หลังจากไปรับลูกสาวฟ้าใสที่โรงเรียน แวะหาอะไรทานก่อนกลับบ้าน มีร้านลับแถวบ้าน อยู่ติดริมคลอง บรรยากาศดี อาหารสดอร่อย ราคาไม่แพง …ทานเสร็จอาบน้ำพักผ่อน หยิบเล่มนี้มาอ่าน เติมไอเดียวิชาที่จะสอน …ส่วนนำเสนอประกันคุณภาพเอาไว้ก่อน เพราะมันอยู่ในหัวอยู่แล้ว..
หนังสือ Liberating Sex: A Christian Sexual Theology เขียนโดย Adrian Thatcher หนังสือเล่มนี้สำรวจประเด็นทางศาสนาและศีลธรรมเกี่ยวกับเรื่องเพศในบริบทของคริสต์ศาสนา โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจและการเปิดรับในเรื่องของเพศวิถีที่หลากหลาย การสร้างความเข้าใจใหม่ๆ เกี่ยวกับศีลธรรมทางเพศและการเปิดรับในเรื่องของเพศวิถีที่หลากหลาย เนื้อหาของหนังสือครอบคลุมหลายประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. บทนำและพื้นฐานทางทฤษฎี
Thatcher เริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์แนวคิดทางเพศในประวัติศาสตร์ของคริสต์ศาสนาและวิธีที่ความเชื่อทางศาสนามีอิทธิพลต่อการมองเรื่องเพศ เขาเสนอว่าความเชื่อดั้งเดิมเกี่ยวกับเรื่องเพศในคริสต์ศาสนามักถูกตีความอย่างเข้มงวดและจำกัด ทำให้เกิดการกดขี่และการไม่ยอมรับในเพศวิถีที่หลากหลาย
2. การวิจารณ์แนวคิดแบบดั้งเดิม
หนังสือสำรวจและวิจารณ์แนวคิดดั้งเดิมที่เกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ การแต่งงาน และบทบาททางเพศที่ถูกกำหนดโดยศาสนาคริสต์ Thatcher แสดงให้เห็นว่ามุมมองแบบดั้งเดิมเหล่านี้มักจะส่งผลให้เกิดการแบ่งแยกและความไม่เท่าเทียมในสังคม
3. แนวทางใหม่ในการตีความเรื่องเพศ
Thatcher เสนอแนวทางใหม่ในการตีความและเข้าใจเรื่องเพศในบริบทของคริสต์ศาสนา โดยเน้นไปที่ความรัก ความเคารพ และการยอมรับในความหลากหลายของเพศวิถี โดยเขาเรียกร้องให้คริสต์ศาสนาเปิดรับและสนับสนุนการแสดงออกทางเพศที่หลากหลายและเป็นธรรม
4. การสำรวจประเด็นร่วมสมัย
หนังสือสำรวจประเด็นร่วมสมัยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ เช่น การสมรสของคู่รักเพศเดียวกัน สิทธิทางเพศของบุคคลที่มีเพศสภาพต่างๆ และบทบาทของเพศในสังคมสมัยใหม่ โดย Thatcher เน้นว่าคริสต์ศาสนาควรมีบทบาทในการส่งเสริมความยุติธรรมและความเท่าเทียมทางเพศ
5. การปฏิบัติทางศาสนาและการเปลี่ยนแปลงทางสังคม Thatcher กล่าวถึงวิธีที่คริสต์ศาสนาสามารถปรับตัวและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ แม้ว่า Thatcher แนะนำวิธีการที่คริสต์ศาสนาสามารถส่งเสริมการยอมรับและการสนับสนุนในชุมชนทางศาสนา
6. บทสรุปและการเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงความคิดและการปฏิบัติในคริสต์ศาสนา
ในบทสรุปของ Thatcher เรียกร้องให้คริสต์ศาสนาเปิดรับและสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงในเรื่องเพศโดยยึดหลักความรัก ความเคารพ และความยุติธรรม
โดยเขาเน้นว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในชุมชนคริสต์ศาสนา
