ร่างกายในทางการแพทย์ การตลาดและการดูแลด้านสุขภาพ
(The
Body in Medicine and Health Care)
ร่างกายไม่ได้เป็นสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องเฉพาะเรื่องของการรักษา(treatment)และการจัดการ(management)เกี่ยวกับร่างกายเท่านั้น
แต่เป็นสิ่งที่ถูกแสดงในเรื่องราวทั้งหมดในทางกายแพทย์ (the whole subject
of medicine) ทั้งมิติของการตีความ(interpretation)เกี่ยวกับร่างกายและการประกอบสร้างของร่างกาย(Construction) ภายใต้มิตินทางประวัติศาสตร์การเกิดขึ้นของมโมทัศน์หรือความคิด(paradigsm) ของการแพทย์สมัยใหม่(Modern Medicine)
ที่ซึ่งทำให้เกิดการดำรงอยู่ของกระบวนการทางความคิดเกี่ยวกับร่างกายโดยเฉพาะการศึกษาทางด้านกายวิภาค(anatomy)และการเติบโตของการชำแหละหรือผ่าศพ (dissection)ในทางการแพทย์
ที่นำไปสู่การทำความเข้าใจร่างกายและการรักษาโรคในช่วงศตวรรษที่18-19 ภายใต้ข้อจำกัดและความกดดันในกระบวนการจัดหาร่างกายเพื่อการศึกษา(supply
of body) ร่างกายของนักโทษ(prisoner body)และร่างกายของคนยากจน(poor
body)คือร่างกายที่สำคัญในการจัดหาเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ในทางกายแพทย์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ภายใต้ประเด็นของความเปราะบางอ่อนไหว ประเด็นจริยธรรมและความไม่เท่าเทียมกัน
รวมถึงนโยบายทางเศรษฐกิจและการค้า การลงทุนในกระแสสุขภาพปัจจุบัน ที่สร้างความเชื่อมโยงระหว่างรัฐ
เอกชนและผู้คน
ที่นำไปสู่ปัญหาของการค้ามนุษย์ การขายอวัยวะ
ที่เชื่อมโยงระหว่างประเทศโลกที่สามกับประเทศที่พัฒนาแล้ว คนผิวสี
คนผิวดำในประเทศยากจนกับคนผิวขาวที่ร่ำรวย
การค้าขายอวัยวะ : ร่างกายที่ต้องการในตลาดสุขภาพ
การเติบโตของการค้าการลงทุนภายใต้กระแสของโลกาภิวัตน์ที่การค้าการลงทุนเชื่อมโยงระดับท้องถิ่น
ประเทศ ระหว่างประเทศ ภูมิภาคจนถึงระดับโลก
ภายใต้รูปแบบวิธีการของการแลกเปลี่ยนซื้อขายอวัยวะของร่างกายที่เป็นเครือข่ายความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มทุน
โรงพยาบาล บริษัทเอกชนจนถึงประชาชนธรรมดาที่มีฐานะร่ำรวย ดังเช่นคนไข้(patients)บางคนได้เดินทางไปในบางประเทศ
โดยเฉพาะประเทศที่กำลังพัฒนาหรือด้อยพัฒนาที่เป็นแหล่งของการแลกเปลี่ยนซื้อขายอวัยวะ
(Cohen,2001; scheper – Hughes,2001,Twigg,2006)
ตัวอย่างเช่น
Cohen(2001)ได้อธิบายถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมทางการแพทย์(Medical
-Tourism) ในอินเดีย ที่สัมพันธ์กับการลงทุนของประเทศในโลกที่1(First World)หรือประเทศที่พัฒนาแล้วในเรื่องของการคมนาคมขนส่ง
สนามบินนานาชาติ การลงทุนทางการแพทย์ การสร้างโรงพยาบาล
ที่เชื่อมโยงกับประเทศโลกที่3 (third World) ซึ่งเป็นสถานที่ของการจัดหาอัวยวะสำหรับใช้ในทางการแพทย์ โดยที่ปัจเจกบุคคลที่หมดหวังกับความเจ็บป่วยที่รุนแรง
เช่นต้องการอวัยวะอย่างหัวใจหรือต้องการไตของคนอื่นมาใช้เพื่อมาเปลี่ยนแทนของเดิมเพื่อยืดอายุให้ยืนยาวมากขึ้น สัมพันธ์กับการขายชิ้นส่วนของอวัยวะ(Sell body part) ที่เชื่อมโยงกับความต้องการไต(kidney)และการบริจาค(donation)ที่หลีกเลี่ยงนัยยะทางกฎหมาย แต่ก็ยังคงมีการลักลอบซื้อขายอวัยวะในตลาดมืด (black Market)
