ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มิถุนายน, 2025

ความคิดและโลกทัศน์ของคนพื้นเมือง ในงาน The Relative Native: Essays on Indigenous Conceptual Worlds (2015) ของ Viverios de Vastro โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

หนังสือที่เป็นแรงบันดาลใจของผมในงานวิจัยใหม่ที่เตรียมขอ คือหนังสือชื่อ The Relative Native: Essays on Indigenous Conceptual Worlds (2015)เป็นหนังสือที่รวบรวมบทความหลายเรื่องที่สำรวจแนวคิดและโลกทัศน์ของชนพื้นเมือง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำความเข้าใจความคิดและความเชื่อที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเขาผ่านมุมมองทางชาติพันธุ์วรรณนา หนังสือเล่มนี้ถูกเขียนโดย Eduardo Viveiros de Castro ซึ่งเป็นนักมานุษยวิทยาชาวบราซิลที่มีชื่อเสียงในด้านการศึกษาชนพื้นเมืองในแอมะซอน โดยเฉพาะชนเผ่า Araweté และแนวคิดเกี่ยวกับ "perspectivism" ในทางมานุษยวิทยาได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 2015 โดยแนวคิดหลักของ de Castro คือ การเสนอให้เข้าใจว่าโลกไม่ได้มีเพียงมุมมองมนุษย์แบบตะวันตกที่เป็นกลาง (objective worldview) แต่โลกของชนพื้นเมืองอเมซอนนั้นเต็มไปด้วย มุมมองที่สัมพันธ์กัน ระหว่างสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ เขามองว่า ทุกสรรพสิ่งมี “มุมมองของตนเอง” ดังเช่นในทัศนะของชนพื้นเมืองอเมซอน เช่น กลุ่ม Yanomami หรือ Araweté สัตว์ ผี หรือวิญญาณต่างก็มี “จิต” หรือ subjectivity คล้ายมนุษยตัวอย่างเช่น เสือจากัวร์มองมนุษย์ว่าเป็นเ...

สังคมแบบมากผัวมากเมีย …มุมมองต่อพฤติกรรมมนุษย์ โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

ระหว่างเดินทาง….ขาย คอร์ส หนังสือแนะนำสำหรับรายวิชา Anthropology of Sex and Sexuality ชื่อ Sex at Dawn: How We Mate, Why We Stray, and What It Means for Modern Relationships เขียนโดย Christopher Ryan และ Cacilda Jethá หนังสือเล่มนี้เป็นหนึ่งในงานร่วมสมัยที่น่าสนใจ เหมาะสำหรับใช้ประกอบการอภิปรายในหัวข้อเพศภาวะและเพศวิถี โดยเฉพาะเมื่อโยงเข้ากับประเด็นเพศวิถีนอกขนบในสังคมไทย เริ่มต้นจาก Ryan และ Jethá นำเสนอข้อถกเถียงว่า การมีคู่ผัวเดียวเมียเดียว (monogamy) ไม่ใช่ธรรมชาติของมนุษย์ แต่เป็นผลของกระบวนการวิวัฒนาการทางวัฒนธรรม ตั้งแต่การตั้งถิ่นฐานถาวรจนถึงโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมยุคใหม่ โดยประเด็นหลักจากหนังสือ คือการนำเสนอข้อถกเถียงจสกสมมติฐานดังกล่าวคือ 1. ประวัติศาสตร์เชิงวิวัฒนาการ …มนุษย์ในอดีตมีรูปแบบการอยู่ร่วมและมีเพศสัมพันธ์ที่หลากหลาย การมีคู่หลายคน (promiscuity) เคยเป็นกลไกเพิ่มโอกาสการอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ ก่อนจะถูกจำกัดด้วยระบบเศรษฐกิจและโครงสร้างครอบครัวที่มุ่งควบคุมทรัพยากร โดยในหนังสือมีการนำเสนอว่าการจับคู่แบบผัวเดียวเมียเดียว (monogamy) ...

