ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Argonauts of the Western Pacific (1922) ของ Bronisław Malinowski โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

หนังสือเรื่อง Argonauts of the Western Pacific (1922) โดย Bronisław Malinowski ถือเป็นหนังสือสำคัญทางมานุษยวิทยาที่เปิดตัวแนวทางการศึกษาภาคสนามเชิงชาติพันธุ์วรรณาแบบสังเกตการณ์เข้าร่วม (participant observation) และเน้นถึงความสำคัญของการทำความเข้าใจวัฒนธรรมจากมุมมองของผู้คนในชุมชนนั้น หนังสือเล่มนี้เป็นผลมาจากการศึกษาภาคสนามของ Malinowski ในหมู่เกาะ Trobriand ในนิวกินี โดยเน้นถึงการแลกเปลี่ยนของขวัญที่ซับซ้อนที่เรียกว่าวงแหวน "Kula Ring"ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของหนังสือเล่มนี้ สาระสำคัญของหนังสือเล่มหนานี้ของมาบี นอฟสกี้คือ 1. การปฏิวัติวิธีวิทยาและวิธีการศึกษามานุษยวิทยาภาคสนาม Malinowski พัฒนาแนวทางใหม่ในการศึกษามนุษย์และวัฒนธรรม โดยเขาเน้นการสังเกตการณ์เข้าร่วม (participant observation) และการทำความเข้าใจวัฒนธรรมจากภายใน การเข้าไปมีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันของชุมชนเป็นแนวทางสำคัญที่ทำให้เขาเข้าใจถึงระบบสังคมและพิธีกรรมอย่างแท้จริง โดย Malinowski ตั้งใจให้มานุษยวิทยาภาคสนามไม่ใช่เพียงแค่การรวบรวมข้อมูลอย่างห่างเหิน แต่ควรมีความใกล้ชิดกับกลุ่มชนที่ศึกษา โดยพยายามเข้าใจความหมายที่อยู่เบื้องหลังการกระทำและความเชื่อของคนในสังคมเหล่านั้น 2. การแลกเปลี่ยนของขวัญและระบบเศรษฐกิจในสังคมดั้งเดิม ศูนย์กลางของหนังสือเล่มนี้คือการวิเคราะห์พิธีกรรม Kula ซึ่งเป็นระบบการแลกเปลี่ยนของขวัญที่ซับซ้อนในหมู่เกาะ Trobriand พิธีกรรมนี้ประกอบด้วยการแลกเปลี่ยนวัตถุเชิงสัญลักษณ์ (เช่น สร้อยคอและกำไล) ที่หมุนเวียนระหว่างเกาะต่างๆ Malinowski ชี้ให้เห็นว่าการแลกเปลี่ยนนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจ แต่เกี่ยวข้องกับการสร้างเครือข่ายทางสังคมและความสัมพันธ์ทางการเมือง Malinowski เน้นว่าการแลกเปลี่ยนใน Kula มีมูลค่าทางสังคมและพิธีกรรมมากกว่ามูลค่าทางเศรษฐกิจ ซึ่งตรงข้ามกับมุมมองทางเศรษฐศาสตร์ในโลกตะวันตกที่มักให้ความสำคัญกับการแลกเปลี่ยนที่เกิดจากผลประโยชน์ส่วนตัว 3. ความเชื่อมโยงระหว่างพิธีกรรมและโครงสร้างสังคม Malinowski อธิบายว่า Kula เป็นระบบที่ผูกพันกับโครงสร้างทางสังคมของ Trobriand ซึ่งมีความซับซ้อน การแลกเปลี่ยน Kula เป็นการเสริมสร้างสถานะและความสัมพันธ์ในสังคม การเข้าร่วมใน Kula ถือเป็นการยืนยันถึงอำนาจทางสังคมและเกียรติยศของผู้เข้าร่วม นอกจากนี้ Kula ยังเป็นระบบที่สะท้อนถึงการกระจายทรัพยากรและการเชื่อมโยงกับระบบการปกครองของหัวหน้าเผ่าที่มีอำนาจ 4. การทำความเข้าใจมานุษยวิทยาเชิงหน้าที่นิยม (Functionalism) Malinowski ได้พัฒนาแนวคิดของหน้าที่นิยม (Functionalism) ซึ่งชี้ให้เห็นว่าทุกแง่มุมของวัฒนธรรมมีหน้าที่เฉพาะในการรักษาและสนับสนุนโครงสร้างทางสังคมทั้งหมด Malinowski มองว่าพิธีกรรม Kula ทำหน้าที่เสริมสร้างความสัมพันธ์และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในสังคม ดังนั้นการแลกเปลี่ยน Kula