ระหว่างหาประเด็นเติม มานุษยวิทยาว่าด้วยร่างกาย และหาเรื่องราวลง blog จริงๆ ผมก์เคยรีวิวงานของเขาบางเล่มเมื่อหลายปีที่แล้ว แต่งานใหม่ๆของเขาฝนปัจจุบันก็มีความน่าสนใจ และนำมาประยุกต์ใช้ในการทำงานสนามทางมานุษยวิทยาได้ ในการศึกษาผู้ป่วยซึมเศร้า ผู้สูงอายุ แรงงานอพยพ คนไร้บ้าน และอื่น ๆ ที่ให้ความสนใจชีวอนประจำวันของผู้คนจริงๆ มากกว่าการคิดในเชิงนามธรรม ที่จับต้องไม่ได้และเน้นโครงสร้างมากเกินไป จากคำกล่าวของ Micheal D. Jackson (1998) ในหนังสือ ma Ethnographica: Intersubjectivity and the Anthropological Project ที่บอกว่า “The inability or refusal to speak does not signify the absence of meaning, but may be its very condition.” (การไม่สามารถหรือไม่ยอมพูด ไม่ได้หมายถึงการไม่มีความหมาย แต่อาจเป็นเงื่อนไขที่ทำให้เกิดความหมาย) เขาเสนอแนวคิดเรื่อง Intersubjectivity (ภาวะรับรู้ร่วม) โดย Jackson เสนอว่า “ประสบการณ์มนุษย์” ไม่สามารถเข้าใจได้จากมุมมองของปัจเจกเพียงอย่างเดียว แต่เราต้องเข้าใจมนุษย์ในฐานะ สิ่งมีชีวิตที่สัมพันธ์กับผู้อื่น ดังนั้น ความหมายของชีวิตและตัวตน (self) ถูกสร้างขึ้...
**เมื่อโลกนี้ไม่มีสุนัข ภาวะหลังมนุษย์ของสุนัข** การจินตนาการถึงอนาคตของสุนัขที่ไม่มีคู่หูเป็นมนุษย์นั้นเป็นแบบฝึกหัดที่น่าสนใจทางชีววิทยา แต่คุณค่าที่แท้จริงของการทดลองทางความคิดนี้ก็คือการช่วยให้เราคิดให้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า อะไรคือสิ่งที่สุนัขเป็นในปัจจุบัน และในทางกลับกัน ก็สามารถอธิบายให้กระจ่างได้ว่า รูปแบบทางศีลธรรมของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสุนัขเป็นอย่างไร ผลกระทบที่สำคัญที่สุดของการคิดถึงสุนัขในมุมมองแบบหลังมนุษย์(Posthumanism) และการที่พวกมัน(สุนัข) จะเติบโตโดยไม่มีพวกเราคือการกระจายอำนาจของมนุษย์ เรามักจะนึกถึงสุนัขผ่านเลนส์ของสิ่งที่พวกเขา(สุนัข)มีต่อเราในฐานะมนุษย์ (สุนัขเป็นเพื่อนที่ดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพจิตของเรา เป็นยาบรรเทาความเหงา มีประโยชน์สำหรับการทำงาน กีฬา และความบันเทิง) แต่บ่อยครั้งที่ชีวิตที่เราขอให้พวกเขา(สุนัข)อยู่ต่อหน้าเรานั้น เป็นภาพสะท้อนที่ซีดเซียวของสิ่งที่พวกเขาเป็น.. วิธีหรือกระบวนการที่มนุษย์ทำให้ชีวิตสุนัขยากขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะสุนัขที่เป็นสัตว์เลี้ยงที่อาศัยอยู่ในบ้านของเรา โดยทั่วไปแล้ว สุนัขเลี้ยงของเราจะไม่สามารถเลือกเพื่อนหรือครอบค...