แรร์เอิร์ธ (Rare Earth ) การปกปิด ซ่อน เร้นและสิ่งที่ประชาชนควรรู้จากรัฐ โดย นัฐสุฒิ สิงห์กุล

 



คำว่า แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) หมายถึง กลุ่มของธาตุโลหะหายากที่มีคุณสมบัติพิเศษทางแม่เหล็ก การนำไฟฟ้า และการเรืองแสง จึงมีความสำคัญมากใอุตสาหกรรมยุคใหม่ เช่น รถยนต์ไฟฟ้าโทรศัพท์มือถือ ชิปคอมพิวเตอร์ กังหันลม ดาวเทียม และอาวุธยุทธภัณฑ์ เป็นต้น 

    แรร์เอิร์ธ (Rare Earth Elements: REEs) คือกลุ่มธาตุโลหะ 17 ชนิดในตารางธาตุ ได้แก่ กลุ่มแลนทาไนด์ (Lanthanides) 15 ธาตุ เช่น ลานทานัม (La), ซีเรียม (Ce), พราซีโอดีเมียม (Pr), นีโอดีเมียม (Nd), ซามาเรียม (Sm), ยูโรเพียม (Eu), แกโดลิเนียม (Gd), เทอร์เบียม (Tb), ดิสโปรเซียม (Dy) ฯลฯ และบวกอีก 2 ธาตุ ที่มีสมบัติคล้ายกัน คือ สแกนเดียม (Sc) และอิตเทรียม 

    แร่เหล่านี้  คือหัวใจของเทคโนโลยีสีเขียวและอุตสาหกรรมความมั่นคงในอนาคต จึงกลายเป็น ทรัพยากรเชิงยุทธศาสตร์ (strategic resource) ที่ประเทศมหาอำนาจแข่งขันกันควบคุมห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ปัจจุบันจีน คุมตลาดโลกกว่า 70–80% ทั้งการขุดและการแปรรูป ส่วนสหรัฐฯและพันธมิตร (เช่น ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้) จึงพยายามกระจายแหล่งผลิตเพื่อลดการพึ่งพาจีนนั่นเอง 

   ส่วนประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เริ่มถูกมองว่าเป็นพื้นที่สำรองแหล่งทรัพยากรที่เข้าถึงได้ง่ายและต้นทุนต่ำ ในไทยพบแร่นี้หลายพื้นที่ เชียงราย อุดรธานี  เลย  หนองคาย ระยอง ตราด จันทบุรี และหลายพื้นที่ หลาบจังหวัด 

    สมัยก่อน ผมทำการศึกษาเรื่องเหมืองแร่โพแทช อุดรธานี ปัญหาสำคัญคือ การทำข้อตกลงโดยที่รัฐบาลไทยรู้เห็นกับกลุ่มทุนข้ามชาติ โดยที่คนในประเทศไม่รู้ว่าเขาเอาเครื่องจักรที่ทันสมัย และเทคโนโลยีจากต่างประเทศมาสำรวจอะไรในบ้านตัวเอง  ชาวบ้านในพื้นที่ไม่รู้  จนกระทั่งอเมริการู้ว่าเรามีแหล่งแร่ซิลไวท์ที่ดีที่สุดในโลกแหล่งหนึ่ง และมีกลุ่มทุนข้ามชาติเข้ามาขออาชญาบัตร และประทานบัตร สำรวจและขุดแร่ธาตุในพื้นที่ ชาวบ้านได้แต่งง และไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตัวเองและบ้านของตัวเอง ….

   หลายเรื่องของในประเทศเรายังไม่รู้ ยังไม่เข้าใจเลย ว่าใต้ ดินเรามีอะไร เรามีสิทธิ์แค่ไหนจากบนดินลงไปใต้ดิน แร่พวกนี้เอาไปทำอะไร มีผลกระทบไหมถ้าเอามันขึ้นมา  หรือเวลาผู้มีอำนาจไปประชุม ไปเจรจาในระกับประเทศ เขาไปทำอะไร ไปเซ็นอะไร …ทำไมอยู่ ๆ คุยเรื่องสันติภาพ แต่ดันโผล่เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องทรัพยากร  มันมีอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลังโดดยมีทรัมป์นั่งยิ้มอยู่ และทรัพยากรธรรมขาติของประเทศใครจะมาแย่งชิง หรือเอาผลประโยชน์ไป  

   แม้ว่าข้อตกลงนี้จะเรียกว่าMOU ที่ผูกมัด  หรือปฎิเสธบอกว่าไม่ใช่ MOU เป็นแค่ความร่วมมือ  ข้อตกลงที่ไม่ผูกมัดอะไรก็แล้วแต่ ..แต่มันก็ถูกลงนามควบคู่กับข้อตกลงการค้าและวัสดุเชิงยุทธศาสตร์ที่ถูกเชื่อมโยงกับการเยือนอาเซียนของสหรัฐฯ ฃที่มันสีการแทรกผลประโยชน์หลายประเด็นเบื้องหลัง แทนที่จะเป็นเพียงการตกลงเจรจาเรื่องสันติภาพอย่างเดียวเท่านั้น

