ประเด็นเรื่องของการต่อสู้เคลื่อนไหวในพื้นที่
เสียงจากคนชายขอบ
สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประเทศไทย นาหนองบง
โดยคณะทำงานโครงการขับเคลื่อนสิทธิ เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม (2552) หนังสือเล่มนี้วิเคราะห์ที่ประเด็นเรื่องของการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ภายใต้ชุดโครงการวิจัยเสียงของคนชายขอบ โดยมี 8 ประเด็นที่ศึกษา
เช่น การทำการเกษตรโดยใช้สารเคมี ประเด็นเรื่องเอดส์และเอชไอวี
ประเด็นเรื่องการขุดลอกแม่น้ำ
ประเด็นเรื่องชุมชนแออัด ประเด็นกฎหมายป่าชุมชนละประเด็นการทำเหมืองแร่ทองคำ
โดยประเด็นเรื่องเหมืองแร่ทองคำที่บ้านนาหนองบง
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบทางสุขภาพของชาวบ้านที่ได้รับจากการประกอบกิจการเหมืองแร่
และให้ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมของชาวบ้านนาหนองบง
โดยให้ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการเข้ามาของบริษัททุ่งคำจำกัดตั้งแต่การสำรวจแหล่งแร่
การล่าลายเซ็นชาวบ้านเพื่อทำรายงานการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม การทำเหมืองแร่
และก่อตั้งกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดเพื่อเคลื่อนไหวเรียกร้องความชอบธรรมจากกลุ่มทุนข้ามชาติและรัฐ
รวมทั้งการให้ข้อมูลเกี่ยวกับอีไอเอที่ระบุว่า”พื้นที่ของการทำเหมืองอยู่ห่างจากชุมชนและเส้นทางสัญจรมาก
โดยปกติคาดว่าจะไม่มีผู้ใดผ่านมาบริเวณพื้นที่โครงการเลยนอกจากผู้ที่เข้ามาทำงานในเหมืองหรือผู้ที่ต้องการจะเข้ามาชมเหมือง”
ซึ่งไม่ได้คำนึงถึงข้อเท็จจริงของชุมชนที่อยู่บริเวณรอบเหมือง
รวมทั้งในรายงานฉบับนี้ไม่ได้มีการประเมินหาระดับไซยาไนด์และแคดเมียม
รวมทั้งข้อมูลจากรายงานพยายามจะบอกว่าในพื้นที่ที่มีสารหนู
แมงกานีสและตะกั่วอยู่ก่อนทำเหมืองแล้ว แต่ว่าในความเป็นจริงสารเหล่านี้ก็ไม่ได้มีค่าเกินมาตรฐานเหมือนในปัจจุบัน
ปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ได้นำไปสู่การเข้ามาตรวจสอบคุณภาพน้ำในบ้านนาหนองบงของหน่วยงานต่างๆที่พบการปนเปื้อนของสารพิษเกินระดับมาตรฐาน
รวมทั้งผลกระทบอื่นๆที่เกิดขึ้น เช่นการเสียหายของลักษณะกายภาพ ผิวดินทรุดตัว
จากการระเบิด การขุดแร่และการลดลงของสิ่งมีชีวิตโดยรอบเหมือง เช่นปลา พืชผัก
ประเด็นสำคัญก็คืองานชิ้นนี้พูดถึงเรื่องของสิทธิในระดับชาติ
โดยการลงนามในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม(ICESCR)เมื่อปีพ.ศ.2542 ทำให้เป็นหน้าที่ของรัฐที่จะให้ความมั่นใจและรับผิดชอบต่อการกระทำของบุคคลกลุ่มบุคคลหรือรัฐที่จะละเมิดสิทธิในการมีส่วนร่วมอย่างสงบ
สิทธิในน้ำสะอาด สิทธิในอาหาร สิทธิในสุขภาพ
รวมถึงสิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยของประชาชน
เช่นเดียวกับรัฐจะต้องดูแลและตรวจสอบการดำเนินการของบริษัททุ่งคำจำกัด
ให้มีความสอดคล้องกับรายงานการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่นำเสนอ
แต่กรณีของเหมืองทองคำที่นาหนองบงที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ
ชี้ให้เห็นความล้มเหลวของรัฐในการปฏิบัติตามพันธะสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
รวมถึงรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
โดยเฉพาะเรื่องสิทธิในน้ำที่ได้รับผลกระทบจากากรทำเหมืองแร่และมีการปนเปื้อนสารพิษลงสู่แหล่งน้ำบนดินและใต้ดินรวมถึงสิทธิในอาหาร
พืชผลทางการเกษตรที่ได้รับผลกระทบ
โดยผู้เขียนเสนอให้รัฐแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านบริเวณรอบเหมือง เช่น
