ระหว่างนั่งเล่นทานข้าวกับลูกสาว นึกถึงหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อ The Art of Statistics: Learning from Data ของ David Spiegelhalter ( จริงๆ งานของเขาก็มีหลายเล่มน่าสนใจ
ผมเลยมองเห็นประโยชน์ของการคลี่ผลลัพธ์ หรือจะเรียกว่าการถอดรหัสผลลัพธ์ การคลี่คลายผลลัพธ์ หรือการวิเคราะห์และขยายผลลัพธ์ ก็แล้วแต่ ใช้ได้เหมือนกัน สำหรับผม มันคือ การทำให้สิ่งที่ซ่อนอยู่ปรากฏ หรือการค่อย ๆ เปิดออกมา อธิบาย หรือทำให้เห็นรายละเอียดและความเชื่อมโยงของผลลัพธ์
การคลี่ผลลัพธ์ ทำให้เรามองเห็น เส้นทางการเปลี่ยนแปลงชัดเจน ผมเลยนึกถึงแนวคิดที่ว่า ด้วยการเปลี่ยนแปลง ( Theory of Change)
โดย Theory of Change (ToC) หรือทฤษฎีการเปลี่ยนแปลง คือ เครื่องมือและกรอบคิดที่ใช้ในการอธิบายว่า โครงการหรือการทำงานจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร พูดง่าย ๆ คือการเล่าเรื่องราวของการเปลี่ยนแปลงว่า เริ่มจากไหน (ปัญหา/สถานการณ์) ทำอะไร (กิจกรรม) จะเกิดอะไรขึ้นระหว่างทาง (ผลลัพธ์ระยะสั้น-กลาง-ยาว) แล้วสุดท้ายจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหญ่ (Impact) ได้อย่างไร
รวมทั้งทำให้ทีมและผู้มีส่วนร่วมเข้าใจว่าโครงการไม่ได้วัดเพียงกิจกรรม แต่เน้นการเปลี่ยนแปลง การทำคยามเข้าใจตัวผลลัพธ์มี่ชัดเจนจะช่วยออกแบบการประเมินผลได้เหมาะสม (เลือกตัวชี้วัดที่ตรงจุด) รวมทั้งทำให้เห็นความคืบหน้าเป็นลำดับ (จากการเข้าร่วม สู่การเรียนรู้ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม รวมทั้ง การเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ)
องค์ประกอบสำคัญของ Theory of Change ประกอบด้วย
1. บริบทและปัญหา (Context & Problem Analysis) เรากำลังเผชิญกับสถานการณ์หรือความท้าทายอะไร เช่น เยาวชนขาดทักษะชีวิต, ชุมชนเข้าถึงสุขภาพยาก
2. เป้าหมายระยะยาว (Long-term Impact / Goal) การเปลี่ยนแปลงที่ต้องการเห็น เช่น เยาวชนมีพฤติกรรมสุขภาพที่ดี เยาวชนเป็นพลเมืองที่มีพลัง, ชุมชนมีสุขภาวะที่ยั่งยืน
3. ผลลัพธ์ (Outcomes) การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับคน กลุ่มเป้าหมาย หรือระบบ (ทั้งระยะสั้น กลาง ยาว) เช่น เด็กมีความรู้เพิ่มขึ้น มีทักษะคิดวิเคราะห์ การลดพฤติกรรมเสี่ยง ที่นำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
4. กิจกรรม (Activities / Interventions) สิ่งที่โครงการจะทำ เช่น จัดอบรมค่าย, สร้างกลไกชุมชน, พัฒนาครูพี่เลี้ยงฃ
5. สมมติฐาน (Assumptions) เงื่อนไขหรือความเชื่อที่ทำให้ ToC ใช้งานได้ เช่น “ถ้าเด็กได้รับโอกาสฝึกคิดวิเคราะห์ เด็กจะเลือกพฤติกรรมที่ปลอดภัยขึ้น
6. ปัจจัยภายนอก (External Factors) สิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมแต่มีผล เช่น นโยบายรัฐ เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม
ประโยชน์ของการใช้ ToC คือการมองเห็นเส้นทางการเปลี่ยนแปลงชัดเจน (ไม่ใช่แค่กิจกรรมแยก ๆ) ทำให้สามารถสื่อสารโครงการกับผู้เกี่ยวข้องได้ง่าย เพราะเล่าเป็นเหตุเป็นผล รวมทั้งช่วยออกแบบการประเมินผล โดยเลือกตัวชี้วัดที่ตรงกับผลลัพธ์แต่ละขั้นอีกทั้งยังใช้เป็นเครื่องมือเรียนรู้ร่วมกัน ระหว่างทีมและชุมชน
ตัวอย่างย่อ (โครงการป้องกันการสูบบุหรี่ในเยาวชน) ปัญหาเบื้องต้นคือ เด็กมัธยมในพื้นที่มีอัตราการลองบุหรี่สูง เป้าหมายใหญ่คือ เด็กและเยาวชนมีสุขภาวะ ปลอดบุหรี่ ตัวกิจกรรมที่ทำอาจจะจัดค่ายสร้างทักษะชีวิต, สื่อสารรณรงค์, สร้างชมรมเยาวชน ผลลัพธ์สั้นคือ เด็กมีความรู้และทักษะชีวิตเพิ่มขึ้น ผลลัพธ์ระยะกลางคือเด็กกล้าปฏิเสธการชวนสูบบุหรี่, สร้างค่านิยมใหม่ ส่วนผลลัพธ์ระยะ ยาวคือ อัตราการสูบบุหรี่ลดลง พฤติกรรมการสูบบุหรี่ลดลง และเยาวชนสุขภาพดีขึ้น ภายใต้ข้อสมมติฐานคือ ถ้าเด็กมีทักษะชีวิตและการสนับสนุนจากเพื่อน/ชุมชน หรือสร้างระบบนิเวศสุขภาพที่ดี เด็กจะไม่หันไปหาบุหรี่
พิธีกรรมวิเคราะห์แบบ Victor turner ที่ได้รับอิทธิพลทางความคิดจาก Arnold Van Gennep ที่มองภาวะภายในของจักรวาลที่ถูกจัดการให้มีลักษณะของการเปลี่ยนผ่านหมุนเวียนของช่วงเวลา (Periodicity) ที่จะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของมนุษย์ จะทำอะไร จะปลูกอะไร ชีวิตของมนุษย์ก็เหมือนกับภาวะของธรรมชาติ ทั้งตัวปัจเจกชนและกลุ่มสังคม ล้วนแล้วแต่เชื่อมโยงสัมพันธ์ไม่มีส่วนใดที่สามารถแยกขาดได้อย่างอิสระ โดยพิธีกรรมดังกล่าวจะแบ่งออกเป็น 3 ระยะคือ 1.rite of separation หรือขั้นของการแยกตัว ถือว่าเป็นส่วนของพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับการแยกตัวเองจากสถานภาพเดิม ผ่านพิธีกรรมที่ทำให้บริสุทธิ์ (purification rites) เช่น การโกนผม การกรีดบนเนื้อตัวร่างกาย รวมถึงการตัด การสร้างรอยแผลเป็น การขลิบ (scarification or cutting) ที่เกิดขึ้นกับอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง 2.rite of transition เป็นส่วนของพิธีกรรมที่ว่าด้วยการเปลี่ยนสภาพ โดยบุคคลที่ร่วมในพิธีกรรมจะมีก...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น