ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Liberating Sex :แนะนำหนังหนังสือ

หลังจากไปรับลูกสาวฟ้าใสที่โรงเรียน แวะหาอะไรทานก่อนกลับบ้าน มีร้านลับแถวบ้าน อยู่ติดริมคลอง บรรยากาศดี อาหารสดอร่อย ราคาไม่แพง …ทานเสร็จอาบน้ำพักผ่อน หยิบเล่มนี้มาอ่าน เติมไอเดียวิชาที่จะสอน …ส่วนนำเสนอประกันคุณภาพเอาไว้ก่อน เพราะมันอยู่ในหัวอยู่แล้ว.. หนังสือ Liberating Sex: A Christian Sexual Theology เขียนโดย Adrian Thatcher หนังสือเล่มนี้สำรวจประเด็นทางศาสนาและศีลธรรมเกี่ยวกับเรื่องเพศในบริบทของคริสต์ศาสนา โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจและการเปิดรับในเรื่องของเพศวิถีที่หลากหลาย การสร้างความเข้าใจใหม่ๆ เกี่ยวกับศีลธรรมทางเพศและการเปิดรับในเรื่องของเพศวิถีที่หลากหลาย เนื้อหาของหนังสือครอบคลุมหลายประเด็นสำคัญ ดังนี้ 1. บทนำและพื้นฐานทางทฤษฎี Thatcher เริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์แนวคิดทางเพศในประวัติศาสตร์ของคริสต์ศาสนาและวิธีที่ความเชื่อทางศาสนามีอิทธิพลต่อการมองเรื่องเพศ เขาเสนอว่าความเชื่อดั้งเดิมเกี่ยวกับเรื่องเพศในคริสต์ศาสนามักถูกตีความอย่างเข้มงวดและจำกัด ทำให้เกิดการกดขี่และการไม่ยอมรับในเพศวิถีที่หลากหลาย 2. การวิจารณ์แนวคิดแบบดั้งเดิม หนังสือสำรวจและวิจารณ์แนวคิดดั้งเดิมที่เกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ การแต่งงาน และบทบาททางเพศที่ถูกกำหนดโดยศาสนาคริสต์ Thatcher แสดงให้เห็นว่ามุมมองแบบดั้งเดิมเหล่านี้มักจะส่งผลให้เกิดการแบ่งแยกและความไม่เท่าเทียมในสังคม 3. แนวทางใหม่ในการตีความเรื่องเพศ Thatcher เสนอแนวทางใหม่ในการตีความและเข้าใจเรื่องเพศในบริบทของคริสต์ศาสนา โดยเน้นไปที่ความรัก ความเคารพ และการยอมรับในความหลากหลายของเพศวิถี โดยเขาเรียกร้องให้คริสต์ศาสนาเปิดรับและสนับสนุนการแสดงออกทางเพศที่หลากหลายและเป็นธรรม 4. การสำรวจประเด็นร่วมสมัย หนังสือสำรวจประเด็นร่วมสมัยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ เช่น การสมรสของคู่รักเพศเดียวกัน สิทธิทางเพศของบุคคลที่มีเพศสภาพต่างๆ และบทบาทของเพศในสังคมสมัยใหม่ โดย Thatcher เน้นว่าคริสต์ศาสนาควรมีบทบาทในการส่งเสริมความยุติธรรมและความเท่าเทียมทางเพศ 5. การปฏิบัติทางศาสนาและการเปลี่ยนแปลงทางสังคม Thatcher กล่าวถึงวิธีที่คริสต์ศาสนาสามารถปรับตัวและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ แม้ว่า Thatcher แนะนำวิธีการที่คริสต์ศาสนาสามารถส่งเสริมการยอมรับและการสนับสนุนในชุมชนทางศาสนา 6. บทสรุปและการเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงความคิดและการปฏิบัติในคริสต์ศาสนา ในบทสรุปของ Thatcher เรียกร้องให้คริสต์ศาสนาเปิดรับและสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงในเรื่องเพศโดยยึดหลักความรัก ความเคารพ และความยุติธรรม โดยเขาเน้นว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในชุมชนคริสต์ศาสนา โดยสรุป Liberating Sex: A Christian Sexual Theology