternization) ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความกลัวตัวเองของมนุษย์ที่ผิดปกติหรือร่างกายที่ผิดปกติไปจากมาตรฐานของสังคม แต่ยังรวมถึงความท้าทายต่อรอง ภายใต้การสร้างตัวตนปกติและร่างกายปกติ เพื่อต่อสู้ต่อรองกับอะไรบางอย่าง เช่นเดียวกับปางของเจ้าแม่กาลีที่ต้องแสดงด้านของความชั่วร้ายเพื่อต่อสู้กับยักษ์อสูรหรือความไม่ยุติธรรม..


อ้างอิง


Cohen, Jeffrey Jerome. 1996. “Monster Culture (Seven Theses).” In Monster Theory, edited by J. J. Cohen, 3–25. Minneapolis: University of Minnesota Press

Foucault, M. 2003. Abnormal: Lectures at the College de France, 1974-1975, eds V. Marchetti, A. Salomoni, and A. Davidson. New York: Picador. 

Kearney, R. 2003. Strangers, Gods and Monsters. London & New York: Routledge.

Levina, M. and Diem-My T. Bui, eds. 2013. Monster Culture in the 21st Century: A Reader. London & New York:Bloomsbury.

Musharbash, Y and G. H. Presterudstuen, eds. 2014. Monster Anthropology in Australasia and Beyond. New York

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สตรีนิยมกับสิ่งแวดล้อม โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

Aldo Leopold(1994) เขียนหนังสือที่รวบรวมบทความของเขาชื่อ Sand Country Almanac เขาได้อธิบายถึงปรัชญาของนักสตรีนิยมสิ่งแวดล้อมว่า ผู้หญิงมีควา...