ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Drag Show : ผู้คน วัฒนธรรม และการบริโภค โดยนัฐวุฒิ สิงห์กุล

Drag Show : ผู้คน วัฒนธรรม และการบริโภค การศึกษา Drag Show ในมิติของการบริโภคและธุรกิจสามารถทำได้โดยการมุ่งเน้นไปที่ปัจจัยหลายด้าน ดังนี้ 1. การบริโภคทางวัฒนธรรม กลุ่มผู้ชมและความต้องการ ผ่านการศึกษาว่าใครเป็นผู้ชมหลักของ drag shows กลุ่มอายุ เพศ สถานะทางสังคม และเหตุผลที่ทำให้พวกเขามารับชมการแสดงนี้ เพื่อเข้าใจว่าการบริโภคเกิดขึ้นอย่างไร ความหมายทางสังคม ผ่านการวิเคราะห์ว่าผู้ชมมอง drag show ว่าเป็นอะไร การแสดงออกของ drag ส่งผลต่อแนวคิดเกี่ยวกับเพศ วัฒนธรรม และความหลากหลายทางเพศอย่างไร รูปแบบการบริโภค Drag Show สำรวจการบริโภคในรูปแบบของตั๋วเข้าชม การซื้อสินค้าที่เกี่ยวข้อง หรือการสนับสนุนผ่านสื่อออนไลน์และสังคมดิจิทัลและอื่นๆ 2. มิติธุรกิจ หรือมิติทางเศรษฐกิจ การค้นหาโมเดลธุรกิจของ drag show โดยศึกษาว่าธุรกิจ drag show ดำเนินการอย่างไร ตั้งแต่การจัดการด้านการแสดง การโปรโมต การสร้างรายได้จากการขายตั๋ว สินค้า หรือสปอนเซอร์ มุมมองด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ผ่านการวิเคราะห์ว่า drag show มีบทบาทอย่างไรในอุตสาหกรรมบันเทิง และมีผลต่อเศรษฐกิจในระดับใด เช่น การสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่น สถานที่จัดแสดง หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ มุมมองด้านสื่อและการตลาด ผ่านการศึกษาการใช้สื่อในการโปรโมต drag show เช่น โซเชียลมีเดีย โทรทัศน์ หรือแพลตฟอร์มดิจิทัล ว่ามีบทบาทอย่างไรในการดึงดูดผู้ชมและการสร้างรายได้ 3. เศรษฐศาสตร์ของตัวตนและการแสดง ในด้านอัตลักษณ์ตัวตนของศิลปิน drag โดยศึกษาว่าศิลปิน drag ประกอบสร้างตัวตนเพื่อเป็นสินค้าหรือสร้างแบรนด์ของตนเองอย่างไรในฐานะสินค้า และมีผลต่อการทำธุรกิจอย่างไรบ้าง อุตสาหกรรมบันเทิงและวัฒนธรรมเพศ โดยการวิเคราะห์ว่า drag show ส่งผลต่อธุรกิจในอุตสาหกรรมบันเทิงในวงกว้างอย่างไร เช่น การแสดงในไนต์คลับ รายการทีวี หรือการแสดงระดับนานาชาติ การศึกษาทั้งสองมิติจะช่วยให้เห็นภาพรวมทั้งทางด้านวัฒนธรรมและเศรษฐกิจของการแสดง drag show สำหรับการศึกษาประเด็นเกี่ยวกับ Drag Show ในมิติของการบริโภคและธุรกิจ มีหนังสือหลายเล่มที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม drag และอุตสาหกรรมบันเทิง ซึ่งสามารถช่วยให้เข้าใจลึกซึ้งขึ้นได้ มีหนังสือหลายเล่มที่น่าสนใจ 1. Drag: The Complete Story โดย Simon Doonan สาระสำคัญของหนังสือเล่มนี้กล่าวถึงประวัติศาสตร์และการพัฒนาในแวดวง drag ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พร้อมเจาะลึกถึงผลกระทบของ drag culture ที่มีต่อสังคม รวมถึงบทบาทที่ drag เล่นในอุตสาหกรรมบันเทิง การสร้างตัวตนของศิลปิน drag และการเปลี่ยนแปลงในวงการบันเทิง โดยมีตัวอย่างเชิงรูปธรรม หนังสือเล่มนี้พูดถึง การเติบโตของ Drag Race (รายการแข่งขันทางโทรทัศน์) ซึ่งส่งผลให้ศิลปิน drag กลายเป็นส่วนหนึ่งของวงการธุรกิจบันเทิงกระแสหลัก