เป็นหนังสือที่ท้าทายแนวคิดดั้งเดิมเกี่ยวกับเรื่องเพศในคริสต์ศาสนาและเสนอแนวทางใหม่ที่เน้นการยอมรับและการสนับสนุนในเพศวิถีที่หลากหลาย ในบท Holiness of the Body จากหนังสือ "Liberating Sex: A Christian Sexual Theology" โดย Adrian Thatcher มีสาระสำคัญที่เน้นไปที่ความศักดิ์สิทธิ์ของร่างกายมนุษย์และวิธีที่คริสต์ศาสนาสามารถเข้าใจและเคารพในเรื่องเพศและร่างกายอย่างลึกซึ้งและเคารพ ความสำคัญหลักๆ ของบทนี้รวมถึง 1. การยอมรับและเคารพร่างกาย Thatcher กล่าวถึงความสำคัญของการยอมรับและเคารพร่างกายมนุษย์ โดยเน้นว่าร่างกายทุกส่วนมีความศักดิ์สิทธิ์และควรได้รับการเคารพ เขาเสนอว่าการเข้าใจและยอมรับความศักดิ์สิทธิ์ของร่างกายจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นทั้งกับตนเองและกับผู้อื่น 2. ร่างกายในบริบททางศาสนา Thatcher สำรวจวิธีที่ร่างกายถูกมองในบริบทของคริสต์ศาสนา และวิธีที่มุมมองเหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้เพื่อสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีและความสุขทางเพศ Thatcher เน้นว่าร่างกายมนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่ควรถูกมองว่าเป็นสิ่งต้องห้ามหรือบาป แต่เป็นสิ่งที่มีค่าและควรได้รับการยกย่อง 3. ความศักดิ์สิทธิ์ของการมีเพศสัมพันธ์ Thatcher พูดถึงการมีเพศสัมพันธ์ในฐานะการแสดงออกที่ศักดิ์สิทธิ์ของความรักและความใกล้ชิดระหว่างคู่รัก เขาเสนอว่าการมีเพศสัมพันธ์ควรถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของความศักดิ์สิทธิ์ของร่างกายและเป็นการแสดงออกของความรักที่บริสุทธิ์ 4. การเชื่อมโยงระหว่างร่างกายและจิตวิญญาณ Thatcher สำรวจความเชื่อมโยงระหว่างร่างกายและจิตวิญญาณ โดยเน้นว่าความสัมพันธ์ทางเพศที่ดีและเคารพกันสามารถส่งเสริมความเจริญเติบโตทางจิตวิญญาณ โดย Thatcher แสดงให้เห็นว่าร่างกายและจิตวิญญาณไม่ควรถูกแยกออกจากกัน แต่ควรถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ 5. การวิจารณ์มุมมองแบบดั้งเดิม Thatcher วิจารณ์มุมมองแบบดั้งเดิมที่มองว่าร่างกายเป็นสิ่งที่ต้องควบคุมหรือระงับ โดยเสนอว่ามุมมองเหล่านี้มักนำไปสู่การกดขี่และความไม่เท่าเทียม เขาเสนอแนวทางใหม่ที่เน้นการเคารพและการยอมรับร่างกายและเรื่องเพศในทางที่เป็นธรรมและสนับสนุน 6. การสนับสนุนความหลากหลายทางเพศ Thatcher เน้นว่าการเคารพความศักดิ์สิทธิ์ของร่างกายรวมถึงการยอมรับและการสนับสนุนความหลากหลายทางเพศ โดยเขาเรียกร้องให้คริสต์ศาสนาเปิดรับและสนับสนุนบุคคลที่มีเพศวิถีและเพศสภาพที่แตกต่าง บทที่ว่าด้วย "Holiness of the Body" เน้นที่การเคารพและการยอมรับความศักดิ์สิทธิ์ของร่างกายและการมีเพศสัมพันธ์ โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างความเข้าใจใหม่ๆ ที่สนับสนุนความสุขและความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคนในบริบทของคริสต์ศาสนา ในบทที่เกี่ยวกับ "Sex and Love" และ "Sex and Sin" นำเสนอประเด็นสำคัญที่ช่วยให้เข้าใจการมองเรื่องเพศในบริบทของคริสต์ศาสนาได้ดียิ่งขึ้น