โดยเฉพาะการติดต่อซื้อขายอวัยวะในชนบทกับผู้ขายชาวชนบท(rural
seller)ที่ห่างไกลกลายเป็นสิ่งที่ถูกทำให้มืดบอด
มองไม่เห็นและเงียบเชียบไร้เสียงของผู้คนในประเทศเหล่านั้น และกลายเป็นสิ่งที่คนเหล่านี้เต็มใจที่จะซื้อขายภายใต้ภาวะของความยากจน
การเป็นหนี้สิน ความต้องการช่วยเหลือครอบครัวและค่านิยมความกตัญญู เป็นต้น
ในขณะที่บางประเทศรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายอวัยวะโดยตรง
เช่นการติดต่อประสานงานให้กับผู้ต้องการอวัยวะ(Commandeering)กับหน่วยงานที่ทำหน้าที่ซื้อขายอวัยวะที่เชื่อมโยงกับเรื่องของสิทธิและอาชญากรรมข้ามประเทศ
ในประเทศจีนระบบการเมืองการปกครองของประเทศทำให้เกิดการยึดเอาอวัยวะของนักโทษ
ทีอวัยวะเหล่านี้จะถูกทำให้เป็นสินค้าและขายให้กับคนไข้ในประเทศฮ่องกง
ไต้หวันและสิงคโปร์(scheper – Hughes,2001)
scheper – Hughes
มองว่าการค้าอวัยวะคือสิ่งที่บ่งชี้พลังของการกัดเซาะของระบบทุนนิยมโลก ที่ซึ่งชีวิตถูกลดทอนกับสถานภาพของการเป็นสินค้าของตลาด(Market
Commodities) การค้าอวัยวะ(Traffic in organ) เคลื่อนตามการเชื่อมต่อของโลกและการไหลเวียนของแรงงาน
และการปรับให้สอดคล้องกับแนวทางที่ได้วางเอาไว้ของสังคมและเศรษฐกิจที่ขยายตัว
องค์ประกอบทางด้านเชื้อชาติ(race)ก็รวมอยู่ในนี้ด้วย
ดังเช่นการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะในแอฟริกา ความจริงสำคัญก็คือ หัวใจที่มาจากคนจน ผู้ชายผิวดำในเมืองเล็กๆ
ที่ปลูกถ่ายไปยังร่างกายของคนรวย คนผิวขาว วันนี้การปลูกถ่ายอวัยวะ(Transplant)เคลื่อนย้ายไหลเวียนจากทางใต้ไปสู่ทางเหนือ จากคนจนไปสู่คนรวย จากคนผิวดำ
ผิวสีน้ำตาลไปสู่คนผิวขาวและจากผู้หญิงไปสู่ผู้ชาย(scheper – Hughes,2000)
ชุดของคำว่า การทำให้เป็นการแพทย์
(medicalization) เริ่มถูกใช้ครั้งแรกในช่วงปี1970 เมื่อนักสังคมวิทยาชาวอเมริกันชื่อ
Irving K. Zola (1972) ที่ได้ชี้ให้เห็นอิทธิพลของการแพทย์(the
influence of medicine) เช่นเดียวกับสถาบันของการควบคุมทางสังคมและอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นกับการใช้ชีวิตประจำวันของปัจเจกบุคคล
โดยกระบวนการทำให้เป็นประเด็นทางกานแพทย์สามารถเกิดขึ้นได้ใน3ระดับ 1ในระดับแนวคิด(conceptual level)โดยใช้ชุดคำหรือการอธิบายทางการแพทย์(medical
terminology)ที่ซึ่งสามารถอธิบายหรือพรรณนาถึงปัญหา(describe
a problem) 2.ในระดับของสถาบัน(institutional level)โดยการใช้วิธีการทางการแพทย์ที่เป็นมาตรฐานที่นำไปสู่การสำรวจปัญหา(explore
a problem) 3.ระดับของปฏิสัมพันธ์(an
interactional level) ที่เป็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างหมอและผู้ป่วย(doctor-patient
interaction) ภายใต้ปัญหาที่ถูกบ่งชี้โดยแพทย์
เช่นเดียวกับการแพทย์และการรักษา
Conrad and Barker (2010: 74) อ้างว่า