อำนาจทางภาษา( อังกฤษ) และการครอบงำทางวิชาการในประเทศนอกตะวันตก โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

ช่วงฝนตกพรำ ๆ มาพร้อมความคทิดดที่พรั่งพรู …ผมก็ยังชอบคิดเขียนเป็นไอเดีย อำนาจทางภาษา (Anglophone) ครอบงำโลกวิชาการมานุษยวิทยามายาวนาน การเขียนในภาษาอื่น ๆ เช่น อิตาลี รัสเซีย เม็กซิโก และอื่นๆที่ไม่ใช่ตะวันตก จึงถูกลดทอนหรือมองข้าม…เราควรกระตุ้นให้เกิดการถกเถียงเกี่ยวกับการครอบงำ ( hegemony) ทั้งการสอน การตีพิมพ์การสร้างคลังความรู้ทางวิชาการ โดยการสำรวจ ประวัติศาสตร์มานุษยวิทยาจากหลายภูมิภาค นอกเหนือจากตะวันตก การให้เสียงแก่องค์ความรู้ชายขอบ academic peripheries และตั้งคำถามกับ hegemony ที่สำคัญคือการเปิดพื้นที่ให้ “ทฤษฎีชายขอบ” เป็นแกนกลางในการวิเคราะห์ไม่ใช่แค่เสริม ความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่าง “ศูนย์กลาง” (centers) เช่น ประเทศตะวันตก (โดยเฉพาะโลก Anglo-American) และ “ปริมณฑล/รอบนอก” (peripheries) เช่น ประเทศในลาตินอเมริกา ยุโรปใต้ และเอเชีย มีอิทธิพลต่อการก่อรูปทางความรู้ของมานุษยวิทยาอย่างไรบ้าง…ผมนึกถึงตอนเรียนพัฒนาชุมชน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ตอนที่เรียนวิชาทฤษฎีการพัฒนา ท่านอาจารย์รัตนาสอน ผมได้อ่านงานเกี่ยวกับทฤษฎีพึ่งพิง ทฤษฏีหลังก...

แนวคิดของ Micheal Jackson กับวิธีคิดแบบPhenomenology ในการประยุกต์ใช้ทางมานุษยวิทยา นัฐวุฒิ สิงห์กุล

ระหว่างหาประเด็นเติม มานุษยวิทยาว่าด้วยร่างกาย และหาเรื่องราวลง blog จริงๆ ผมก์เคยรีวิวงานของเขาบางเล่มเมื่อหลายปีที่แล้ว แต่งานใหม่ๆของเขาฝนปัจจุบันก็มีความน่าสนใจ และนำมาประยุกต์ใช้ในการทำงานสนามทางมานุษยวิทยาได้ ในการศึกษาผู้ป่วยซึมเศร้า ผู้สูงอายุ แรงงานอพยพ คนไร้บ้าน และอื่น ๆ ที่ให้ความสนใจชีวอนประจำวันของผู้คนจริงๆ มากกว่าการคิดในเชิงนามธรรม ที่จับต้องไม่ได้และเน้นโครงสร้างมากเกินไป จากคำกล่าวของ Micheal D. Jackson (1998) ในหนังสือ ma Ethnographica: Intersubjectivity and the Anthropological Project ที่บอกว่า “The inability or refusal to speak does not signify the absence of meaning, but may be its very condition.” (การไม่สามารถหรือไม่ยอมพูด ไม่ได้หมายถึงการไม่มีความหมาย แต่อาจเป็นเงื่อนไขที่ทำให้เกิดความหมาย) เขาเสนอแนวคิดเรื่อง Intersubjectivity (ภาวะรับรู้ร่วม) โดย Jackson เสนอว่า “ประสบการณ์มนุษย์” ไม่สามารถเข้าใจได้จากมุมมองของปัจเจกเพียงอย่างเดียว แต่เราต้องเข้าใจมนุษย์ในฐานะ สิ่งมีชีวิตที่สัมพันธ์กับผู้อื่น ดังนั้น ความหมายของชีวิตและตัวตน (self) ถูกสร้างขึ้...

