ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เหมืองแร่ในจังหวัดเลย


กลุ่มคนรักบ้านเกิดและกลุ่มอนุรักษ์ภูหินเหล็กไฟ ที่คัดค้านเรื่องเหมืองแร่และโรงโม่หิน ในพื้นที่จังหวัดเลย
ความเป็นมาของเครือข่าย
สมาคมผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมและสาธารณะ เป็นกลุ่มที่ขับเคลื่อนกลุ่มองค์กรชาวบ้าน และทำหน้าที่อบรมประสานกลุ่มต่างๆโดยเฉพาะดำเนินการต่อสู้คัดค้านเรื่องของโรงโม่หิน ในพื้นที่อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย  เป็นกลุ่มที่ดำเนินการต่อสู้มาอย่างยาวนานและเป็นกลุ่มต้นๆที่ทำการเคลื่อนไหวคัดค้านเกี่ยวกับทรัพยากรแร่ธาตุในพื้นที่จังหวัดเลย โดยเน้นการทำงานด้านสิ่งแวดล้อมป่าไม้ ที่ดินและทรัพยากรแร่ในจังหวัดเลย เนื่องจากจังหวัดเลยที่มีภูเขาและแหล่งแร่มากกมาย มีโรงโม่หินและเหมืองแร่หลายแห่ง งานที่เคลื่อนไหวในปัจจุบันคือ การต่อสู้กับนายทุนที่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ในพื้นที่ตำบลผาน้อย ที่มีกิจการเหมืองและโรงโมหินจำนวนมาก และเกิดผลกระทบต่อหมู่บ้านกว่า 20 หมู่บ้าน และได้ก่อตั้งเครือข่ายเยาวชนอนุรักษ์ป่าภูผาน้อย อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลยขึ้นมา ที่เกิดขึ้นจากบ้านรอบป่าภูผาน้อย ที่ได้รับผลกระทบจากการเข้ามาของนายทุนจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ ทำให้ชุมชนได้รับผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ
กลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด หมู่บ้านนาหนองบง ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2550 โดยชาวบ้านนาหนองบงและชาวบ้านใกล้เคียงรวม 6 หมู่บ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ต่อต้านการทำเหมืองแร่ทองคำ ของบริษัททุ่งคำ จำกัด ที่ได้รับอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทางธรณีวิทยาเมื่อปีพ.ศ. 2534-2535 ในพื้นที่ 340,000 ไร่ จนพบสินแร่ทองคำในสามพื้นที่ คือภูทับฟ้า ภูเหล็ก และภูซำป่าบอน ที่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจและการทำเหมือง และได้จัดทำรายงานประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมเมื่อปีพ.ศ.2541 จากนั้นก็ขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ดังกล่าวเมื่อปี พ.ศ.2546 ในพื้นที่ 1,308 ไร่ของภูทับฟ้า และ 228 ไร่ในพื้นที่ภูซำป่าบอน  เนื่องจากแหล่งของการทำเหมืองแร่ทองคำ คือภูทับฟ้าซึ่งมีสินแร่ทองคำปริมาณมหาศาล และอยู่ใกล้กับลำห้วยผุกซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำฮวย และแหล่งน้ำซับหรือน้ำซำ ที่เป็นลำห้วยขนาดเล็ก ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการดำรงชีวิตของชาวบ้าน 6 หมู่บ้านในตำบลเขาหลวง ซึ่งตั้งอยู่รอบพื้นที่เหมือง ทั้งฝุ่นละอองจากการระเบิดหินและได้รับผลกระทบจากสารไซยาไนต์ที่ใช้ในกระบวนการแยกแร่ทองคำ ปนเปื้อนลงสู่แหล่งน้ำบนดินและใต้ดิน  และปัจจุบันกลุ่มรักษ์บ้านเกิด มีสมาชิกมากกว่า 1,000 คน ซึ่งทำงานร่วมกับชุมชนต่างๆที่ได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองเหล็ก เหมืองทองแดง เหมืองแบไรต์และเหมืองแร่โพแทช โดยผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ทองคำ มีความชัดเจนในช่วงปีพ.