การทำให้เป็นกระบวนการทางการแพทย์มีการแผ่กว้างเลยไปจากเรื่องของความเชี่ยวชาญทางการแพทย์(medical
professionals)
การเคลื่อนไหวทางสังคมและการจัดระเบียบที่เชื่อมโยงกับเทคโนโลยีทางชีวะ(biotechnology) การบริโภค(consumers)และอุตสาหกรรมประกันภัย(insurance
industry) ที่สะท้อนผ่านอุตสาหกรรมเกี่ยวกับยาและเวชภัณฑ์(pharmaceutical
industry) ที่แสดงบทบาทและตอกย้ำให้เห็นว่ากระบวนการของการทำให้เป็นประเด็นทางการแพทย์ได้แผ่ขยายไปสู่เรื่องของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์(medical
professionals)การเคลื่อนไหวทางสังคมและกระบวนการจัดระเบียบ(social
movements and organizations)ที่นำไปสู่ไบโอเทคโนโลยี(biotechnology) การบริโภค(consumers)และอุตสาหกรรมประกันภัย(the
insurance industry)นี่คือสิ่งที่เป็นหลักฐานชี้ให้เห็นว่าอุตสาหกรรมทางเวชภัณฑ์(pharmaceutical
industry)ได้แสดงบทบาทสำคัญในการให้โครงร่างและเผยแพร่เกี่ยวกับความรู้ทางการแพทย์(medical
knowledge)เพื่อการสนับสนุนและส่งเสริมผลิตภัณฑ์ของพวกเขา(Williams
and Calnan, 1996; Conrad and Leiter, 2004; Bezenšek and Barle, 2007; Conrad and
Barker, 2010)
Conrad (1992: 216) มีพื้นฐานทางความคิดที่อยู่บนงานของมิเชล ฟูโก
ที่แบ่งประเภทของการควบคุมทางสังคมของเรื่องการแพทย์(medical social control)ออกเป็น4ลักษณะคือ:
(1) อุดมการณ์หรือความคิดในทางการแพทย์(medical
ideology) อุดมการณ์ทางการแพทย์คือสิ่งที่ควบคุมรูปแบบทางการแพทย์เบื้องต้น
(medical model primarily) เพราะว่าเกี่ยวข้องกับคำสาปแช่งของสังคม(accrued
social)กับอุดมการณ์ในเชิงผลประโยชน์(ideological benefits)
(2) การร่วมมือสนับสนุนระหว่างกัน(collaboration) ในส่วนของความร่วมมือกันทางการแพทย์(medical cooperation)ได้แสดงให้เห็นบทบาทสำคัญของหมอในการให้ข้อมูล (the role of
informants) เป็นยามป้องกัน(gatekeepers) การเป็นผู้กระทำการในระดับสถาบัน(institutional agents)และนักเทคนิค(technicians)ให้กับสังคมและผู้ป่วย
(3) เทคโนโลยี(technology) เทคโนโลยีทางการแพทย์(medical technology)
ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ของวิธีการทางเทคโลโลยีในการควบคุมสังคม(social
control) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ยา(drugs)
การผ่าตัด(surgery)และพันธุกรรม(genetic)หรือลักษณะอื่นๆของการคัดกรอง(screening)เป็นต้น
ภาพ ร่างกายของใคร
ของทุนหรือของคนอื่น ปรากฏการณ์อุ้มบุญ การเช่ามดลูก เพาะชีวิต แลกเงิน
(4) การควบคุมสอดส่องทางการแพทย์
(medical surveillance) การสอดส่องทางการแพทย์เช่นเดียวกับรูปแบบการควบคุมทางสังคมทางการแพทย์(medical
social control)ที่ได้ให้สภาพเงื่อนไขที่แน่นอนหรือพฤติกรรมที่กลายเป็นสิ่งที่ถูกรับรู้
เช่นเดียวกับการจับจ้องทางการแพทย์(medical gaze) และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์
(physicians)
อาจจะกล่าวอ้างถึงการวางแนวทางหรือมาตรฐานไปสู่พฤติกรรมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขดังกล่าว
