การให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของคนไข้
(The
Patient’s experience)
Kleinman
(1988)
โต้แย้งว่าการปฏิบัติทางการแพทย์สมัยใหม่ได้ขับไล่ความตั้งใจหรือความสนใจของหมอให้แยกห่างจากประสบการณ์ชีวิตของผู้ป่วย
(Lived experience of the patient)และจากมิติที่สำคัญของการทำความเข้าใจความเจ็บป่วย
ตัวของผู้ป่วยจึงมีสถานะเป็นร่างกายที่เงียบและไร้เสียง (organic Silence)แม้ว่าในความจริงนั้นความเจ็บป่วย(Illness)และความเจ็บปวด(Pain) ได้สร้างความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมาต่อร่างกายของผู้ป่วย
ในการตระหนักรู้ถึงร่างกาย ในการสำนึกรู้เชิงความรู้สึก
ร่างกายที่หายไปในชีวิตประจำวัน
การทำให้เป็นอื่นและแยกขาดความเจ็บป่วยออกจากตัวเอง(self)
การตัดขาดผู้ป่วยออกจากคนอื่นๆ และขุมขังตัวผู้ป่วยไว้ในร่างกาย Kleinman ได้พูดถึงแนวโน้มของการอธิบายเกี่ยวกับเรื่องเล่าของผู้ป่วย(patient’s
narrative) ที่เป็นการเติบโตขึ้นของการทำงานที่ทำการสำรวจประสบการณ์ของความเจ็บป่วยและร่างกายจากมุมมองของคนไข้(The
perspective of the Patient) งานส่วนหนึ่งถูกเขียนโดยหมอ
หรือนักสังคมวิทยาผู้ซึ่งมีความทุกข์ทรมานของตัวพวกเขาเองกับความเจ็บป่วย (Sack
1984,Scambler 1988, Kelly 1992, Frank 1995)
ประเด็นเกี่ยวกับโรคมะเร็ง(Cancer)เป็นเรื่องราวที่มีความเฉพาะของความเข้มข้นในงานวรรณกรรมที่สะท้อนออกมา
อย่างเช่นในการทำงานของนักสังคมวิทยาที่ทำงานเกี่ยวกับประเด็นความเจ็บปวด(pain)และการเจ็บป่วยเรื้อรัง(Chronic illness)
เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลในการกลับมาเน้นย้ำกรอบของการวิเคราะห์ที่เกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตของผู้ป่วยโดยเฉพาะเรื่องของผลกระทบจากการเจ็บป่วยและการรักษาที่สัมพันธ์กับการรับรู้เกี่ยวกับตัวเอง(Sense
of self) ดังเช่นงานของ Kelly (1992)และ Madjar (1997)
ที่สำรวจเกี่ยวกับการรักษาแบบคีโมในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่(Colistis
Chemotheraphy)การบรรยายของผู้ป่วยเกี่ยวกับความกลัว การช็อค ความขยะแขยง
ที่ถูกทำให้เป็นประสบการณ์ในความสัมพันธ์หลังจากปฏิบัติการรักษาผ่านร่างกายpost-operative
body) โดยการรักษามีผลลัพธ์ในการทำให้เสียหายต่อร่างกาย ความไม่สวย
ดูไม่ดีเหมือนปกติ(Disfigurement)
เมื่อคนไข้ส่องดูหน้าตัวเองในกระจก หรือขอบเขตของร่างกาย ที่ถูกรบกวนภายใต้วิถีทางของการรุกล้ำเชิงสังคมด้วย
เพราะการรักษาด้วยวิธีการบางอย่างอาจจะเป็นสิ่งที่สร้างความขยะแขยงให้กับคนในสังคม
เช่นการผ่าตัดเปิดหน้าท้อง(ileostomy) ในการรักษาแบบเคมีบำบัด
ร่างกายกลายเป็นสนามของการต่อสู้ (battleground)
วิถีทางทางการแพทย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงแนวคิดเกี่ยวกับร่างกาย แหล่งของโรค แหล่งของการรักษา แหล่งของการควบคุมป้องกันโรค ร่างกายจึงเป็นเสมือนพื้นที่รองรับของการถูกกระทำเกี่ยวกับความเจ็บป่วย(passive receptacle of disease)ไปสู่ความสามารถในการตอบสนองและการเป็นผู้กระทำการที่กระตือรือร้นเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ(active agent of selfcare) การแพทย์สมัยใหม่ออกใบสั่งยาและจ่ายยาไม่เฉพาะทางด้านยาและเวชภัณฑ์(pharmaceuticals)เท่านั้นแต่ยังให้ข้อมูลและแนะนำเกี่ยวกับการใช้ชีวิตด้วยและให้คำอธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่ประกอบสร้างการทำงานทางสุขภาพที่มีการแพร่ขยายไปเลยจากการกระทำทางคลินิกไปสู่การจัดวางความระมัดระวังในความสัมพันธ์กับพฤติกรรม วิถีชีวิตและรูปแบบของการบริโภคและการจัดระเบียบของพื้นที่ทางสังคม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น