จึงไม่ใช่เพียงแค่กิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่เป็นกระบวนการที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงและความสัมพันธ์ทางสังคมในหมู่เกาะ Trobriand ตัวอย่างเชิงรูปธรรมในหนังสือเล่มนี้ อาทิเช่น 1. พิธีกรรม Kula ลักษณะสำคัญของ พิธี Kula เป็นการแลกเปลี่ยนของขวัญระหว่างเกาะต่างๆ โดยมีวัตถุที่สำคัญสองประเภท คือ “Mwali”(กำไลข้อมือสีขาว) และ"Soulava" (สร้อยคอสีแดง) การแลกเปลี่ยนเหล่านี้จะต้องมีการเคลื่อนที่เป็นวงกลมระหว่างเกาะในทิศทางที่เฉพาะเจาะจง โดย Mwali จะเคลื่อนที่ไปทางทิศหนึ่ง และ Soulava จะเคลื่อนที่ไปทางทิศตรงข้าม ความสำคัญทางสังคม Kula เป็นกิจกรรมที่มีการสร้างพันธมิตรและเครือข่ายทางสังคมระหว่างผู้นำและชุมชน การเข้าร่วมใน Kula ถือเป็นการยืนยันถึงสถานะทางสังคมของผู้เข้าร่วม ยิ่งมีการแลกเปลี่ยนมากเท่าใด ผู้เข้าร่วมก็ยิ่งได้รับการยกย่อง การแลกเปลี่ยนเชิงสัญลักษณ์ วัตถุที่แลกเปลี่ยนใน Kula ไม่ได้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ แต่มีมูลค่าเชิงสัญลักษณ์และเชิงสังคม การแลกเปลี่ยนไม่ได้เกิดขึ้นเพราะต้องการสิ่งของ แต่เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม Malinowski อธิบายกระบวนการของ Kula ว่าเป็นการแลกเปลี่ยนวัตถุเชิงสัญลักษณ์ (กำไลและสร้อยคอ) ระหว่างเกาะต่าง ๆ โดยวัตถุเหล่านี้จะหมุนเวียนในทิศทางที่เฉพาะเจาะจง การแลกเปลี่ยน Kula ไม่ได้ให้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจทันที แต่เป็นกระบวนการสร้างเครือข่ายทางสังคมและการเมือง ซึ่งช่วยเสริมสร้างสถานะและเกียรติยศของผู้เข้าร่วม ตัวอย่างนี้สะท้อนแนวคิดหน้าที่นิยม (Functionalism) ซึ่งพิธีกรรมดังกล่าวมีหน้าที่สนับสนุนความสัมพันธ์ทางสังคมและเสถียรภาพในสังคม 2. โครงสร้างทางสังคมในหมู่เกาะ Trobriand การสร้างเครือข่ายอำนาจภายในกลุ่มและระหว่างกลุ่ม การแลกเปลี่ยน Kula เชื่อมโยงกับระบบอำนาจในชุมชน โดยหัวหน้าเผ่าที่มีอำนาจและเกียรติยศจะเข้าร่วมในการแลกเปลี่ยน Kula และใช้ระบบนี้ในการสร้างเครือข่ายอำนาจ การเข้าร่วมในพิธีกรรมถือเป็นการแสดงถึงอำนาจทางการเมืองและอิทธิพลของหัวหน้าเผ่า ความสัมพันธ์ระหว่างเกาะ Kula ยังสร้างความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนที่ห่างไกลกัน วัตถุที่แลกเปลี่ยนกันเดินทางไกลระหว่างเกาะต่างๆ ซึ่งช่วยเชื่อมโยงความสัมพันธ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างชุมชนเหล่านั้น 3. การทำความเข้าใจวัฒนธรรมจากมุมมองของผู้คนในชุมชน Malinowski ได้พยายามทำความเข้าใจว่า Kula มีความหมายอย่างไรสำหรับคนในสังคม Trobriand เขาเน้นว่าการแลกเปลี่ยนไม่ได้เป็นเพียงการเคลื่อนที่ของวัตถุ แต่เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตและความเชื่อของชาว Trobriand การเข้าร่วมใน Kula เป็นสิ่งที่ถูกสอนและปลูกฝังตั้งแต่วัยเด็ก ทำให้มันกลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิตทางสังคม Kula เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ชี้ให้เห็นถึงความซับซ้อนของวัฒนธรรมดั้งเดิม ซึ่งไม่สามารถเข้าใจได้จากมุมมองทางเศรษฐศาสตร์หรือการแลกเปลี่ยนที่เป็นตัวเงินเท่านั้น Bronisław Malinowski ใช้แนวคิดและวิธีการต่าง ๆ ที่มีอิทธิพลต่อวงการมานุษยวิทยา โดยเฉพาะการพัฒนาทฤษฎีการหน้าที่นิยม (Functionalism) และการใช้วิธีสังเกตการณ์เข้าร่วม (participant observation) ซึ่งมีรายละเอียดและตัวอย่างรวมถึงแนวคิดที่สำคัญ ดังนี้ 1.