การจัดเวทีสาธารณะเพื่อรับฟังความคิดเห็นและความกังวลของชาวบ้าน
และร่างแผนระยะยาวเพื่อชดเชยความเสียหายจากผลกระทบที่ชาวบ้านได้รับ ที่สะท้อนให้เห็นประเด็นของการเคลื่อนไหวของชาวบ้านในเรื่องของกฎหมายและสิทธิตามกฎหมายที่เป็นยุทธศาสตร์ในการเรียกร้องความชอบธรรมของกระบวนการพัฒนา
สอดคล้องกับบทความเหมืองทองวังสะพุง
เมื่อผู้จงรักษ์เป็นผู้บุกรุก ของแม้นวาด กุญชร ณ อยุธยา (2553) บทความข่าวชิ้นนี้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น
จำนวน
8 คน และนายสมัย
ภักดิ์มี ประธานกลุ่มคนรักบ้านเกิด บ้านนาหนองบง อ.วังสะพุง
จ.เลย ถูกฟ้องดำเนินคดีจากบริษัททุ่งคำจำกัดในข้อหาบุกรุก
และให้ข้อมูลถึงเบื้องหลังความขัดแย้งตั้งแต่การเข้ามาดำเนินกิจการของบริษัทในพื้นที่ด้วยการสำรวจและกว้านซื้อที่ดินของชาวบ้านในตำบลเขาหลวงก่อนจะทำเหมืองแร่
โดยที่วิถีชีวิตของชาวบ้านในอดีตมีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่ายท่ามกลางภูเขา
ทำการเพาะปลูกข้าว ปลูกยางพารา งาและลูกเดือย
มีความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้ำธรรมชาติ คือห้วยผุก
แม่น้ำฮวย ห้วยลิ้นควาย ห้วยดินดำ และห้วยเหล็ก
ที่ไหลผ่านพื้นที่บ้านนาหนองบงและหมู่บ้านอื่นๆในตำบลเขาหลวงอีก 13 หมู่บ้าน จนเมื่อเกิดเหมืองแร่ทองคำขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2549 บนพื้นที่ 1,160
ไร่
ที่ครอบคลุมพื้นที่ 6 หมู่บ้าน คือบ้านนาหนองบง บ้านกกสะทอน
บ้านห้วยผุก บ้านแก่งหิน บ้านโนนผาพุงพัฒนาและบ้านภูทับฟ้าพัฒนา
ประเด็นสำคัญของการเคลื่อนไหวในพื้นที่
สืบเนื่องจากการที่ชาวบ้านไม่มีความรู้ในเรื่องเหมืองแร่ และไม่ได้สนใจในเรื่องนี้เพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง
รวมถึงผู้นำที่ไม่นำเอาข้อมูลข่าวสารมาขยายให้คนในพื้นที่ฟัง
และคนในพื้นที่ด้วยกันเองที่หลอกลวงกัน
ว่าอยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ให้รับเงินจากบริษัท 2,000 บาท
ทำให้ชาวบ้านไม่รู้ว่าตัวเองมีสิทธิในที่ดินของตัวเอง
จนกระทั่งเกิดเหมืองแร่ในพื้นที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ ดิน
น้ำ พืชและสัตว์ เกิดการปนเปื้อนของโลหะหนัก
ชาวบ้านจึงรวมตัวกันเคลื่อนไหวให้หน่วยงานราชการและนักวิชาการเข้ามาตรวจสอบคุณภาพของน้ำ
แต่แม้ว่าผลที่ออกมาจะพบว่าในแม่น้ำฮวย
มีปริมาณแคดเมียมสารหนูและแมงกานีสมากเกินมาตรฐานแต่ก็ไม่ได้นำไปสู่การแก้ไข
จนชาวบ้านรวมตัวตั้งกลุ่มคนรักบ้านเกิดขึ้น
เพื่อตรวจสอบและเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับสภาพแวดล้อม
โดยยุทธศาสตร์ของการต่อสู้เคลื่อนไหวที่น่าสนใจของกลุ่มก็คือ การเชื่อมโยงเครือข่ายกับผู้ได้รับผลกระทบจากเหมืองทั่วประเทศ
และทำให้ประเด็นเรื่องเหมืองกลายเป็นปัญหาสาธารณะว่าจะสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
และใช้เครือข่ายนักกฎหมายและนักสิทธิมนุษยชนมาช่วยในเรื่องของคดีความต่างๆที่เกิดกับชาวบ้านและใช้เรื่องของกฎหมาย
สิทธิตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการเคลื่อนไหวต่อสู้
สอดคล้องกับ
แผ่นผับประชาสัมพันธ์ของกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด ในเรื่องผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม
ด้านสุขภาพ
และการเคลื่อนไหวของกลุ่มเยาวชนในคัดค้านการทำเหมืองแร่ทองคำบริเวณหมู่บ้านนาหนองบง
ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติบ้านนาหนองบงที่มีครัวเรือน 220
ครอบครัว และการเกิดขึ้นของกลุ่มคนรักบ้านเกิดเมื่อปีพ.ศ.2550