ตัวอย่างเช่น
การตั้งครรภ์(Pregnancy)คือสิ่งที่มีสถานะบ่งชี้ทางกายภาพ(a
physiological state)และไม่ใช่สิ่งที่เกี่ยวกับความเจ็บป่วย(illness) เมื่อสิ่งเหล่านี้ในสังคมตะวันตกเป็นสิ่งที่ถูกอธิบายภาวะของการตั้งครรภ์เช่นเดียวกับเงื่อนไขของความเสี่ยง(risky
condition)ที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงในช่วงของการตั้งครรภ์
(Riessman, 1983; Behruzi et al., 2010) ในช่วงต่อมาสิ่งเหล่านีมันจึงมีความสำคัญสำหรับการทำความเข้าใจกระบวนการทำให้เป็นการแพทย์(medicalization) เพราะว่าในบริบทนี้ การรับรู้เกี่ยวกับความเจ็บป่วย(perception
of illness)จึงถูกทำให้มองเห็นว่าสิ่งเหล่านั้นมันคือปัญหา(problem)หรือภาวะเบี่ยงเบน(deviation)ที่ถูกทำให้สอดคล้องเหมาะสมกับสนามทางการแพทย์(the
field of medicine) เช่นเดียวกกับการให้กำเนิดเด็กและการตั้งครรภ์(childbirth
and pregnancy) ซึ่งการควบคุมเหนือกระบวนการเด็กเกิดกลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญและเป็นภาระหน้าที่ของการแพทย์(task
of medicine) การรณรงค์ส่งเสริมสุขภาพ(Interventions) เป็นสิ่งที่ถูกพัฒนาพร้อมกับวัตถุประสงค์ของการสร้างการให้กำเนิดที่ปลอดภัย(birth
safer)และเจ็บปวดน้อยที่สุด(less painful)
เทคโนโลยีใหม่ได้เข้ามาเน้นย้ำอยู่บนการตรวจสอบแม่เด็ก(monitoring Mother)และลูกน้อยในครรภ์(foetus)ในระหว่างการตั้งครรภ์ (Smeenk and ten Have, 2003: 153) ดังจะเห็นได้จากการแนะนำของแพทย์สูตินารีในโรงพยาบาลเมื่อตรวจแล้วพบว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นเช่นการดูแลตั้งแต่การฝากครรภ์
การให้ยาบำรุงระหว่างตั้งครรภ์ การทำอัลตร้าซาวน์เพื่อดูเพศและความผิดปกติ
การแนะนำเรื่องการคลอด และการผ่าคลอด เป็นต้น และต่อมาเมื่อเด็กเกิด เป้าหมายสุดท้ายก็คือการดูแลให้เด็กมีสุขภาพดี(healthy
child)เมื่อคลอดออกมาและดูแลสุขภาพแม่(healthy mother)ให้มีอายุยืนยาวไปพร้อมกันด้วย คำถามที่ตามมาก็คือ
ความต่อเนื่องที่เพิ่มขึ้นอย่างเป็นสำดับที่สอดคล้องกับวิธีการที่จะนำไปสู่เป้าหมายดังกล่าว
ร่างกายของผู้หญิงที่ตั้งครรภ์(a pregnant woman) จะต้องถูกควบคุมดูแลอยู่เหนือร่างกายของพวกเธอเอง(her
own body)ภายใต้ความรู้ทางการแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
นักสังคมวิทยาและมานุษยวิทยาทางการแพทย์
ค่อนข้างที่จะมองการแพทย์ว่ามีลักษณะที่เกี่ยวโยงกับเรื่องของการตลาดแบบหนึ่ง(any
kind of marketplace) ซึ่งค่อนข้างเห็นได้อย่างชัดเจนกับการพีมนาเรื่องการจัดการในการดูแลรักษา(managed
care) การทำให้เป็นบริษัททางการแพทย์(corporatized medicine)และการดำรงอยู่ของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ(biotechnology
industry) ตลาดทางการแพทย์(medical markets)เป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากขึ้นในการวิเคราะห์เกี่ยวกับการดูแลทางสุขภาพ
ผลผลิตทางการแพทย์(medical
products) การบริการ(Services)และการรักษา(treatments)เป็นสิ่งที่สนับสนุนส่งเสริมกับการบริโภคเพื่อปรับปรุงสุขภาพของมนุษย์ รูปร่างหน้าตาผิวพรรณ(appearance) หรือการมีความสุข(well-being)
ที่สะท้อนผ่านการพัฒนาเกี่ยวกับตลาดทางด้านสุขภาพและการแพทย์
แนวคิดของการตลาดทางด้านการแพทย์(medical markets)เป็นสิ่งที่ถูกอธิบายว่าเป็นเช่นเดียวกับความแปลกประหลาดในเชิงทฤษฎี(theoretical
anomaly)เนื่องจากความไม่สมดุลสอดคล้องระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษรฐกิจกับมนุษยธรรม(Light
2000:395)การโฆษณาและการตลาดทางการแพทย์
การใช้ประโยชน์ของการโฆษณา(advertising)และการพัฒนาตลาดในทางการแพทย์ที่เฉพาะและการทำให้เป็นมาตรฐานของการบริการทางการแพทย์(the
standardization of medical services)ไปยังเส้นทางของการผลิตที่มีการเพิ่มขึ้นของสินค้าและบริการทางการแพทย์(commodification
of medical goods and services)
การโฆษณาเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพได้กลายเป็นสิ่งที่ธรรมดาในชีวิตประจำวัน(Dyer
1997) และตลาดใหม่ในทางการแพทย์ได้ปรากฏตัวขึ้น โดยเฉพาะการบริการที่มีความพิเศษมากขึ้น(Medical
specialty services)
จุดเน้นที่เพิ่มขึ้นในความสำคัญของบริษัททางด้านเวชภัณฑ์(pharmaceutical
companies) ผู้ประกันภัย(insurers)
และผู้บริโภค(consumers) สำหรับกระบวนการทำให้เป็นการแพทย์ดังเช่นพวกเขาเป็นองค์ประกอบทั้งหมดในการสร้างสรรค์ตลาดทางการแพทย์(medical
markets) ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์(The medical profession)มีการถูกลดทอนลงแต่ยังคงมีบทบาทสำคัญในการสร้างกระบวนทำให้ดเป็นเรื่องทางการแพทย์ (medicalization)การกำหนดการเปลี่ยนแปลงในทางการแพทย์และการจัดการพื้นที่หรืออาณาบริเวณสำคัญของกระบวนการทางการแพทย์คือการเคลื่อนย้ายจากผู้เชี่ยวชาญ(professional)เข้าไปสู่ตลาดหลัก(market domains)
ซึ่งไม่ใช่ความรู้ใหม่หรือเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดกระบวนการทำให้เป็นการแพทย์แต่น่าสนใจว่าพวกเขาเป็นสิ่งที่ถูกใช้อย่างไร
ความร่วมมือและการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์(promotion of products) การรักษา(treatments)และยา(drugs)ภายใต้การปรากฏขึ้นการตลาดทางการแพทย์แบบใหม่ พร้อมกับความซับซ้อนของอุตสาหกรรมทางการแพทย์ในรูปของบริษัท
การสร้างสรรค์หรือการแผ่ขยายของตลาดทางการแพทย์ที่กลายเป็นเส้นทางที่สำคัญไปยังกระบวนการทางการแพทย์(medicalization)
ความต้องการของผู้บริโภคคือสิ่งที่ไม่ง่ายในการปลดปล่อยความปรารถนาอย่างอิสระของตัวเองสำหรับการแก้ไขปัญหาทางการแพทย์(medical
solutions) แต่มันคือสิ่งที่ถูกจัดวางโดยความสามารถในการใช้(availability)และความสามารถในการเข้าถึง(accessibility)เกี่ยวกับการแทรกแซงและช่วยเหลือทางการแพทย์(medical
interventions) นี่เป็นการสร้างชุดของความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างบริษัท
ผู้ประกันภัย แพทย์และผู้บริโภค ที่แผ่หลายในสังคมปัจจุบัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น