หน้าที่นิยม (Functionalism) แนวคิดหน้าที่นิยม Malinowski เชื่อว่าทุกแง่มุมของวัฒนธรรมมีหน้าที่เฉพาะในการสนับสนุนและรักษาโครงสร้างทางสังคมทั้งหมด เขามองว่าทุกกิจกรรมทางสังคม (รวมถึงพิธีกรรม การแลกเปลี่ยน ความเชื่อ ฯลฯ) มีบทบาทสำคัญที่ไม่เพียงแต่เพื่อสนองความต้องการเฉพาะของบุคคล แต่เพื่อรักษาสมดุลของระบบสังคมโดยรวม ตัวอย่างของพิธีกรรม Kula ในหมู่เกาะ Trobriand ไม่ใช่เพียงการแลกเปลี่ยนของขวัญเพื่อวัตถุประสงค์ทางเศรษฐกิจ แต่เป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยสร้างและรักษาสถานะทางสังคม ความสัมพันธ์ทางการเมือง และเกียรติยศของผู้เข้าร่วม Kula จึงเป็นกลไกที่ช่วยรักษาความมั่นคงและการทำงานร่วมกันในสังคม Trobriand 2. สังเกตการณ์เข้าร่วม (Participant Observation) แนวคิด Malinowski เป็นหนึ่งในนักมานุษยวิทยาคนแรกที่ใช้วิธีนี้อย่างจริงจัง เขาเชื่อว่าการเข้าไปมีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันของชุมชนและการอยู่ร่วมกับผู้คนในวัฒนธรรมที่ศึกษาเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเข้าใจวิถีชีวิต ความเชื่อ และกิจกรรมทางสังคมจากมุมมองของคนในชุมชนนั้น ๆ Malinowski ใช้เวลาอยู่ในหมู่เกาะ Trobriand เป็นเวลานานและเข้าไปร่วมสังเกตชีวิตประจำวันของชาวบ้าน เช่น การเข้าร่วมในพิธี Kula การสังเกตการสร้างเรือแคนู การเดินทางไปเกาะอื่น ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนของขวัญ ทำให้เขาได้รับข้อมูลจากประสบการณ์ตรงและเข้าใจวิธีที่ชาว Trobriand มองโลกและวิถีชีวิตของพวกเขาเอง การศึกษาแบบการสังเกตการณ์เข้าร่วม โดย Malinowski อาศัยอยู่ในหมู่บ้านของชาว Trobriand และเข้าร่วมกิจกรรมประจำวันกับชาวบ้าน เช่น การร่วมสร้างเรือแคนูและการเดินทางเพื่อแลกเปลี่ยนในพิธี Kula ทำให้เขาได้สังเกตกระบวนการและพิธีกรรมที่เกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมจริง ความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับวัฒนธรรมนี้จึงมีความลึกซึ้งและครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้วิธีสังเกตการณ์เข้าร่วม 3. วัฒนธรรมเป็นระบบที่เชื่อมโยงกันแบบองค์รวม (Holism) แนวคิดของ Malinowski เน้นว่าทุกส่วนของวัฒนธรรมเชื่อมโยงและสนับสนุนกัน วัฒนธรรมต้องถูกศึกษาในบริบทที่กว้างขึ้น เพราะส่วนต่าง ๆ ของวัฒนธรรมทำงานร่วมกันเพื่อสนับสนุนความมั่นคงและความอยู่รอดของชุมชน Kula Ring เป็นตัวอย่างที่ดีของแนวคิดนี้ Malinowski อธิบายว่าพิธีกรรมการแลกเปลี่ยนไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ แต่ยังเกี่ยวข้องกับระบบการปกครอง การเมือง และศาสนา การเข้าร่วมใน Kula ช่วยสร้างความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างเกาะต่าง ๆ ในขณะที่การแลกเปลี่ยนของขวัญเชิงสัญลักษณ์ยังช่วยเสริมสร้างเกียรติยศและอำนาจของผู้เข้าร่วม 4. ความเชื่อและพิธีกรรมในบริบทเฉพาะ (Cultural Relativism) แนวคิดนี้ Malinowski แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการทำความเข้าใจวัฒนธรรมจากมุมมองของผู้คนที่อาศัยอยู่ในชุมชนนั้น ซึ่งเป็นการปฏิเสธมุมมองของตะวันตกที่มักมองวัฒนธรรมอื่น ๆ ในเชิงต่ำกว่า Malinowski เชื่อว่าทุกวัฒนธรรมมีความซับซ้อนและเป็นระบบที่มีเหตุผลภายในที่ควรศึกษาอย่างลึกซึ้ง ตัวอย่างเช่น ชาวตะวันตกอาจมองว่า Kula เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนของขวัญที่ไม่มีเหตุผลทางเศรษฐกิจ แต่ Malinowski เน้นว่าการแลกเปลี่ยนนี้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความสัมพันธ์และโครงสร้างทางสังคมใน Trobriand ซึ่งทำให้มันมีความสำคัญอย่างมากในบริบทเฉพาะของพวกเขา 5. การเข้าใจวัฒนธรรมจากภายในหรือแบบคนใน (Emic Perspective) Malinowski ให้ความสำคัญกับการทำความเข้าใจวัฒนธรรม Trobriand จากมุมมองของพวกเขาเอง เช่น เขาได้ศึกษาวิธีที่ชาวบ้านมองวัตถุที่ใช้ใน Kula โดยไม่ใช่แค่เป็นสิ่งของธรรมดา แต่เป็นสัญลักษณ์ของเกียรติยศและความสัมพันธ์ทางสังคม Malinowski จึงทำความเข้าใจ Kula ในเชิงที่เป็นมากกว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่เป็นกระบวนการทางสังคมที่ซับซ้อน บทสรุป แนวคิดและวิธีการที่สำคัญของ Malinowski ใน "Argonauts of the Western Pacific"มีผลกระทบอย่างมากต่อการศึกษามานุษยวิทยา โดยเฉพาะการพัฒนาทฤษฎีการหน้าที่นิยมและการใช้วิธีการสังเกตการณ์เข้าร่วม ตัวอย่างเชิงรูปธรรมที่ Malinowski นำเสนอในพิธี Kula แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนของวัฒนธรรมดั้งเดิมและการทำงานร่วมกันของส่วนต่าง ๆ ของวัฒนธรรมเพื่อสร้างความมั่นคงในสังคม นอกจากนี้หนังสือArgonauts of the Western Pacific ของ Malinowski เป็นผลงานที่มีอิทธิพลอย่างมากในวงการมานุษยวิทยา โดยเขาได้นำเสนอแนวทางการศึกษาภาคสนามที่ลึกซึ้งและใกล้ชิดมากขึ้น พร้อมกับการวิเคราะห์วัฒนธรรมดั้งเดิมในแง่มุมที่ลึกซึ้ง การศึกษา Kula ช่วยเปิดเผยถึงความสำคัญของพิธีกรรมและระบบการแลกเปลี่ยนที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม อำนาจ และอุดมการณ์ในสังคม

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การนอน มานุษยวิทยาและนักมานุษยวิทยา โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

 เข้านี้หลังจากตื่นนอน อยากเขียนการนอนในมิติทางมานุษยวิทยากับนักมานุษยวิทยา...    ผมเริ่มต้นกับการลองตั้งคำถามเพื่อหาความรู้เกี่ยวกับการนอนว่า อะไรคือการนอน ทำไมต้องนอน นอนที่ไหน นอนเมื่อไหร่ นอนอย่างไร นอนกับใคร นอนเพื่ออะไรและอื่นๆ..เพื่อจะได้รู้ความสัมพันธ์ของการนอนในมิติต่างๆ การนอนของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆแตกต่างจากมนุษย์หรือไม่    หากเปรียบเทียบการนอนของ มนุษย์กับสัตว์สปีชี่ส์อื่นมีการนอนต่างกันหรือเหมือนดันอย่างไร ตัวอย่างเช่น ยีราฟจะนอนครั้งละ 10 นาที รวมระยะเวลานอนทั้งหมด 4.6 ชั่วโมงต่อวัน สัตว์จำพวกค้างคาว และเม่นมีการนอนมากกว่าสัตว์อื่นๆเพราะใช้เวลานอน 17-20ชั่วโมงต่อวัน    สำหรับมนุษย์ การนอนคือส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในประสบการณ์ของมนุษย์ การสำรวจการนอนข้ามวัฒนธรรมน่าจะทำให้เราเข้าใจความหมายและปฎิบัติการของการนอนที่มีความซับซ้อนมากขึ้น..     การนอนอาจจะเป็นเรื่องของทางเลือก แต่เป็นทางเลือกที่อาจถูกควบคุมบังคับ โดยโครงสร้างทางสังคมวัฒนธรรม นอนเมื่อไหร่ นอนเท่าไหร่ นอนที่ไหน นอนอย่างไร และนอนกับใคร..     ในสังคมตะวันตก อุดมคติเก...