ศ.2553 ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเลยได้ประกาศให้ประชาชนที่อยู่รอบเหมืองแร่ทองคำ งดบริโภคน้ำและสัตว์น้ำในพื้นที่ห้วยเหล็ก บ้านนาหนองบง เนื่องจากการปนเปื้อนของสารไซยาไนต์  เช่นแคดเมียม แมงกานีส และ ตะกั่ว มีระดับสูง ทำให้ชาวบ้านต้องใช้จ่ายเงินในการซื้อน้ำดื่มมาอุปโภคบริโภค
กรณีบทเรียนจากการทำเหมืองแร่ทองคำที่ภูทับฟ้า และภูซำป่าบอน ที่ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ถูกนำมาเป็นกรณีตัวอย่างของการต่อต้านโครงการเหมืองแร่ทองคำของบริษัทภูเทพ ที่กำลังอยู่ในช่วงว่าจ้างให้สถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เข้ามาทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมหรือ อีไอเอ โดยบริษัทผาแดงภูเทพ ได้ขอประทานบัตรในพื้นที่15,600 ไร่ เพื่อทำเหมืองแร่ทองแดง โดยครอบคลุมพื้นที่ 4 ตำบล คือ  ตำบลนาดินดำ ตำบลนาอาน ตำบลนาโป่ง  ตำบลน้ำสวย อำเภอเมือง และตำบลท่าสะอาด อำเภอนาแห้ว  จำนวนกว่า 40 หมู่บ้าน ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำนา ทำไร่และทำสวนยาง โดยแกนนำได้เริ่มก่อตั้งกลุ่มอนุรักษ์ภูหินเหล็กไฟ เพื่อคัดค้านโครงการเหมืองแร่ทองแดงภูเทพของบริษัทภูเทพ จำกัด ในเครือของบริษัทผาแดงอินดัสทรี จำกัด มหาชน โดยสถานการณ์ปัจจุบันบริษัทภูเทพกำลังอยู่ในช่วงของการเตรียมจัดทำรายงานการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและรายงานการประเมินผลกระทบทางด้านสุขภาพ โดยในปัจจุบันเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2554  ทางกลุ่มอนุรักษ์ภูหินเหล็กไฟ ได้ยื่นหนังสือและประท้วงการเข้ามาเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อการกำหนดเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ โครงการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของเหมืองทองแดง ภูเทพ จังหวัดเลย
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ กลุ่มที่เป็นเครือข่ายสำคัญที่ช่วยในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การต่อสู้คัดค้าน มีหลากหลายกลุ่มทั้งที่อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี กลุ่มอนุรักษ์ภูหลวง กลุ่มอุมุงเชียงคาน ที่คัดค้านการทำเหมืองแร่เหล็กและแบไรต์และโรงโม่หินในพื้นที่อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย เป็นต้น การเชื่อมโยงเครือข่ายของผู้ได้รับผลกระทบของเหมืองแร่ ตามแนวสายแร่ที่พาดผ่านตอนบนของภาคอีสานสู่รอยต่อของจังหวัดเพชรบูรณ์ พิจิตรและพิษณุโลกบริษัทเขาเจ็ดลูก เขาหม้อ ซึ่งบริษัทอัครา ไมน์นิ่ง จำกัด ได้รับสัมปทานอาชญาบัตรในการสำรวจและได้รับประทานบัตรในการทำเหมืองแร่ทองคำชาตรี ทำให้เกิดเครือข่ายเชื่อมโยงประเด็นปัญหาเรื่องของเหมืองแร่ขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ทั้งที่เกิดโครงการขึ้นแล้วและโครงการยังไม่เกิดขึ้น