และช่วยขยายตลาด drag show สู่ระดับนานาชาติ 2.RuPaul's Drag Race and the Shifting Visibility of Drag Culture: The Boundaries of Reality TV โดย Niall Brennan สาระสำคัญของหนังสือเล่มนี้มุ่งเน้นการศึกษาผลกระทบของรายการ RuPaul's Drag Race ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นรายการเรียลลิตี้ที่มีผู้ชมมากมาย แต่ยังมีบทบาทในการขยายตัวของวัฒนธรรม drag ในเชิงธุรกิจและการบริโภค เป็นเครื่องมือในการสร้างแบรนด์ของศิลปิน drag และทำให้ drag กลายเป็นธุรกิจบันเทิง ตัวอย่างเชิงรูปธรรมของหนังสือเล่มนี้นำเสนอกรณีที่ drag queen ที่ชนะในรายการกลายเป็นดาราดัง มีการโปรโมตตัวเองผ่านโซเชียลมีเดีย ขายสินค้า และจัดการแสดงระดับโลก ทำให้วัฒนธรรม drag มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจบันเทิงและการบริโภคทางวัฒนธรรม 3. Drag Histories, Herstories, and Hairstories: Drag in a Changing Scene โดย Mark Edward สาระสำคัญของหนังสือเล่มนี้เน้นการวิเคราะห์วิวัฒนาการของ drag ในด้านต่างๆ เช่น แฟชั่น การแต่งหน้า และการเปลี่ยนแปลงในสังคม นอกจากนี้ยังสำรวจว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ drag เช่น การขายเสื้อผ้า การแสดงในคลับ และการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ มีบทบาทสำคัญต่อการขยายตัวของวัฒนธรรม drag อย่างไร โดยตัวอย่างเชิงรูปธรรม มีการศึกษากรณีของคลับ drag ที่ขยายกิจการไปสู่การจัดอีเวนต์ขนาดใหญ่และการตลาดที่เกี่ยวกับการขายสินค้าของศิลปิน drag เช่น ลิปสติกและแฟชั่นไลน์ต่างๆ 4. Queer Nightlife โดย Kemi Adeyemi และ Melissa Blanco Borelli สาระสำคัญในหนังสือเล่มนี้ศึกษาวัฒนธรรมชีวิตกลางคืนของชาว LGBTQ+ และสำรวจว่า drag show และการแสดงอื่นๆ มีผลต่อเศรษฐกิจในมิติของการสร้างสรรค์และความบันเทิงอย่างไร รวมถึงผลกระทบที่มีต่อการบริโภคและธุรกิจในชีวิตกลางคืนของชุมชนเพศทางเลือก โดยตัวอย่างเชิงรูปธรรมของหนังสือเล่มนี้พูดถึงการจัดงาน drag show ในไนต์คลับที่ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่สำหรับความบันเทิง แต่ยังเป็นธุรกิจที่เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมอื่น เช่น แฟชั่น การตลาด และการจัดอีเวนต์เฉพาะกลุ่ม 5. The Queer Art of Failure โดย Jack Halberstam โดยสาระสำคัญของหนังสือเล่มนี้สำรวจการแสดงออกของชาว LGBTQ+ ในมิติต่างๆ รวมถึง drag ในฐานะที่เป็นการแสดงเชิงสร้างสรรค์ที่ท้าทายบรรทัดฐานทางสังคม มีการวิเคราะห์การทำงานของ drag ในอุตสาหกรรมบันเทิงและธุรกิจ รวมถึงการตลาดของตัวตนที่ผู้แสดง drag นำเสนอ ซึ่งตัวอย่างเชิงรูปธรรมที่Halberstam หยิบยกคือ วิเคราะห์การแสดงของศิลปิน drag ที่ทำลายบรรทัดฐานเกี่ยวกับเพศและความคาดหวังทางสังคม และวิธีที่ศิลปินเหล่านี้สร้างอิทธิพลในตลาดบันเทิง หนังสือเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เราเข้าใจวัฒนธรรม drag ในมิติการบริโภค แต่ยังสามารถนำไปสู่การวิเคราะห์เชิงธุรกิจและการตลาดของอุตสาหกรรม drag show