ประเด็นเรื่อง Sex and Love เช่น 1. การเชื่อมโยงระหว่างเพศและความรัก Thatcher เสนอว่าเรื่องเพศและความรักควรถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน การมีเพศสัมพันธ์ไม่ควรถูกมองว่าเป็นเพียงการกระทำทางกายภาพเท่านั้น แต่ควรเป็นการแสดงออกถึงความรักและความใกล้ชิดระหว่างคู่รัก เขาเน้นว่าความรักที่แท้จริงควรเป็นพื้นฐานของการมีเพศสัมพันธ์ที่ดีและเคารพกัน 2. การเน้นความรักและการยอมรับ Thatcher ชี้ให้เห็นว่าความรักเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ทางเพศที่ดี การมีเพศสัมพันธ์ที่มีความรักและการยอมรับซึ่งกันและกันจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายและยั่งยืน โดยเขาเน้นว่าความรักที่มีต่อกันควรเป็นสิ่งที่นำพาคู่รักให้เคารพและเข้าใจความต้องการของกันและกัน 3. การเปิดรับความหลากหลายทางเพศ Thatcher สนับสนุนการเปิดรับและการยอมรับในความหลากหลายทางเพศ โดยเน้นว่าความรักควรเป็นสิ่งที่ครอบคลุมทุกความสัมพันธ์ทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นเพศเดียวกันหรือเพศต่างกัน เขาเสนอว่าการเคารพและยอมรับความหลากหลายทางเพศจะช่วยสร้างสังคมที่ยุติธรรมและเท่าเทียมมากขึ้น หัวข้อประเด็นเรื่อง Sex and Sin ในหนังสือ 1. การวิจารณ์แนวคิดแบบดั้งเดิมเกี่ยวกับบาปทางเพศ โดย Thatcher วิจารณ์แนวคิดดั้งเดิมที่มองว่าเพศสัมพันธ์เป็นบาปหรือสิ่งต้องห้าม เขาเสนอว่าการมองเช่นนี้มักจะส่งผลให้เกิดการกดขี่และการสร้างความรู้สึกผิดในตัวบุคคล ซึ่งเขาเน้นว่าการมีเพศสัมพันธ์ไม่ควรถูกมองว่าเป็นบาปโดยอัตโนมัติ แต่ควรพิจารณาถึงบริบทและความสัมพันธ์ระหว่างคู่รัก 2. การเน้นความรับผิดชอบและความเคารพ Thatcher เสนอว่าการมีเพศสัมพันธ์ควรมีพื้นฐานอยู่บนความรับผิดชอบและความเคารพซึ่งกันและกัน การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่เคารพหรือกดขี่ผู้อื่นถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมโดย เขาเน้นว่าความรับผิดชอบในเรื่องเพศคือการดูแลและเคารพความรู้สึกและความต้องการของคู่รัก 3. การสร้างมุมมองใหม่เกี่ยวกับบาปทางเพศ Thatcher เรียกร้องให้คริสต์ศาสนาสร้างมุมมองใหม่เกี่ยวกับบาปทางเพศ โดยเน้นที่การส่งเสริมความยุติธรรม ความเคารพ และความรักในทุกความสัมพันธ์ทางเพศ โดยเขาเสนอว่าความเข้าใจใหม่ๆ เกี่ยวกับบาปทางเพศจะช่วยลดความรู้สึกผิดและสร้างความสัมพันธ์ทางเพศที่ดีขึ้น โดยสรุป Adrian Thatcher ใน "Sex and Love" และ "Sex and Sin" เสนอว่าเรื่องเพศควรถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของความรักและความเคารพซึ่งกันและกัน การมองเรื่องเพศอย่างยุติธรรมและเข้าใจจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและสังคมที่ยุติธรรมมากขึ้นในบริบทของคริสต์ศาสนา ในบทที่ว่าด้วย "Beginning with Sex" หรือ "Sex Before Marriage" จากหนังสือ "Liberating Sex: A Christian Sexual Theology" โดย Adrian Thatcher ผู้เขียนสำรวจและนำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงานในบริบทของคริสต์ศาสนา