โดยสรุป Liberating Sex: A Christian Sexual Theology เป็นหนังสือที่ท้าทายแนวคิดดั้งเดิมเกี่ยวกับเรื่องเพศในคริสต์ศาสนาและเสนอแนวทางใหม่ที่เน้นการยอมรับและการสนับสนุนในเพศวิถีที่หลากหลาย
ในบท Holiness of the Body จากหนังสือ "Liberating Sex: A Christian Sexual Theology" โดย Adrian Thatcher มีสาระสำคัญที่เน้นไปที่ความศักดิ์สิทธิ์ของร่างกายมนุษย์และวิธีที่คริสต์ศาสนาสามารถเข้าใจและเคารพในเรื่องเพศและร่างกายอย่างลึกซึ้งและเคารพ ความสำคัญหลักๆ ของบทนี้รวมถึง
1. การยอมรับและเคารพร่างกาย
Thatcher กล่าวถึงความสำคัญของการยอมรับและเคารพร่างกายมนุษย์ โดยเน้นว่าร่างกายทุกส่วนมีความศักดิ์สิทธิ์และควรได้รับการเคารพ เขาเสนอว่าการเข้าใจและยอมรับความศักดิ์สิทธิ์ของร่างกายจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นทั้งกับตนเองและกับผู้อื่น
2. ร่างกายในบริบททางศาสนา
Thatcher สำรวจวิธีที่ร่างกายถูกมองในบริบทของคริสต์ศาสนา และวิธีที่มุมมองเหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้เพื่อสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีและความสุขทางเพศ Thatcher เน้นว่าร่างกายมนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่ควรถูกมองว่าเป็นสิ่งต้องห้ามหรือบาป แต่เป็นสิ่งที่มีค่าและควรได้รับการยกย่อง
3. ความศักดิ์สิทธิ์ของการมีเพศสัมพันธ์
Thatcher พูดถึงการมีเพศสัมพันธ์ในฐานะการแสดงออกที่ศักดิ์สิทธิ์ของความรักและความใกล้ชิดระหว่างคู่รัก เขาเสนอว่าการมีเพศสัมพันธ์ควรถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของความศักดิ์สิทธิ์ของร่างกายและเป็นการแสดงออกของความรักที่บริสุทธิ์
4. การเชื่อมโยงระหว่างร่างกายและจิตวิญญาณ
Thatcher สำรวจความเชื่อมโยงระหว่างร่างกายและจิตวิญญาณ โดยเน้นว่าความสัมพันธ์ทางเพศที่ดีและเคารพกันสามารถส่งเสริมความเจริญเติบโตทางจิตวิญญาณ โดย Thatcher แสดงให้เห็นว่าร่างกายและจิตวิญญาณไม่ควรถูกแยกออกจากกัน แต่ควรถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
5. การวิจารณ์มุมมองแบบดั้งเดิม
Thatcher วิจารณ์มุมมองแบบดั้งเดิมที่มองว่าร่างกายเป็นสิ่งที่ต้องควบคุมหรือระงับ โดยเสนอว่ามุมมองเหล่านี้มักนำไปสู่การกดขี่และความไม่เท่าเทียม
เขาเสนอแนวทางใหม่ที่เน้นการเคารพและการยอมรับร่างกายและเรื่องเพศในทางที่เป็นธรรมและสนับสนุน
6. การสนับสนุนความหลากหลายทางเพศ
Thatcher เน้นว่าการเคารพความศักดิ์สิทธิ์ของร่างกายรวมถึงการยอมรับและการสนับสนุนความหลากหลายทางเพศ โดยเขาเรียกร้องให้คริสต์ศาสนาเปิดรับและสนับสนุนบุคคลที่มีเพศวิถีและเพศสภาพที่แตกต่าง
บทที่ว่าด้วย "Holiness of the Body" เน้นที่การเคารพและการยอมรับความศักดิ์สิทธิ์ของร่างกายและการมีเพศสัมพันธ์ โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างความเข้าใจใหม่ๆ ที่สนับสนุนความสุขและความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคนในบริบทของคริสต์ศาสนา
ในบทที่เกี่ยวกับ "Sex and Love" และ "Sex and Sin" นำเสนอประเด็นสำคัญที่ช่วยให้เข้าใจการมองเรื่องเพศในบริบทของคริสต์ศาสนาได้ดียิ่งขึ้น ประเด็นเรื่อง Sex and Love เช่น