เมื่อโลกนี้ไม่มีสุนัข ภาวะหลังมนุษย์ของสุนัข โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

**เมื่อโลกนี้ไม่มีสุนัข ภาวะหลังมนุษย์ของสุนัข** การจินตนาการถึงอนาคตของสุนัขที่ไม่มีคู่หูเป็นมนุษย์นั้นเป็นแบบฝึกหัดที่น่าสนใจทางชีววิทยา แต่คุณค่าที่แท้จริงของการทดลองทางความคิดนี้ก็คือการช่วยให้เราคิดให้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า อะไรคือสิ่งที่สุนัขเป็นในปัจจุบัน และในทางกลับกัน ก็สามารถอธิบายให้กระจ่างได้ว่า รูปแบบทางศีลธรรมของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสุนัขเป็นอย่างไร ผลกระทบที่สำคัญที่สุดของการคิดถึงสุนัขในมุมมองแบบหลังมนุษย์(Posthumanism) และการที่พวกมัน(สุนัข) จะเติบโตโดยไม่มีพวกเราคือการกระจายอำนาจของมนุษย์ เรามักจะนึกถึงสุนัขผ่านเลนส์ของสิ่งที่พวกเขา(สุนัข)มีต่อเราในฐานะมนุษย์ (สุนัขเป็นเพื่อนที่ดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพจิตของเรา เป็นยาบรรเทาความเหงา มีประโยชน์สำหรับการทำงาน กีฬา และความบันเทิง) แต่บ่อยครั้งที่ชีวิตที่เราขอให้พวกเขา(สุนัข)อยู่ต่อหน้าเรานั้น เป็นภาพสะท้อนที่ซีดเซียวของสิ่งที่พวกเขาเป็น.. วิธีหรือกระบวนการที่มนุษย์ทำให้ชีวิตสุนัขยากขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะสุนัขที่เป็นสัตว์เลี้ยงที่อาศัยอยู่ในบ้านของเรา โดยทั่วไปแล้ว สุนัขเลี้ยงของเราจะไม่สามารถเลือกเพื่อนหรือครอบค...

Anthropology of Monsters มานุษยวิทยาว่าด้วยสัตว์ประหลาด โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

ผมเคยบอกว่าผมสนใจมานุษยวิทยาว่าด้วยสัตว์ประหลาด อยากเปิดวิชานี่ สอนเรื่องเหล่านี้ ผมนึกถึงหนังสือชื่อ "Monster Anthropology: Ethnographic Explorations of Transforming Social Worlds Through Monsters" เขียนโดย Yasmine Musharbash และคณะ พวกเขาได้ทำการสำรวจบทบาทและความหมายของ Monster ( โดยมากหมายถึง สัตว์ประหลาด อสูรกาย อมนุษย์ ผี และอื่นๆ ทั้งนี้อาจใช้ในความหมายถึงคนที่มีพฤติกรรมเลวร้ายน่ากลัวด้วย)ในสังคมมนุษย์ โดยใช้มุมมองทางชาติพันธุ์วิทยา หนังสือเล่มนี้รวมบทความจากนักวิชาการหลายคนที่ใช้การศึกษาเรื่องมอนสเตอร์เพื่อทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม ประเด็นที่น่าสนใจในหนังสือคิดว่ามีดังนี้คือ 1. Monster เป็นภาพสะท้อนของสังคม โดย มอนสเตอร์ถูกมองว่าเป็นภาพสะท้อนของความกลัว ความหวัง และปัญหาทางสังคมของยุคสมัย เช่น การเมือง เศรษฐกิจ หรือสังคม 2. Monster และอัตลักษณ์ การสร้างและการเล่าเรื่องเกี่ยวกับมอนสเตอร์ช่วยในการสร้างและกำหนดอัตลักษณ์ของกลุ่มคนต่าง ๆ ทั้งในแง่ของการกำหนดว่าใครเป็น "พวกเรา" และใครเป็น "คนอื่น" ...