     ในด้านหนึ่ง  MOU นี้ถือเป็นสิ่งที่ชักนำให้ไทยเข้าร่วมห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ในเรื่องโลหะ แร่เชิงยุทธศาสตร์  ซึ่งรวมถึงแรร์เอิร์ธ (rare earths) กับสหรัฐฯ เพื่อเพิ่มโอกาสการลงทุนด้านการสำรวจ การแปรรูป  และการรีไซเคิลแร่เหล่านี้ภายในประเทศไทย

    แม้ว่ารัฐบาลไทยจะพยามบอกว่า MOU นี้ ไม่ใช่พันธะทางกฎหมาย (legally binding) ณ ปัจจุบัน ซึ่งหมายความว่าไทยยังมีอิสระอยู่บางส่วน แต่ความไม่ชัดเจนเรื่องสิ่งแวดล้อม  ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ผู้คน  ความคุ้มค่าในการดำเนินงาน ใครได้ประโยชน์ เสียประโยชน์ ที่สำคัญไทยยังไม่มี รายชื่อแร่ยุทธศาสตร์ของตนเองเลย (critical minerals list) เมือเทียบกับคู่ค้าอื่น ๆ พูดง่ายๆ เรายังไม่รู้ว่าเรามีอะไร แต่เราจะยกให้คนอื่นมาศึกษาวิจัย มาดำเนินงานลงทุนในบ้านของเรา

     คำถามคือ แล้วทำไมรัฐบาลจึงยอมเซ็นสัญญาอย่างรวดเร็ว ..เบื้องหลังของ MOU ก็คือ แรงกดดันของการจัดหาวัตถุดิบจากสหรัฐฯ เนื่องจากจีนจำกัดการส่งออกแรร์เอิร์ธ  ทำให้มีโอกาสที่ไทยอาจถูกบีบให้เปิดพื้นที่หรือสิทธิ์การลงทุนในแร่ยุทธศาสตร์นี้ โดยที่ตัวเองไม่รูั  ไม่มีการพิจารณาอย่างรอบด้าน และไม่ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่

      ผมนึกถึงประเด็นเรื่อง MOU ที่เกี่ยวกับประเด็น แรร์เอิร์ธ เกี่ยวกับการแบ่งปันข้อมูลแหล่งแร่  สหรัฐฯ จะได้สิทธิ์เข้าร่วมวิเคราะห์ วิจัย สำรวจข้อมูลแหล่งแร่ในพื้นที่ไทย  การที่อีกฝ่ายรู้ก่อน อาจทำให้เสียเปรียบเชิงเจรจาต่อรองการลงทุน

    สิทธิการเข้าถึงโอกาสลงทุนก่อน โดย  MOU มีถ้อยคำสนับสนุนการให้โอกาสนักลงทุนจากสหรัฐฯ ในขั้นตอนต่อไป  ซึ่งสร้างข้อกังวลเรื่องการแข่งขันที่ไม่เท่าเทียม

    การเร่งรัดกระบวนการอนุญาต (fast-track approvals) ที่เสมือนข้อความเชิงสนับสนุนให้หน่วยงานไทยปรับปรุงการอนุญาตให้รวดเร็วและคล่องตัวสำหรับโครงการที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่มีการกำหนดเงื่อนไขด้านสิ่งแวดล้อมหรือการมีส่วนร่วมของชุมชนเป็นมาตรฐานผูกพัน

   การยกเลิก MOU แต่ยึดโครงการที่ตกลงไว้เดิม แม้ MOU จะยกเลิกได้ แต่มีเงื่อนไขว่าข้อตกลงที่ได้ตกลงกันแล้วจะยังดำเนินต่อ ซึ่งอาจล็อกไทยกับข้อตกลงเดิมแม้จะอยากเปลี่ยนยุทธศาสตร์ภายหลัง

      สุดท้าย  คำถามสำคัญคือ คนไทยรู้ไหมว่าอะไรคือความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น จากประเด็ยวนข้อตกลงหรือMOU ฉบับนี้

     ความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพสาธารณะ แร่แบบ rare earth มีกระบวนการแยก/แปรรูปที่ใช้สารเคมีและผลิตภัณฑ์ของเสียที่เป็นพิษ หากไม่มีมาตรการควบคุมที่เข้มงวด จะเพิ่มความเสี่ยงมลพิษทางน้ำและดิน โดยเฉพาะในภูมิภาคที่กำลังพบปัญหา

