ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

การแปลงร่างสู่ Art toy และ Figure model ผ่านAI ภาพสะท้อนการแสดง อัตลักษณ์ ตัวตนในทางมานุษยวิทยา โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล




ChatGPT สร้างโมเดล Art Toy ส่วน Gemini ก็สร้างโมเดลฟิกเกอร์ 3D ในการแข่งขันกันในโลกของ AI. ปรากฏการณ์ดังกล่าวกลายเป็นกระแสดังในโลกโซเชี่ยลที่หลายคนต่างมีโมเดล 3 D ของตัวเอง ในทางมานุษยวิทยา ปรากฏการณ์เหล่านี้ นักมานุษยวิทยาอย่างผมมองว่ามันคือ การสร้างอัตลักษณ์ใหม่ในโลกดิจิทัล คือการทดลองและเล่นกับตัวตน ที่สะท้อนการเปลี่ยนรูปแบบการสื่อสารและความสัมพันธ์ในสังคม ซึ่งทำให้เกิดวัฒนธรรมใหม่ที่ผสมผสานความจริงกับโลกเสมือนจริงเข้าด้วยกัน เพราะการทำฟิกเกอร์ 3D ของตัวเองใน Gemini ตอบโจทย์หลายมิติที่เกี่ยวข้องกับอัตลักษณ์ ความสนุก และเทรนด์ทางสังคมในยุคดิจิทัล เหตุผลที่คนชอบทำฟิกเกอร์ 3D ของตัวเอง ผมมองว่าน่าจะเกิดจาก 1. ความต้องการสะท้อนตัวตน (Identity Expression) การสร้างฟิกเกอร์ 3D ช่วยให้คนออกแบบตัวเองในแบบที่อยากให้คนอื่นเห็น เหมือนเป็นการอวตารที่สื่อถึงสไตล์ บุคลิก ความชอบ โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวจริงมากเกินไป ซึ่งตรงกับแนวคิด self-branding ในโลกออนไลน์ ซึ่งเราสามารถควบคุมได้ว่าจะนำเสนอตัวเราแบบไหน 2. ความสนุกและการเล่น (Playfulness & Creativity) ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังเล่นเกม ปรับทรงผม เสื้อผ้า สีผิว ท่าทางและอื่น ๆ ทำให้คนจำนวนมากสนุกกับการสร้างหลายเวอร์ชัน เช่น ตัวจริง ผสมกับตัวที่อยากเป็น ผสมกับตัวการ์ตูนเวอร์ชันแฟนตาซี 3. เทรนด์และคอนเทนต์โซเชียล (Social Trend & Content) เนื่องจากฟิกเกอร์ 3D สามารถนำไปทำคอนเทนต์ แชร์ในโซเชียล มีมุกตลก คลิปสั้น หรือใช้เป็นสติกเกอร์ ดังนั้นเมื่อเพื่อน ๆ ทำกัน เราก็อยากทำบ้าง เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า FOMO หรือ Fear of Missing Out) มันคือความรู้สึกของผู้คนที่กลัวว่าจะพลาดสิ่งสำคัญหรือความสนุกที่คนอื่นกำลังมีอยู่ ซึ่งเป็นภาวะทางจิตวิทยาที่ทำให้เรารู้สึกว่า ถ้าเราไม่เข้าร่วมกิจกรรม/ไม่ลองทำเหมือนคนอื่น เราอาจตกเทรนด์ หรือพลาดโอกาสดี ๆ ในชีวิตไป ลักษณะสำคัญของ FOMO เกิดจากการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น (social comparison) พบมากในยุคโซเชียลมีเดีย เพราะเรามองเห็นชีวิตคนอื่นตลอดเวลา ทำให้เรารีบตัดสินใจเข้าร่วมบางอย่าง แม้ยังไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร เพื่อไม่ให้ตัวเองตกขบวนกระแส ตัวอย่าง FOMO ในชีวิตจริง อาทิเช่น เพื่อน ๆ ในโซเชียลลงรูปใช้ฟิลเตอร์ใหม่ เราก็รีบโหลดแอปมาใช้บ้างหรือเราเห็นเพื่อนทำฟิกเกอร์ 3D ใน Gemini เราก็ทำบ้างเพื่อไม่ให้รู้สึกว่าเราหายไปจากวงสนทนาทางสังคมรวมทั้งกรณีโปรโมชั่น Flash Sale ที่รีบซื้อสินค้าเพราะกลัวพลาดการได้ครอบครองของถูก ผมมองว่า FOMO เป็น กลไกการรักษาความเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม (group belonging) ดังเช่นในสังคมดั้งเดิม คนต้องทำพิธีหรือร่วมกิจกรรมในพิธีกรรมร่วมกันเพื่อยืนยันว่าฉันเป็นสมาชิกของกลุ่ ดังนั้น ในสังคมดิจิทัล FOMO ทำให้เราร่วมกิจกรรมออนไลน์ เช่น สร้างฟิกเกอร์ แชร์มีม) เพื่อยืนยันว่าฉันก็อยู่ตรงนี้กับพวกคุณนะ … 4. ใช้แทนตัวจริง (Privacy & Representation) หรือกรณีที่หลายคนไม่อยากเปิดเผยหน้าจริง แต่ก็อยากสื่อสารอย่างมีเอกลักษณ์ การทำรูปแบบ ARt Toy แบบที่ Chat GPT ทำ หรือ ฟิกเกอร์ 3D ของ Gemini เป็นตัวแทนที่ปลอดภัยกว่าการโพสต์รูปตัวเอง 5. เทคโนโลยีทำให้เข้าถึงง่าย (Ease of Use) แอปบางประเภทเช่น อย่าง Gemini หรือแพลตฟอร์มอื่นใช้ AI/AR ช่วยสร้างฟิกเกอร์อัตโนมัติในไม่กี่วินาที ทำให้คนไม่ต้องมีทักษะ 3D ก็สร้างตัวเองได้แบบสมจริงและน่าสนใจ 6. ความรู้สึกเป็นเจ้าของและพิเศษ (Personalization & Uniqueness) เนื่องจากตัวฟิกเกอร์เป็น ของเราเท่านั้น และไม่ซ้ำแบบกับใคร บางแพลตฟอร์มทำให้สามารถใช้ตัวฟิกเกอร์ไปสร้างสตอรี่ เกม หรือของสะสมดิจิทัล (NFT/Metaverse)ได้ ในทางมานุษยวิทยามองว่า ตัวตนไม่ตายตัว แต่ถูกสร้างและต่อรองตลอดเวลา ที่สะท้อนอัตลักษณ์ (Identity) และการสร้างตัวตน ดังนั้น การทำฟิกเกอร์ 3D เป็นกระบวนการสร้างอัตลักษณ์ดิจิทัล (digital self-making) คล้ายกับพิธีกรรมในสังคมดั้งเดิมที่ใช้หน้ากาก เสื้อผ้า หรือรอยสัก เพื่อสื่อว่าฉันคือใคร เช่นเดียวกับในโลกออนไลน์ ตัวฟิกเกอร์คือหน้ากากดิจิทัลที่เราควบคุมเองได้ การสร้างโมเดล คือการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ (Symbolic Interactionism) ตัวฟิกเกอร์ไม่ใช่แค่ภาพ แต่เป็น สัญลักษณ์ ที่บอกว่าเราสังกัดกลุ่มไหน มีรสนิยมแบบไหน ดังนั้นการแชร์ฟิกเกอร์ถือเป็นการสื่อสารทางสังคม (social signaling) แบบหนึ่ง ที่เราใช้ส่งสารถึงเพื่อน ๆ ว่าเราทันสมัยหรืออยู่ในวัฒนธรรมเดียวกัน หากมองในมุม มานุษยวิทยาของการเล่น (Anthropology of Play) มองว่าการเล่นเป็นพื้นที่ทดลองสิ่งใหม่ การเล่น (Play) เป็นเสมือนการทดลองตัวตน ฟิกเกอร์ 3D จึงให้พื้นที่ปลอดภัยให้คนลองเป็นคนอื่น (play with identity) เช่น คนขี้อายอาจทำตัวฟิกเกอร์ที่มั่นใจ คนธรรมดาอาจสร้างตัวเองให้เหมือนฮีโรภาวะดังกล่าวขจึงเป็นเหมือน liminal space หรือพื้นที่ก้ำกึ่งระหว่างความจริงกับจินตนาการ ในมุมมองมานุษยวิทยาดิจิทัล (Digital Anthropology) มองแพลตฟอร์มอย่าง Gemini เป็นชุมชนเสมือน ที่ผู้คนใช้สร้างสัญลักษณ์ ความสัมพันธ์ และกฎเกณฑ์ของตนเอง การทำฟิกเกอร์จึงเป็นพิธีกรรมทางวัฒนธรรมยุคดิจิทัล ที่บอกว่าเราเป็น สมาชิกของโลกออนไลน รวมทั้งแสดงถึงการที่สังคมให้ความสำคัญกับตัวตนออนไลน์เท่ากับหรือมากกว่าตัวตนในชีวิตจริง ดังที่เราเห็นชัดในวัฒนธรรม Gen Z ที่สร้างอวตารก่อนอัปโหลดรูปตัวจริง ทำให้ผู้ใช้ไม่ได้เป็นแค่ผู้เสพ แต่เป็นผู้สร้างเนื้อหา (prosumer) เพราะฟิกเกอร์ 3D คือเนื้อหาที่ผู้โพสต์ผลิตเอง และแชร์เข้าสู่ชุมชนทางวัฒนธรรมดิจิทัล