ข้อมูลการขับเคลื่อนของเครือข่าย
การขับเคลื่อนงานของเครือข่ายส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการเผยแพร่ประเด็นปัญหาเกี่ยวกับผลกระทบจากโครงการเหมืองแร่ทองคำ เหมืองทองแดง เหมืองเหล็ก และเหมืองแบไรต์ ในพื้นที่จังหวัดเลย ที่เกิดกับกระบวนการทำเหมืองแร่ เช่น การระเบิดหิน การแต่งแร่ ที่ทำให้เกิดการปนเปื้อนของสารเคมีในแหล่งน้ำอุปโภคและบริโภค รวมทั้งการเคลื่อนไหวคัดค้านเรื่องการทำประเมินผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของบริษัทและกลุ่มทุนที่จะเข้ามาดำเนินการทำเหมืองแร่ ตามข้อกำหนดตามพระราชบัญญัติสิ่งแวดล้อมปีพ.ศ.2535 งานวิจัย งานวิชาการและงานศึกษา ที่ขับเคลื่อนโดยเครือข่าย พบว่ามีจำนวนน้อยมาก เมื่อเทียบกับระยะเวลาของการเคลื่อนไหวที่มีการดำเนินโครงการพัฒนามาอย่างยาวนาน ซึ่งอาจจะเกิดจากการเข้าถึงพื้นที่ปัญหาค่อนข้างยากลำบากและกลุ่มอิทธิพลในพื้นที่ แต่จากการสัมภาษณ์แกนนำกลุ่มอนุรักษ์ภูหินเหล็กไฟ พบว่า เคยมีนักศึกษาเข้ามาศึกษาข้อมูลในพื้นที่จำนวนหนึ่ง แต่ข้อมูลส่วนใหญ่ก็ไม่รู้ว่าทำแล้วรวบรวมหรือเก็บไว้ที่ไหน มีเพียงของกลุ่มนักศึกษาต่างชาติของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ลงมาเก็บข้อมูลของชาวบ้านเกี่ยวกับการต่อสู้และผลกระทบของโครงการทำเหมืองแร่ทองแดงของกลุ่มอนุรักษ์ภูหินเหล็กไฟ ที่พวกเขาใช้เป็นเอกสารของการเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบของการทำเหมืองทองแดงของกลุ่มอนุรักษ์ภูหินเหล็กไฟ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Biomedical Model และ Bio-Psycho-social Mode

(1)        อะไรคือ Biomedical Model และ Bio-Psycho-social Model ? แนวคิดแบบจำลองทางชีวะการแพทย์ ( Biomeaical Model ) เริ่มต้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ที่ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์มีการพัฒนาอย่างเติบโตรวดเร็วและกว้างขวาง การค้นพบเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยอย่างกล้องจุลทรรศน์ ทำให้มนุษย์ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น แม้แต่สิ่งที่เล็กที่สุดในร่างกายของมนุษย์ รวมถึงเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมต่างๆที่เข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่แพทย์ใช้วินิจฉัยสาเหตุของโรคและความเจ็บป่วย แบบจำลองนี้ ดังนั้นแบบจำลองนี้เสนอว่า โรคหรือความผิดปกติทางกาย( Physiology )ซึ่งเกิดจากการบาดเจ็บ ความผิดปกติของพันธุกรรม ( Abnomal Genetics ) ความไม่สมดุลทางชีวะเคมี ( Biochemistry ) เรื่องของพยาธิวิทยา ( Pathology )   แบคทีเรีย หรือไวรัส หรือสิ่งอื่นๆที่คล้ายคลึงกันที่นำไปสู่การติดเชื้อและความเจ็บป่วยของมนุษย์ ซึ่งแนวคิดดังกล่าวนี้ไม่ได้อธิบายบทบาทของปัจจัยทางสังคม( The role of Social factors )หรือความคิดของปัจเจกบุคคล  ( Individual Subjectivity ) โดยแบบจำลองทางชีวะการแพทย์ เน้นอยู่ที่ปัจจัยทางชีววิทยาเพ