1. การเชื่อมโยงระหว่างเพศและความรัก
Thatcher เสนอว่าเรื่องเพศและความรักควรถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน การมีเพศสัมพันธ์ไม่ควรถูกมองว่าเป็นเพียงการกระทำทางกายภาพเท่านั้น แต่ควรเป็นการแสดงออกถึงความรักและความใกล้ชิดระหว่างคู่รัก เขาเน้นว่าความรักที่แท้จริงควรเป็นพื้นฐานของการมีเพศสัมพันธ์ที่ดีและเคารพกัน
2. การเน้นความรักและการยอมรับ
Thatcher ชี้ให้เห็นว่าความรักเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ทางเพศที่ดี การมีเพศสัมพันธ์ที่มีความรักและการยอมรับซึ่งกันและกันจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายและยั่งยืน โดยเขาเน้นว่าความรักที่มีต่อกันควรเป็นสิ่งที่นำพาคู่รักให้เคารพและเข้าใจความต้องการของกันและกัน
3. การเปิดรับความหลากหลายทางเพศ
Thatcher สนับสนุนการเปิดรับและการยอมรับในความหลากหลายทางเพศ โดยเน้นว่าความรักควรเป็นสิ่งที่ครอบคลุมทุกความสัมพันธ์ทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นเพศเดียวกันหรือเพศต่างกัน เขาเสนอว่าการเคารพและยอมรับความหลากหลายทางเพศจะช่วยสร้างสังคมที่ยุติธรรมและเท่าเทียมมากขึ้น
หัวข้อประเด็นเรื่อง Sex and Sin ในหนังสือ
1. การวิจารณ์แนวคิดแบบดั้งเดิมเกี่ยวกับบาปทางเพศ โดย Thatcher วิจารณ์แนวคิดดั้งเดิมที่มองว่าเพศสัมพันธ์เป็นบาปหรือสิ่งต้องห้าม เขาเสนอว่าการมองเช่นนี้มักจะส่งผลให้เกิดการกดขี่และการสร้างความรู้สึกผิดในตัวบุคคล ซึ่งเขาเน้นว่าการมีเพศสัมพันธ์ไม่ควรถูกมองว่าเป็นบาปโดยอัตโนมัติ แต่ควรพิจารณาถึงบริบทและความสัมพันธ์ระหว่างคู่รัก
2. การเน้นความรับผิดชอบและความเคารพ
Thatcher เสนอว่าการมีเพศสัมพันธ์ควรมีพื้นฐานอยู่บนความรับผิดชอบและความเคารพซึ่งกันและกัน การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่เคารพหรือกดขี่ผู้อื่นถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมโดย เขาเน้นว่าความรับผิดชอบในเรื่องเพศคือการดูแลและเคารพความรู้สึกและความต้องการของคู่รัก
3. การสร้างมุมมองใหม่เกี่ยวกับบาปทางเพศ
Thatcher เรียกร้องให้คริสต์ศาสนาสร้างมุมมองใหม่เกี่ยวกับบาปทางเพศ โดยเน้นที่การส่งเสริมความยุติธรรม ความเคารพ และความรักในทุกความสัมพันธ์ทางเพศ โดยเขาเสนอว่าความเข้าใจใหม่ๆ เกี่ยวกับบาปทางเพศจะช่วยลดความรู้สึกผิดและสร้างความสัมพันธ์ทางเพศที่ดีขึ้น
โดยสรุป Adrian Thatcher ใน "Sex and Love" และ "Sex and Sin" เสนอว่าเรื่องเพศควรถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของความรักและความเคารพซึ่งกันและกัน การมองเรื่องเพศอย่างยุติธรรมและเข้าใจจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและสังคมที่ยุติธรรมมากขึ้นในบริบทของคริสต์ศาสนา
ในบทที่ว่าด้วย "Beginning with Sex" หรือ "Sex Before Marriage" จากหนังสือ "Liberating Sex: A Christian Sexual Theology" โดย Adrian Thatcher ผู้เขียนสำรวจและนำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงานในบริบทของคริสต์ศาสนา โดยมีสาระสำคัญดังนี้