โดยมีสาระสำคัญดังนี้ 1. การทบทวนแนวคิดดั้งเดิม Thatcher วิเคราะห์และวิจารณ์แนวคิดดั้งเดิมของคริสต์ศาสนาที่มองว่าการมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงานเป็นบาป เขาเสนอว่ามุมมองนี้มักจะนำไปสู่การกดขี่และการสร้างความรู้สึกผิดในตัวบุคคล โดยเขาชี้ให้เห็นว่ามุมมองดั้งเดิมเหล่านี้อาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงและความต้องการของคนในสังคมสมัยใหม่ 2. การสร้างความสัมพันธ์ที่เคารพและรับผิดชอบ Thatcher เน้นว่าการมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงานควรอยู่บนพื้นฐานของความรัก ความเคารพ และความรับผิดชอบซึ่งกันและกัน โดยเขาเชื่อว่าการมีเพศสัมพันธ์ไม่ควรถูกตัดสินจากสถานะทางกฎหมายของความสัมพันธ์เท่านั้น แต่ควรพิจารณาจากคุณภาพและความหมายของความสัมพันธ์ด้วย 3. การเปิดรับและการยอมรับในบริบททางศาสนา Thatcher เรียกร้องให้คริสต์ศาสนาเปิดรับและยอมรับว่าการมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงานอาจเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายและยั่งยืน เขาเน้นว่าความรักและความเคารพควรเป็นศูนย์กลางในการตัดสินเรื่องเพศ ไม่ใช่เพียงแค่กฎเกณฑ์ทางศาสนาแบบดั้งเดิม 4. การส่งเสริมการสื่อสารและความเข้าใจ Thatcher แนะนำว่าคู่รักควรสื่อสารกันอย่างเปิดเผยและจริงใจเกี่ยวกับเรื่องเพศ เพื่อสร้างความเข้าใจและความไว้วางใจในความสัมพันธ์ โดยเขาเน้นว่าการสื่อสารที่ดีจะช่วยให้คู่รักสามารถตัดสินใจร่วมกันอย่างมีความรับผิดชอบเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ 5. การมองเรื่องเพศในบริบทของความสัมพันธ์ทั้งหมด Thatcher ชี้ให้เห็นว่าการมีเพศสัมพันธ์ควรถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ทั้งหมด ไม่ใช่แค่การกระทำทางกายภา โดยเขาเน้นว่าความสัมพันธ์ทางเพศควรมีความหมายและเป็นการแสดงออกถึงความรัก ความใกล้ชิด และความเคารพซึ่งกันและกัน 6. การพิจารณาผลกระทบทางจิตใจและอารมณ์ Thatcher กล่าวถึงความสำคัญของการพิจารณาผลกระทบทางจิตใจและอารมณ์ที่อาจเกิดขึ้นจากการมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงานโดย เขาเน้นว่าคู่รักควรพิจารณาผลกระทบเหล่านี้อย่างรอบคอบและตัดสินใจอย่างมีความรับผิดชอบ บทที่ว่าด้วย Sex and Marriage: Inside, Outside, and After 1. เพศสัมพันธ์ภายในกรอบของการแต่งงาน Thatcher เริ่มต้นด้วยการพิจารณาบทบาทและความสำคัญของการมีเพศสัมพันธ์ภายในกรอบของการแต่งงาน เขาเน้นว่าการมีเพศสัมพันธ์ควรเป็นการแสดงออกถึงความรักและความใกล้ชิดระหว่างคู่รัก เขาเสนอว่าการมีเพศสัมพันธ์ภายในกรอบของการแต่งงานควรเป็นพื้นที่ที่คู่รักสามารถสื่อสารและเข้าใจซึ่งกันและกันได้อย่างลึกซึ้ง 2. เพศสัมพันธ์นอกกรอบของการแต่งงาน Thatcher วิจารณ์แนวคิดดั้งเดิมที่มองว่าการมีเพศสัมพันธ์นอกกรอบของการแต่งงานเป็นบาปหรือสิ่งต้องห้าม เขาเสนอว่ามุมมองนี้อาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงในสังคมสมัยใหม่ โดยเขาเน้นว่าการมีเพศสัมพันธ์นอกกรอบของการแต่งงานควรพิจารณาถึงความรับผิดชอบ ความเคารพ และความรักระหว่างคู่รัก ไม่ใช่เพียงแค่สถานะทางกฎหมายของความสัมพันธ์ 3. การเปลี่ยนแปลงหลังการแต่งงาน (After Marriage) Thatcher สำรวจประเด็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในเรื่องเพศหลังการแต่งงาน เช่น การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจ การสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน และการรักษาความใกล้ชิดทางเพศ โดยเขาเน้นว่าการสื่อสารและการทำงานร่วมกันระหว่างคู่รักเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและมีความหมายหลังการแต่งงาน 4. การยอมรับและการสนับสนุนในทุกช่วงของความสัมพันธ์ Thatcher เรียกร้องให้คริสต์ศาสนายอมรับและสนับสนุนคู่รักในทุกช่วงของความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นก่อนแต่งงาน ภายในกรอบของการแต่งงาน หรือหลังการแต่งงาน เขาเน้นว่าความรัก ความเคารพ และความรับผิดชอบควรเป็นพื้นฐานในการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนและมีความหมาย 5. การเปิดรับความหลากหลายทางเพศและการสมรส Thatcher สนับสนุนการเปิดรับและการยอมรับในความหลากหลายทางเพศและการสมรส รวมถึงการสมรสของคู่รักเพศเดียวกัน เขาเสนอว่าคริสต์ศาสนาควรสนับสนุนความเท่าเทียมและความยุติธรรมในทุกความสัมพันธ์ทางเพศ 6. การส่งเสริมการเติบโตทางจิตวิญญาณผ่านความสัมพันธ์ทางเพศ Thatcher ชี้ให้เห็นว่าความสัมพันธ์ทางเพศที่ดีและเคารพกันสามารถส่งเสริมการเติบโตทางจิตวิญญาณและความเข้าใจในตนเองและคู่รัก เขาเน้นว่าความสัมพันธ์ทางเพศควรเป็นพื้นที่ที่คู่รักสามารถเรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การนอน มานุษยวิทยาและนักมานุษยวิทยา โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

 เข้านี้หลังจากตื่นนอน อยากเขียนการนอนในมิติทางมานุษยวิทยากับนักมานุษยวิทยา...    ผมเริ่มต้นกับการลองตั้งคำถามเพื่อหาความรู้เกี่ยวกับการนอนว่า อะไรคือการนอน ทำไมต้องนอน นอนที่ไหน นอนเมื่อไหร่ นอนอย่างไร นอนกับใคร นอนเพื่ออะไรและอื่นๆ..เพื่อจะได้รู้ความสัมพันธ์ของการนอนในมิติต่างๆ การนอนของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆแตกต่างจากมนุษย์หรือไม่    หากเปรียบเทียบการนอนของ มนุษย์กับสัตว์สปีชี่ส์อื่นมีการนอนต่างกันหรือเหมือนดันอย่างไร ตัวอย่างเช่น ยีราฟจะนอนครั้งละ 10 นาที รวมระยะเวลานอนทั้งหมด 4.6 ชั่วโมงต่อวัน สัตว์จำพวกค้างคาว และเม่นมีการนอนมากกว่าสัตว์อื่นๆเพราะใช้เวลานอน 17-20ชั่วโมงต่อวัน    สำหรับมนุษย์ การนอนคือส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในประสบการณ์ของมนุษย์ การสำรวจการนอนข้ามวัฒนธรรมน่าจะทำให้เราเข้าใจความหมายและปฎิบัติการของการนอนที่มีความซับซ้อนมากขึ้น..     การนอนอาจจะเป็นเรื่องของทางเลือก แต่เป็นทางเลือกที่อาจถูกควบคุมบังคับ โดยโครงสร้างทางสังคมวัฒนธรรม นอนเมื่อไหร่ นอนเท่าไหร่ นอนที่ไหน นอนอย่างไร และนอนกับใคร..     ในสังคมตะวันตก อุดมคติเก...