Biomedical Model และ Bio-Psycho-social Mode

(1)        อะไรคือ Biomedical Model และ Bio-Psycho-social Model ? แนวคิดแบบจำลองทางชีวะการแพทย์ ( Biomeaical Model ) เริ่มต้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ที่ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์มีการพัฒนาอย่างเติบโตรวดเร็วและกว้างขวาง การค้นพบเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยอย่างกล้องจุลทรรศน์ ทำให้มนุษย์ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น แม้แต่สิ่งที่เล็กที่สุดในร่างกายของมนุษย์ รวมถึงเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมต่างๆที่เข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่แพทย์ใช้วินิจฉัยสาเหตุของโรคและความเจ็บป่วย แบบจำลองนี้ ดังนั้นแบบจำลองนี้เสนอว่า โรคหรือความผิดปกติทางกาย( Physiology )ซึ่งเกิดจากการบาดเจ็บ ความผิดปกติของพันธุกรรม ( Abnomal Genetics ) ความไม่สมดุลทางชีวะเคมี ( Biochemistry ) เรื่องของพยาธิวิทยา ( Pathology )   แบคทีเรีย หรือไวรัส หรือสิ่งอื่นๆที่คล้ายคลึงกันที่นำไปสู่การติดเชื้อและความเจ็บป่วยของมนุษย์ ซึ่งแนวคิดดังกล่าวนี้ไม่ได้อธิบายบทบาทของปัจจัยทางสังคม( The role of Social factors )หรือความคิดของปัจเจกบุคคล  ( Individual Subjectivity ) โดยแบบจำลองทางชีวะ...

เฟอร์ดิน็องต์ เดอร์ โซซูร์

เฟอร์ดิน็องต์ เดอร์ โซซูร์ (1857-1923) นักภาษาศาสตร์ชาวสวิสเซอร์แลนด์ เป็นผู้มีบทบาทอย่างสำคัญในประวัติศาสตร์ของพวกโครงสร้างนิยม   ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสัญวิทยาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของ เลวี่ สเตร๊าท์ (Levi-Strauss) ชาร์ค ลากอง (Jacques Lacan) และ โรล็องต์ บาร์ธ (Roland Barthes) รวมถึง มิเชล ฟูโก้ (Micheal Foucault) ที่ได้กลับมาวางรางฐานและปฎิเสธเกี่ยวกับโครงสร้างนิยม ภายใต้ทิศทางใหม่ของหลังโครงสร้างนิยม (Post-Structuralism) ในคำบรรยายเริ่มแรกของเขาที่มหาวิทยาลัยเจนีวา ในช่วงปี 1906-1911 และการตีพิมพ์โครงร่างงานของเขาที่เขียนไว้ และคำบรรยายของเขาที่ลูกศิษย์ได้รวบรวมไว้ ภายหลังการมรณกรรมของเขาเมื่อปี 1915-1916   ภายใต้ชื่อ Course de linguistique   Generale ซึ่งถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษและเผยแพร่ในยุโรป ภายใต้ชื่อ Course in general linguistic ในปี 1960 เขาได้นำเสนอความคิดว่า การศึกษาภาษาศาสตร์ในปัจจุบัน สามารถศึกษาได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ซึ่งน่าจะได้รับอิทธิพลจากอีมิล เดอร์ไคม์ (Emile D...