1. การทบทวนแนวคิดดั้งเดิม
Thatcher วิเคราะห์และวิจารณ์แนวคิดดั้งเดิมของคริสต์ศาสนาที่มองว่าการมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงานเป็นบาป เขาเสนอว่ามุมมองนี้มักจะนำไปสู่การกดขี่และการสร้างความรู้สึกผิดในตัวบุคคล โดยเขาชี้ให้เห็นว่ามุมมองดั้งเดิมเหล่านี้อาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงและความต้องการของคนในสังคมสมัยใหม่
2. การสร้างความสัมพันธ์ที่เคารพและรับผิดชอบ
Thatcher เน้นว่าการมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงานควรอยู่บนพื้นฐานของความรัก ความเคารพ และความรับผิดชอบซึ่งกันและกัน โดยเขาเชื่อว่าการมีเพศสัมพันธ์ไม่ควรถูกตัดสินจากสถานะทางกฎหมายของความสัมพันธ์เท่านั้น แต่ควรพิจารณาจากคุณภาพและความหมายของความสัมพันธ์ด้วย
3. การเปิดรับและการยอมรับในบริบททางศาสนา
Thatcher เรียกร้องให้คริสต์ศาสนาเปิดรับและยอมรับว่าการมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงานอาจเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายและยั่งยืน เขาเน้นว่าความรักและความเคารพควรเป็นศูนย์กลางในการตัดสินเรื่องเพศ ไม่ใช่เพียงแค่กฎเกณฑ์ทางศาสนาแบบดั้งเดิม
4. การส่งเสริมการสื่อสารและความเข้าใจ
Thatcher แนะนำว่าคู่รักควรสื่อสารกันอย่างเปิดเผยและจริงใจเกี่ยวกับเรื่องเพศ เพื่อสร้างความเข้าใจและความไว้วางใจในความสัมพันธ์ โดยเขาเน้นว่าการสื่อสารที่ดีจะช่วยให้คู่รักสามารถตัดสินใจร่วมกันอย่างมีความรับผิดชอบเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์
5. การมองเรื่องเพศในบริบทของความสัมพันธ์ทั้งหมด
Thatcher ชี้ให้เห็นว่าการมีเพศสัมพันธ์ควรถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ทั้งหมด ไม่ใช่แค่การกระทำทางกายภา โดยเขาเน้นว่าความสัมพันธ์ทางเพศควรมีความหมายและเป็นการแสดงออกถึงความรัก ความใกล้ชิด และความเคารพซึ่งกันและกัน
6. การพิจารณาผลกระทบทางจิตใจและอารมณ์
Thatcher กล่าวถึงความสำคัญของการพิจารณาผลกระทบทางจิตใจและอารมณ์ที่อาจเกิดขึ้นจากการมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงานโดย เขาเน้นว่าคู่รักควรพิจารณาผลกระทบเหล่านี้อย่างรอบคอบและตัดสินใจอย่างมีความรับผิดชอบ
บทที่ว่าด้วย Sex and Marriage: Inside, Outside, and After
1. เพศสัมพันธ์ภายในกรอบของการแต่งงาน
Thatcher เริ่มต้นด้วยการพิจารณาบทบาทและความสำคัญของการมีเพศสัมพันธ์ภายในกรอบของการแต่งงาน เขาเน้นว่าการมีเพศสัมพันธ์ควรเป็นการแสดงออกถึงความรักและความใกล้ชิดระหว่างคู่รัก เขาเสนอว่าการมีเพศสัมพันธ์ภายในกรอบของการแต่งงานควรเป็นพื้นที่ที่คู่รักสามารถสื่อสารและเข้าใจซึ่งกันและกันได้อย่างลึกซึ้ง
2. เพศสัมพันธ์นอกกรอบของการแต่งงาน
Thatcher วิจารณ์แนวคิดดั้งเดิมที่มองว่าการมีเพศสัมพันธ์นอกกรอบของการแต่งงานเป็นบาปหรือสิ่งต้องห้าม เขาเสนอว่ามุมมองนี้อาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงในสังคมสมัยใหม่ โดยเขาเน้นว่าการมีเพศสัมพันธ์นอกกรอบของการแต่งงานควรพิจารณาถึงความรับผิดชอบ ความเคารพ และความรักระหว่างคู่รัก ไม่ใช่เพียงแค่สถานะทางกฎหมายของความสัมพันธ์