     การสูญเสียอำนาจในการกำหนดเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ หากให้สิทธิ์ ให้โอกาสนักลงทุนสหรัฐฯก่อนเป็นอันดับแรก โดยไม่มีข้อผูกพันเรื่องการเพิ่มมูลค่าภายในประเทศ (local value-add) ไทยอาจกลายเป็นแค่แหล่งวัตถุดิบที่ไม่ได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจเต็มที่

     ปัญหาการกำกับดูแลภายใน ปัจจุบันมีช่องว่างในการตรวจสอบแหล่งที่มาของแร่ที่นำเข้าและการเปิดเผย supply chain (ผู้นำเข้าไม่ต้องระบุเหมืองต้นทางอย่างละเอียด) ข้อนี้เสี่ยงให้แร่ที่ปนเปื้อนจากเหมืองผิดกฎหมายมี่จะก่อให้เกิดมลพิษเข้ามาในระบบ

   ความเปราะบางทางนโยบาย ตัว MOU แม้ไม่ผูกพันทางกฎหมาย แต่การให้สิทธิประโยชน์และข้อมูล อาจทำให้ไทยถูกบีบในเวทีระหว่างประเทศ หรือถูกนำมาใช้เป็นเงื่อนไขในเชิงการเมืองเศรษฐกิจได้

   สิ่งที่ควรต้องทำ  ประขาสัมพันธ์ให้ประชาชนเห็น MOU ฉบับเต็มจากรัฐบาล และเผยแพร่ให้สาธารณะทราบ และควรมีการจัดประชุมรับฟังสาธารณะ (public consultation) โดยเชิญผู้แทนชุมชนที่มีส่วนได้เสีย  นักวิชาการสิ่งแวดล้อม และสภาอุตสาหกรรม เพื่อทบทวนผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นและเงื่อนไขการคุ้มครองกับประชาชน 

    เราต้องมองให้ชัดว่า เราได้ประโยชน์เสียผลประโยชน์อะไร แล้วขอแก้ไขหริอเพิ่มเติม MOU ให้รวมข้อผูกพันด้านสิ่งแวดล้อม (binding environmental safeguards) เช่น ข้อตกลงการทำ EIA ที่เป็นมาตรฐานร่วม (baseline + monitoring + third-party audits) ก่อนโครงการใดๆ จะได้รับการอำนวยความสะดวก หรือ ข้อกำหนด transboundary pollution liability clause (หากการแปรรูปในประเทศเพื่อนบ้านส่งผลกระทบต่อไทย ให้มีช่องทางชัดเจนในการเรียกร้องค่าเสียหายหรือเยียวยา)

    ผมว่า ข้อมูลสำคัญ ควรให้ประชาขนทราบ …ผมจับตาดูเรื่องนี้อยู่ ด้วยความสงสัยและตั้งคำถาม ในนามของคนที่เคยเคลือนไหวเรื่องเหมืองแร่โพแทข 


อ้างอิง

merican Geosciences Institute. (n.d.). How do we use rare earth elements? Retrieved October 28, 2025, from https://profession.americangeosciences.org/society/intersections/faq/how-do-we-use-rare-earth-elements/


American Geosciences Institute. (n.d.). What are rare earth elements, and why are they important? Retrieved October 28, 2025, from https://profession.americangeosciences.org/society/intersections/faq/what-are-rare-earth-elements-and-why-are-they-important/


Foreign Policy in Focus. (2019, March 15). Rare earth mining: Sacrificing the environment to save the planet? Retrieved from https://fpif.org/rare-earth-mining-sacrificing-the-environment-to-save-the-planet/


Harvard International Review. (2020, July 14). Not so “green” technology: The complicated legacy of rare earth mining. Retrieved from https://hir.harvard.edu/not-so-green-technology-the-complicated-legacy-of-rare-earth-mining/


IPS–Institute for Policy Studies. (2021, October 5). Mapping the impact and conflicts of rare-earth elements. Retrieved from https://ips-dc.org/mapping-the-impact-and-conflicts-of-rare-earth-elements/


Lynas Rare Earths. (n.d.). What are rare earths? Retrieved October 28, 2025, from https://lynasrareearths.com/about-us/what-are-rare-earths/


United States Department of Energy. (2023). Rare earth elements. Retrieved from https://www.energy.gov/fecm/rare-earth-elements


United States Geological Survey. (2022). Potential uses of rare earth elements found in marine minerals. Retrieved from https://www.usgs.gov/media/images/potential-uses-rare-earth-elements-found-marine-minerals


Yang, X., Zhang, Z., & Zhao, S. (2019). Rare earth elements: A review of applications, occurrence, exploration, analysis, recycling, and environmental impact. Geoscience Frontiers, 10(4), 1285–1303. https://doi.org/10.1016/j.gsf.2018.12.005


Zeng, X., Li, J., & Singh, N. (2022). Environmental impacts of rare earth production. Environmental Science and Pollution Research, 29(9), 12475–12489. https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC8929459/

ความคิดเห็น