หนังสือที่สั่งมา สั่งมาสดๆร้อนๆเพราะอยากอ่าน อยากรู้ โดยส่วนตัวก็เป็นคนชอบอ่านเรื่องราวของแม่มด หมอผี หรือซาตาน หากมีเล่มพวกนี้จะซื้อมาไว้อ่านเพื่อเติมความรู้ และเล่าให้ลูกสาวฟัง ฟ้าใสเธอเป็นนางแบบให้คู่กับหนังสือที่สั่งมาเพิ่งถึงวันนี้….คงมีเรื่องสนุกเล่าให้เธอฟัง ระหว่างเธอแต่งตัวตามสไตล์เธอ เลยขอให้มาถือหนังสือเป็นนางแบบให้..
หนังสือเล่าเรื่องราวในอดีตที่สมาชิกทุกระดับของสังคมล้วนมีความเชื่อเรื่องเวทมนตร์คาถาร่วมกัน ในศตวรรษที16และ17 ทุกคนล้วนกลัวโรค ความเจ็บป่วย อัตราการเสียชีวิตของทารกอยู่ในระดับสูง และการเก็บเกี่ยวพืชผลประมาณ1ใน6มีแนวโน้มว่าจะล้มเหลว.… ในชุมชนชนบทเล็กๆ ที่คนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ ความรักและความเกลียดชังอาจเกิดขึ้นได้เป็นเวลานาน เมื่อความโชคร้ายเกิดขึ้นกับครอบครัว พวกเขามองหาเพื่อนบ้านที่อาจจะเป็นต้นเหตุของความชั่วร้าย และขอความช่วยเหลือสนับสนุนจากเวทมนต์คาถาในบางเรื่อง
ในช่วงศตวรรษที่16 ในยุโรปผู้คนล้วนต้องเผชิญกับการล่าแม่มดและการทดลอง ทดสอบต่างๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ ขณะที่ร่างของผู้หญิงที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดจะถูกเผาทั่วทั้งทวีป กองไฟของการล่าแม่มดทั่วประเทศก็ถูกจุดขึ้น… ครั้งแรกในอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1612 ผู้หญิงเก้าคนถูกแขวนคอในการพิจารณาคดีแม่มดเพนเดิล การดำเนินคดีกับแม่มดเชล์มสฟอร์ดในปี ค.ศ. 1645 ส่งผลให้เกิดการประหารชีวิตครั้งใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ฟในช่วงกลางปี ค.ศ. 1640 นายพลผู้ค้นหาและตามล่าแม่มดได้ยุยงให้เกิดการก่อการร้ายในเขตที่เคร่งครัดทางตะวันออกของแองเกลีย ผู้หญิงหลายร้อยคนถูกกล่าวหาและแขวนคอ จนกระทั่งช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 17 การล่าแม่มดได้เสื่อมถอยลง ..เรื่องราวการกดขี่ข่มเหงในหน้าประวัติศาสตร์เหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องยืนยันถึงความสยองขวัญของการล่าแม่มดที่เกิดขึ้นทั่วอังกฤษในช่วงร้อยปีหลังจากการผ่านพระราชบัญญัติเวทมนตร์แห่งอลิซาเบธปี 1563 (Elizabethan Witchcraft Act of 1563)
เมื่อความคลั่งไคล้อำนาจเข้าครอบงำคนบางกลุ่ม ภัยพิบัติจะเกิดขึ้นตามมา สำหรับคนธรรมดาทั่วไปอยู่เสมอ แม้ในสมัยที่ศาสนจักรใช้อำนาจเข้สครอบงำความคิดของผู้คน แน่นอนว่าเวทมนต์ คาถาถูกมองว่าเป็นการบูชามาร หรือซาตาน ผู้ถูกกล่าวหาเหล่านั้น ซึ่งมากกว่า 100,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ระหว่างปี 1450 ถึง 1750 คนเหล่านี้ ถูกทรมานอย่างโหดร้ายที่สุดและมักถูกประหารชีวิต ผ่านกระบวนการล่าแม่มดอหนังสือเล่มนี้จะเปิดเผยและตรวจสอบข้อเท็จจริงของการกดขี่ข่มเหงนี้และอาการที่เรียกว่าฮิสทีเรียทางศาสนาที่เป็นแรงบันดาลใจให้สืบย้อนไปยังที่มาของมัน ที่เป็นดั่งไฟป่าที่แพร่กระจายไปทั่วยุโรปและสหรัฐอเมริกา จนกระทั่งเหตุผลทางวิทยาศาสตร์เริ่มท้าทายความเชื่อแบบเก่าจนหมดสิ้น แต่สังคมสมัยใหม่แม้ว่าจะมีความทันสมัยและคบามเป็นวิทยาศาสตร์ แต่การล่าแม่มดก็ยังคงปรากฏกับคนที่เห็นต่าง และเป็นปฏิปักษ์กับความเชื่ออันศักดิ์สิทธิ์
เข้านี้หลังจากตื่นนอน อยากเขียนการนอนในมิติทางมานุษยวิทยากับนักมานุษยวิทยา... ผมเริ่มต้นกับการลองตั้งคำถามเพื่อหาความรู้เกี่ยวกับการนอนว่า อะไรคือการนอน ทำไมต้องนอน นอนที่ไหน นอนเมื่อไหร่ นอนอย่างไร นอนกับใคร นอนเพื่ออะไรและอื่นๆ..เพื่อจะได้รู้ความสัมพันธ์ของการนอนในมิติต่างๆ การนอนของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆแตกต่างจากมนุษย์หรือไม่ หากเปรียบเทียบการนอนของ มนุษย์กับสัตว์สปีชี่ส์อื่นมีการนอนต่างกันหรือเหมือนดันอย่างไร ตัวอย่างเช่น ยีราฟจะนอนครั้งละ 10 นาที รวมระยะเวลานอนทั้งหมด 4.6 ชั่วโมงต่อวัน สัตว์จำพวกค้างคาว และเม่นมีการนอนมากกว่าสัตว์อื่นๆเพราะใช้เวลานอน 17-20ชั่วโมงต่อวัน สำหรับมนุษย์ การนอนคือส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในประสบการณ์ของมนุษย์ การสำรวจการนอนข้ามวัฒนธรรมน่าจะทำให้เราเข้าใจความหมายและปฎิบัติการของการนอนที่มีความซับซ้อนมากขึ้น.. การนอนอาจจะเป็นเรื่องของทางเลือก แต่เป็นทางเลือกที่อาจถูกควบคุมบังคับ โดยโครงสร้างทางสังคมวัฒนธรรม นอนเมื่อไหร่ นอนเท่าไหร่ นอนที่ไหน นอนอย่างไร และนอนกับใคร.. ในสังคมตะวันตก อุดมคติเก...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น