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การนอน มานุษยวิทยาและนักมานุษยวิทยา โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

 เข้านี้หลังจากตื่นนอน อยากเขียนการนอนในมิติทางมานุษยวิทยากับนักมานุษยวิทยา...    ผมเริ่มต้นกับการลองตั้งคำถามเพื่อหาความรู้เกี่ยวกับการนอนว่า อะไรคือการนอน ทำไมต้องนอน นอนที่ไหน นอนเมื่อไหร่ นอนอย่างไร นอนกับใคร นอนเพื่ออะไรและอื่นๆ..เพื่อจะได้รู้ความสัมพันธ์ของการนอนในมิติต่างๆ การนอนของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆแตกต่างจากมนุษย์หรือไม่    หากเปรียบเทียบการนอนของ มนุษย์กับสัตว์สปีชี่ส์อื่นมีการนอนต่างกันหรือเหมือนดันอย่างไร ตัวอย่างเช่น ยีราฟจะนอนครั้งละ 10 นาที รวมระยะเวลานอนทั้งหมด 4.6 ชั่วโมงต่อวัน สัตว์จำพวกค้างคาว และเม่นมีการนอนมากกว่าสัตว์อื่นๆเพราะใช้เวลานอน 17-20ชั่วโมงต่อวัน    สำหรับมนุษย์ การนอนคือส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในประสบการณ์ของมนุษย์ การสำรวจการนอนข้ามวัฒนธรรมน่าจะทำให้เราเข้าใจความหมายและปฎิบัติการของการนอนที่มีความซับซ้อนมากขึ้น..     การนอนอาจจะเป็นเรื่องของทางเลือก แต่เป็นทางเลือกที่อาจถูกควบคุมบังคับ โดยโครงสร้างทางสังคมวัฒนธรรม นอนเมื่อไหร่ นอนเท่าไหร่ นอนที่ไหน นอนอย่างไร และนอนกับใคร..     ในสังคมตะวันตก อุดมคติเก...

Biomedical Model และ Bio-Psycho-social Mode

(1)        อะไรคือ Biomedical Model และ Bio-Psycho-social Model ? แนวคิดแบบจำลองทางชีวะการแพทย์ ( Biomeaical Model ) เริ่มต้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ที่ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์มีการพัฒนาอย่างเติบโตรวดเร็วและกว้างขวาง การค้นพบเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยอย่างกล้องจุลทรรศน์ ทำให้มนุษย์ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น แม้แต่สิ่งที่เล็กที่สุดในร่างกายของมนุษย์ รวมถึงเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมต่างๆที่เข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่แพทย์ใช้วินิจฉัยสาเหตุของโรคและความเจ็บป่วย แบบจำลองนี้ ดังนั้นแบบจำลองนี้เสนอว่า โรคหรือความผิดปกติทางกาย( Physiology )ซึ่งเกิดจากการบาดเจ็บ ความผิดปกติของพันธุกรรม ( Abnomal Genetics ) ความไม่สมดุลทางชีวะเคมี ( Biochemistry ) เรื่องของพยาธิวิทยา ( Pathology )   แบคทีเรีย หรือไวรัส หรือสิ่งอื่นๆที่คล้ายคลึงกันที่นำไปสู่การติดเชื้อและความเจ็บป่วยของมนุษย์ ซึ่งแนวคิดดังกล่าวนี้ไม่ได้อธิบายบทบาทของปัจจัยทางสังคม( The role of Social factors )หรือความคิดของปัจเจกบุคคล  ( Individual Subjectivity ) โดยแบบจำลองทางชีวะ...

เฟอร์ดิน็องต์ เดอร์ โซซูร์

เฟอร์ดิน็องต์ เดอร์ โซซูร์ (1857-1923) นักภาษาศาสตร์ชาวสวิสเซอร์แลนด์ เป็นผู้มีบทบาทอย่างสำคัญในประวัติศาสตร์ของพวกโครงสร้างนิยม   ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสัญวิทยาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของ เลวี่ สเตร๊าท์ (Levi-Strauss) ชาร์ค ลากอง (Jacques Lacan) และ โรล็องต์ บาร์ธ (Roland Barthes) รวมถึง มิเชล ฟูโก้ (Micheal Foucault) ที่ได้กลับมาวางรางฐานและปฎิเสธเกี่ยวกับโครงสร้างนิยม ภายใต้ทิศทางใหม่ของหลังโครงสร้างนิยม (Post-Structuralism) ในคำบรรยายเริ่มแรกของเขาที่มหาวิทยาลัยเจนีวา ในช่วงปี 1906-1911 และการตีพิมพ์โครงร่างงานของเขาที่เขียนไว้ และคำบรรยายของเขาที่ลูกศิษย์ได้รวบรวมไว้ ภายหลังการมรณกรรมของเขาเมื่อปี 1915-1916   ภายใต้ชื่อ Course de linguistique   Generale ซึ่งถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษและเผยแพร่ในยุโรป ภายใต้ชื่อ Course in general linguistic ในปี 1960 เขาได้นำเสนอความคิดว่า การศึกษาภาษาศาสตร์ในปัจจุบัน สามารถศึกษาได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ซึ่งน่าจะได้รับอิทธิพลจากอีมิล เดอร์ไคม์ (Emile D...