3. การเปลี่ยนแปลงหลังการแต่งงาน (After Marriage)
Thatcher สำรวจประเด็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในเรื่องเพศหลังการแต่งงาน เช่น การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจ การสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน และการรักษาความใกล้ชิดทางเพศ โดยเขาเน้นว่าการสื่อสารและการทำงานร่วมกันระหว่างคู่รักเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและมีความหมายหลังการแต่งงาน
4. การยอมรับและการสนับสนุนในทุกช่วงของความสัมพันธ์
Thatcher เรียกร้องให้คริสต์ศาสนายอมรับและสนับสนุนคู่รักในทุกช่วงของความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นก่อนแต่งงาน ภายในกรอบของการแต่งงาน หรือหลังการแต่งงาน เขาเน้นว่าความรัก ความเคารพ และความรับผิดชอบควรเป็นพื้นฐานในการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนและมีความหมาย
5. การเปิดรับความหลากหลายทางเพศและการสมรส
Thatcher สนับสนุนการเปิดรับและการยอมรับในความหลากหลายทางเพศและการสมรส รวมถึงการสมรสของคู่รักเพศเดียวกัน เขาเสนอว่าคริสต์ศาสนาควรสนับสนุนความเท่าเทียมและความยุติธรรมในทุกความสัมพันธ์ทางเพศ
6. การส่งเสริมการเติบโตทางจิตวิญญาณผ่านความสัมพันธ์ทางเพศ
Thatcher ชี้ให้เห็นว่าความสัมพันธ์ทางเพศที่ดีและเคารพกันสามารถส่งเสริมการเติบโตทางจิตวิญญาณและความเข้าใจในตนเองและคู่รัก เขาเน้นว่าความสัมพันธ์ทางเพศควรเป็นพื้นที่ที่คู่รักสามารถเรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน
เข้านี้หลังจากตื่นนอน อยากเขียนการนอนในมิติทางมานุษยวิทยากับนักมานุษยวิทยา... ผมเริ่มต้นกับการลองตั้งคำถามเพื่อหาความรู้เกี่ยวกับการนอนว่า อะไรคือการนอน ทำไมต้องนอน นอนที่ไหน นอนเมื่อไหร่ นอนอย่างไร นอนกับใคร นอนเพื่ออะไรและอื่นๆ..เพื่อจะได้รู้ความสัมพันธ์ของการนอนในมิติต่างๆ การนอนของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆแตกต่างจากมนุษย์หรือไม่ หากเปรียบเทียบการนอนของ มนุษย์กับสัตว์สปีชี่ส์อื่นมีการนอนต่างกันหรือเหมือนดันอย่างไร ตัวอย่างเช่น ยีราฟจะนอนครั้งละ 10 นาที รวมระยะเวลานอนทั้งหมด 4.6 ชั่วโมงต่อวัน สัตว์จำพวกค้างคาว และเม่นมีการนอนมากกว่าสัตว์อื่นๆเพราะใช้เวลานอน 17-20ชั่วโมงต่อวัน สำหรับมนุษย์ การนอนคือส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในประสบการณ์ของมนุษย์ การสำรวจการนอนข้ามวัฒนธรรมน่าจะทำให้เราเข้าใจความหมายและปฎิบัติการของการนอนที่มีความซับซ้อนมากขึ้น.. การนอนอาจจะเป็นเรื่องของทางเลือก แต่เป็นทางเลือกที่อาจถูกควบคุมบังคับ โดยโครงสร้างทางสังคมวัฒนธรรม นอนเมื่อไหร่ นอนเท่าไหร่ นอนที่ไหน นอนอย่างไร และนอนกับใคร.. ในสังคมตะวันตก อุดมคติเก...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น