การนอน มานุษยวิทยาและนักมานุษยวิทยา โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

 เข้านี้หลังจากตื่นนอน อยากเขียนการนอนในมิติทางมานุษยวิทยากับนักมานุษยวิทยา...    ผมเริ่มต้นกับการลองตั้งคำถามเพื่อหาความรู้เกี่ยวกับการนอนว่า อะไรคือการนอน ทำไมต้องนอน นอนที่ไหน นอนเมื่อไหร่ นอนอย่างไร นอนกับใคร นอนเพื่ออะไรและอื่นๆ..เพื่อจะได้รู้ความสัมพันธ์ของการนอนในมิติต่างๆ การนอนของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆแตกต่างจากมนุษย์หรือไม่    หากเปรียบเทียบการนอนของ มนุษย์กับสัตว์สปีชี่ส์อื่นมีการนอนต่างกันหรือเหมือนดันอย่างไร ตัวอย่างเช่น ยีราฟจะนอนครั้งละ 10 นาที รวมระยะเวลานอนทั้งหมด 4.6 ชั่วโมงต่อวัน สัตว์จำพวกค้างคาว และเม่นมีการนอนมากกว่าสัตว์อื่นๆเพราะใช้เวลานอน 17-20ชั่วโมงต่อวัน    สำหรับมนุษย์ การนอนคือส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในประสบการณ์ของมนุษย์ การสำรวจการนอนข้ามวัฒนธรรมน่าจะทำให้เราเข้าใจความหมายและปฎิบัติการของการนอนที่มีความซับซ้อนมากขึ้น..     การนอนอาจจะเป็นเรื่องของทางเลือก แต่เป็นทางเลือกที่อาจถูกควบคุมบังคับ โดยโครงสร้างทางสังคมวัฒนธรรม นอนเมื่อไหร่ นอนเท่าไหร่ นอนที่ไหน นอนอย่างไร และนอนกับใคร..     ในสังคมตะวันตก อุดมคติเกี่ยวกับการนอนเป็นสิ่งที่ถูกทำให้เป็นเรื่องส่วนตัว(priv

เฟอร์ดิน็องต์ เดอร์ โซซูร์

เฟอร์ดิน็องต์ เดอร์ โซซูร์ (1857-1923) นักภาษาศาสตร์ชาวสวิสเซอร์แลนด์ เป็นผู้มีบทบาทอย่างสำคัญในประวัติศาสตร์ของพวกโครงสร้างนิยม   ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสัญวิทยาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของ เลวี่ สเตร๊าท์ (Levi-Strauss) ชาร์ค ลากอง (Jacques Lacan) และ โรล็องต์ บาร์ธ (Roland Barthes) รวมถึง มิเชล ฟูโก้ (Micheal Foucault) ที่ได้กลับมาวางรางฐานและปฎิเสธเกี่ยวกับโครงสร้างนิยม ภายใต้ทิศทางใหม่ของหลังโครงสร้างนิยม (Post-Structuralism) ในคำบรรยายเริ่มแรกของเขาที่มหาวิทยาลัยเจนีวา ในช่วงปี 1906-1911 และการตีพิมพ์โครงร่างงานของเขาที่เขียนไว้ และคำบรรยายของเขาที่ลูกศิษย์ได้รวบรวมไว้ ภายหลังการมรณกรรมของเขาเมื่อปี 1915-1916   ภายใต้ชื่อ Course de linguistique   Generale ซึ่งถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษและเผยแพร่ในยุโรป ภายใต้ชื่อ Course in general linguistic ในปี 1960 เขาได้นำเสนอความคิดว่า การศึกษาภาษาศาสตร์ในปัจจุบัน สามารถศึกษาได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ซึ่งน่าจะได้รับอิทธิพลจากอีมิล เดอร์ไคม์ (Emile Derkhiem ในหนัง