Biomedical Model และ Bio-Psycho-social Mode

(1)        อะไรคือ Biomedical Model และ Bio-Psycho-social Model ? แนวคิดแบบจำลองทางชีวะการแพทย์ ( Biomeaical Model ) เริ่มต้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ที่ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์มีการพัฒนาอย่างเติบโตรวดเร็วและกว้างขวาง การค้นพบเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยอย่างกล้องจุลทรรศน์ ทำให้มนุษย์ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น แม้แต่สิ่งที่เล็กที่สุดในร่างกายของมนุษย์ รวมถึงเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมต่างๆที่เข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่แพทย์ใช้วินิจฉัยสาเหตุของโรคและความเจ็บป่วย แบบจำลองนี้ ดังนั้นแบบจำลองนี้เสนอว่า โรคหรือความผิดปกติทางกาย( Physiology )ซึ่งเกิดจากการบาดเจ็บ ความผิดปกติของพันธุกรรม ( Abnomal Genetics ) ความไม่สมดุลทางชีวะเคมี ( Biochemistry ) เรื่องของพยาธิวิทยา ( Pathology )   แบคทีเรีย หรือไวรัส หรือสิ่งอื่นๆที่คล้ายคลึงกันที่นำไปสู่การติดเชื้อและความเจ็บป่วยของมนุษย์ ซึ่งแนวคิดดังกล่าวนี้ไม่ได้อธิบายบทบาทของปัจจัยทางสังคม( The role of Social factors )หรือความคิดของปัจเจกบุคคล  ( Individual Subjectivity ) โดยแบบจำลองทางชีวะ...

เฟอร์ดิน็องต์ เดอร์ โซซูร์

เฟอร์ดิน็องต์ เดอร์ โซซูร์ (1857-1923) นักภาษาศาสตร์ชาวสวิสเซอร์แลนด์ เป็นผู้มีบทบาทอย่างสำคัญในประวัติศาสตร์ของพวกโครงสร้างนิยม   ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสัญวิทยาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของ เลวี่ สเตร๊าท์ (Levi-Strauss) ชาร์ค ลากอง (Jacques Lacan) และ โรล็องต์ บาร์ธ (Roland Barthes) รวมถึง มิเชล ฟูโก้ (Micheal Foucault) ที่ได้กลับมาวางรางฐานและปฎิเสธเกี่ยวกับโครงสร้างนิยม ภายใต้ทิศทางใหม่ของหลังโครงสร้างนิยม (Post-Structuralism) ในคำบรรยายเริ่มแรกของเขาที่มหาวิทยาลัยเจนีวา ในช่วงปี 1906-1911 และการตีพิมพ์โครงร่างงานของเขาที่เขียนไว้ และคำบรรยายของเขาที่ลูกศิษย์ได้รวบรวมไว้ ภายหลังการมรณกรรมของเขาเมื่อปี 1915-1916   ภายใต้ชื่อ Course de linguistique   Generale ซึ่งถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษและเผยแพร่ในยุโรป ภายใต้ชื่อ Course in general linguistic ในปี 1960 เขาได้นำเสนอความคิดว่า การศึกษาภาษาศาสตร์ในปัจจุบัน สามารถศึกษาได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ซึ่งน่าจะได้รับอิทธิพลจากอีมิล เดอร์ไคม์ (Emile D...