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

พิธีกรรม สัญลักษณ์ และ Victor Turner โดยนัฐวุฒิ สิงห์กุล

  พิธีกรรมวิเคราะห์แบบ  Victor turner  ที่ได้รับอิทธิพลทางความคิดจาก  Arnold Van Gennep  ที่มองภาวะภายในของจักรวาลที่ถูกจัดการให้มีลักษณะของการเปลี่ยนผ่านหมุนเวียนของช่วงเวลา  (Periodicity)  ที่จะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของมนุษย์   จะทำอะไร   จะปลูกอะไร   ชีวิตของมนุษย์ก็เหมือนกับภาวะของธรรมชาติ   ทั้งตัวปัจเจกชนและกลุ่มสังคม ล้วนแล้วแต่เชื่อมโยงสัมพันธ์ไม่มีส่วนใดที่สามารถแยกขาดได้อย่างอิสระ   โดยพิธีกรรมดังกล่าวจะแบ่งออกเป็น  3  ระยะคือ 1.rite of separation  หรือขั้นของการแยกตัว   ถือว่าเป็นส่วนของพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับการแยกตัวเองจากสถานภาพเดิม   ผ่านพิธีกรรมที่ทำให้บริสุทธิ์  (purification rites)  เช่น   การโกนผม   การกรีดบนเนื้อตัวร่างกาย   รวมถึงการตัด   การสร้างรอยแผลเป็น   การขลิบ  (scarification or cutting)  ที่เกิดขึ้นกับอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง 2.rite of transition  เป็นส่วนของพิธีกรรมที่ว่าด้วยการเปลี่ยนสภาพ   โดยบุคคลที่ร่วมในพิธีกรรมจะมีก...

เฟอร์ดิน็องต์ เดอร์ โซซูร์

เฟอร์ดิน็องต์ เดอร์ โซซูร์ (1857-1923) นักภาษาศาสตร์ชาวสวิสเซอร์แลนด์ เป็นผู้มีบทบาทอย่างสำคัญในประวัติศาสตร์ของพวกโครงสร้างนิยม   ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสัญวิทยาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของ เลวี่ สเตร๊าท์ (Levi-Strauss) ชาร์ค ลากอง (Jacques Lacan) และ โรล็องต์ บาร์ธ (Roland Barthes) รวมถึง มิเชล ฟูโก้ (Micheal Foucault) ที่ได้กลับมาวางรางฐานและปฎิเสธเกี่ยวกับโครงสร้างนิยม ภายใต้ทิศทางใหม่ของหลังโครงสร้างนิยม (Post-Structuralism) ในคำบรรยายเริ่มแรกของเขาที่มหาวิทยาลัยเจนีวา ในช่วงปี 1906-1911 และการตีพิมพ์โครงร่างงานของเขาที่เขียนไว้ และคำบรรยายของเขาที่ลูกศิษย์ได้รวบรวมไว้ ภายหลังการมรณกรรมของเขาเมื่อปี 1915-1916   ภายใต้ชื่อ Course de linguistique   Generale ซึ่งถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษและเผยแพร่ในยุโรป ภายใต้ชื่อ Course in general linguistic ในปี 1960 เขาได้นำเสนอความคิดว่า การศึกษาภาษาศาสตร์ในปัจจุบัน สามารถศึกษาได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ซึ่งน่าจะได้รับอิทธิพลจากอีมิล เดอร์ไคม์ (Emile D...

Biomedical Model และ Bio-Psycho-social Mode

(1)        อะไรคือ Biomedical Model และ Bio-Psycho-social Model ? แนวคิดแบบจำลองทางชีวะการแพทย์ ( Biomeaical Model ) เริ่มต้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ที่ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์มีการพัฒนาอย่างเติบโตรวดเร็วและกว้างขวาง การค้นพบเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยอย่างกล้องจุลทรรศน์ ทำให้มนุษย์ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น แม้แต่สิ่งที่เล็กที่สุดในร่างกายของมนุษย์ รวมถึงเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมต่างๆที่เข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่แพทย์ใช้วินิจฉัยสาเหตุของโรคและความเจ็บป่วย แบบจำลองนี้ ดังนั้นแบบจำลองนี้เสนอว่า โรคหรือความผิดปกติทางกาย( Physiology )ซึ่งเกิดจากการบาดเจ็บ ความผิดปกติของพันธุกรรม ( Abnomal Genetics ) ความไม่สมดุลทางชีวะเคมี ( Biochemistry ) เรื่องของพยาธิวิทยา ( Pathology )   แบคทีเรีย หรือไวรัส หรือสิ่งอื่นๆที่คล้ายคลึงกันที่นำไปสู่การติดเชื้อและความเจ็บป่วยของมนุษย์ ซึ่งแนวคิดดังกล่าวนี้ไม่ได้อธิบายบทบาทของปัจจัยทางสังคม( The role of Social factors )หรือความคิดของปัจเจกบุคคล  ( Individual Subjectivity ) โดยแบบจำลองทางชีวะ...