ที่ต่อสู้กับกลุ่มทุนที่เข้ามาทำเหมืองแร่เมื่อปีพ.ศ.2547 และได้สร้างผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมของชุมชนที่อยู่รอบเหมือง
ทั้งการปนเปื้อนของสารเคมีที่มีผลต่อพืชผลทางการเกษตร สัตว์น้ำ เช่นปลาและหอย
จนนำไปสู่การตรวจสอบและการประกาศของกรมควบคุมมลพิษ
กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
เรื่องการห้ามนำน้ำบริเวณที่พบสารแคดเมียมและแมงกานีสมาอุปโภคบริโภค
ประเด็นที่สำคัญก็คือ การชี้ให้เห็นสิทธิมนุษยชนและสิทธิตากฎหมายของชาวบ้านในพื้นที่
เช่น สิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตร66 ที่ให้ความสำคัญกับชุมชนในการรวมตัวกันเป็นชุมชนท้องถิ่น
ที่มีสิทธิฟื้นฟูรักษาจารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น
และศิลปวัฒนธรรมและมีส่วนร่วมในการจัดการ
รักษาการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมรวมทั้งความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดุลและยั่งยืน
หรือมาตรที่67 ในสิทธิของบุคคลที่จะมีส่วนร่วมกับรัฐและชุมชนในการบำรุงรักษาและการใช้ประโยชน์กับทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพและในการคุ้มครองส่งเสริมและรักษาคุณภาสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ดำรงชีพได้อย่างเป็นปกติฯ
รวมทั้งสิทธิในเรื่องน้ำ เรื่องอาหาร เรื่องการทำงานและสุขภาพ
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลงนามของรัฐบาลไทยในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ
สังคมและวัฒนธรรม ที่เป็นยุทธศาสตร์ของการต่อสู้เคลื่อนไหวของกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด
ที่ต่อต้านโครงการเหมืองแร่ทองคำ ที่บ้านนาหนองบง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย
ประเด็นของการศึกษา
วิจัยเกี่ยวกับกรณีเหมืองแร่และโรงโม่หินที่จังหวัดเลยข้างต้นของเครือข่ายต่างๆ
พบว่าประเด็นเรื่องนี้มีความหลากหลายทั้งในมิติเชิงสังคมวัฒนธรรม มิติทางเศรษฐกิจ
สิ่งแวดล้อมและสุขภาพ โดยประเด็นที่เป็นหัวใจสำคัญคือประเด็นเรื่องของสุขภาพที่ทำโดยนักวิชาการผู้เชียวชาญเฉพาะด้าน ทางด้านอุทกวิทยาน้ำบนดินใต้ดิน ทางด้านสาธารณสุขและด้านวิทยาศาสตร์
ที่ชี้ให้เห็นผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจากการทำเหมืองแร่และผลกระทบทางด้านสุขภาพที่เกิดขึ้น
โดยข้อมูลดังกล่าวมีความสอดคล้องกับประเด็นในรายงานผลกระทบทางด้านสุขภาพที่ผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่จะต้องดำเนินการจัดทำควบคู่กับรายงานการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมด้วย
ข้อมูลดังกล่าวจึงถือเป็นฐานข้อมูลสำคัญของชาวบ้านในการนำมาใช้เพื่อการต่อสู้เคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิจากกระบวนการพัฒนาของรัฐและเอกชนที่สร้างผลกระทบต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อมของชาวบ้านในพื้นที่
รวมถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งและการเคลื่อนไหวในพื้นที่ของชาวบ้านที่ทำให้เห็นถึงผลกระทบที่เกิดจาการทำเหมืองแร่ทางด้านสังคมที่ทำให้เกิดความขัดแย้งและเกิดการเคลื่อนไหวของชาวบ้านที่ต่อต้านโครงการ
เพื่อเป็นข้อมูลที่ใช้เป็นแนวทางแก้ไขปัญหาข้อพิพาทของชาวบ้านกับรัฐและกลุ่มทุน
รวมถึงชาวบ้านด้วยกันเอง และไม่ให้เกิดความรุนแรงในอนาคต
รวมทั้งเป็นกรณีตัวอย่างของกระบวนการพัฒนาโครงการการขนาดใหญ่ของรัฐและเอกชนในพื้นที่ต่างๆ
ให้เกิดการยอมรับในสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ร่วมกัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น