ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เซ็กส์ที่ดีกับเซ็กส์ที่เลว ในความคิดของ Gayle Rubin

Gayle Rubin  อธิบายระบบของเพศ (Sex) และ เพศสภาพ(Gender) โดยวิจารณ์Feminist ที่เชื่อว่า เพศสภาพ (Gender) ชายหญิงแยกออกเป็นขาวดำอย่างเด็ดขาด และมองว่ามันเป็นสิ่งที่สังคมสร้างขึ้นมากกว่าที่จะเป็นธรรมชาติ ซึ่งพฤติกรรมทางเพศบางอย่างถูกจัดว่าดีชั่ว แม้แต่วิธีคิดของเฟมินิสต์ก็ยังไม่ยอมรับการรักเพศเดียวกัน(homosexual) เพศวิถีนอกกรอบ รวมถึงโสเภณี โดยเขาสร้างทฤษฎี Charmed Circle of Sexuality เพื่อมองพฤติกรรมการกระทำทางเพศที่ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง พฤติกรรมรักต่างเพศ รักเพศเดียวกัน เป็นต้น ดังเช่นตัวอย่างในตารางที่แบ่งแยกประเภทของความสัมพันธ์ทางเพศที่ดีและเลว คือ
Good Sex
Major Areas of contest
Bad Sex
ปกติ ธรรมชาติ (Normal ,Natural )
คู่ความสัมพันธ์ต่างเพศที่ไม่ได้แต่งงาน (Unmarried heterosexual couples)
ความผิดปกติและไม่ธรรมชาติ(Abnomal,Unnatural )
ความมีสุขภาพ Healty,Holy
การสำส่อน(Promiscuous),ความรักต่างเพศ (heterosexual)
ความเจ็บป่วย(Sick),ความผิดบาป (Sinful),ปลกประหลาด(Way out)
รักต่างเพศ,แต่งงาน,ผัวเดียวเมียเดียวHeterosexual,Married,Monogamous
การช่วยตัวเองหรือสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง(Masturbation),การมีความสัมพันธ์กับเพศเดียวกันในระยะยาว( long term homosexual couples )
การมีสองเพศ การข้ามเพศTransvertites Transexuals
การผลิตสมาชิก,กิจกรรมในบ้านReproductive,at home
การใช้วัตถุสิ่งของFetishists,bed hopping
Bar and Lesbians , Sandomasochist  ,เกย์ gay man,เซ็กส์เพื่อเงิน for money ,เซ็กส์ข้ามรุ่น cross generation


นอกจากนี้ Gayle S. Rubin เขียนบทความ Thinking Sex : notes for a radical theory of the politic of sexuality โดยอธิบายความหมายของ Sex ว่าคือความแตกต่างทางชีวิวทยาระหว่างผู้หญิง(female)และผู้ชาย(Male) Gender  คือความแตกต่างจากการประกอบสร้างทางสังคมให้กับความเป็นหญิง (Femininity) และความเป็นชาย(Masculinity) และSexuality คือความแตกต่างในทางเลือก(Choice) ของอัตลักษณ์ทางเพศ(Sexual Identity) คู่ความสัมพันธ์(Sexual Partner) พฤติกรรมทางเพศ(Sexual behavior) รักแบบต่างเพศและเพศเดียวกัน( Homosexual and heterosexual) การถูกกำหนดโดยธรรมชาติ โดยวัฒนธรรม โดยทางเลือก และความเลื่อนไหลและถูกประกอบสร้างภายใต้บริบทและสิ่งแวดล้อมทางสังคม  ดังนั้นเซ็กส์ที่ดี (Sex Act on the good side) จะสอดคล้องกับมาตรฐานทางสังคมที่ซับซ้อน ส่วนเซ็กส์ที่เลว (Sex Act on the bad side) จะถูกควบคุมโดยรัฐและถูกตีตราจากสังคม 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Biomedical Model และ Bio-Psycho-social Mode

(1)        อะไรคือ Biomedical Model และ Bio-Psycho-social Model ? แนวคิดแบบจำลองทางชีวะการแพทย์ ( Biomeaical Model ) เริ่มต้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ที่ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์มีการพัฒนาอย่างเติบโตรวดเร็วและกว้างขวาง การค้นพบเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยอย่างกล้องจุลทรรศน์ ทำให้มนุษย์ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น แม้แต่สิ่งที่เล็กที่สุดในร่างกายของมนุษย์ รวมถึงเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมต่างๆที่เข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่แพทย์ใช้วินิจฉัยสาเหตุของโรคและความเจ็บป่วย แบบจำลองนี้ ดังนั้นแบบจำลองนี้เสนอว่า โรคหรือความผิดปกติทางกาย( Physiology )ซึ่งเกิดจากการบาดเจ็บ ความผิดปกติของพันธุกรรม ( Abnomal Genetics ) ความไม่สมดุลทางชีวะเคมี ( Biochemistry ) เรื่องของพยาธิวิทยา ( Pathology )   แบคทีเรีย หรือไวรัส หรือสิ่งอื่นๆที่คล้ายคลึงกันที่นำไปสู่การติดเชื้อและความเจ็บป่วยของมนุษย์ ซึ่งแนวคิดดังกล่าวนี้ไม่ได้อธิบายบทบาทของปัจจัยทางสังคม( The role of Social factors )หรือความคิดของปัจเจกบุคคล  ( Individual Subjectivity ) โดยแบบจำลองทางชีวะการแพทย์ เน้นอยู่ที่ปัจจัยทางชีววิทยาเพ

การนอน มานุษยวิทยาและนักมานุษยวิทยา โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

 เข้านี้หลังจากตื่นนอน อยากเขียนการนอนในมิติทางมานุษยวิทยากับนักมานุษยวิทยา...    ผมเริ่มต้นกับการลองตั้งคำถามเพื่อหาความรู้เกี่ยวกับการนอนว่า อะไรคือการนอน ทำไมต้องนอน นอนที่ไหน นอนเมื่อไหร่ นอนอย่างไร นอนกับใคร นอนเพื่ออะไรและอื่นๆ..เพื่อจะได้รู้ความสัมพันธ์ของการนอนในมิติต่างๆ การนอนของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆแตกต่างจากมนุษย์หรือไม่    หากเปรียบเทียบการนอนของ มนุษย์กับสัตว์สปีชี่ส์อื่นมีการนอนต่างกันหรือเหมือนดันอย่างไร ตัวอย่างเช่น ยีราฟจะนอนครั้งละ 10 นาที รวมระยะเวลานอนทั้งหมด 4.6 ชั่วโมงต่อวัน สัตว์จำพวกค้างคาว และเม่นมีการนอนมากกว่าสัตว์อื่นๆเพราะใช้เวลานอน 17-20ชั่วโมงต่อวัน    สำหรับมนุษย์ การนอนคือส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในประสบการณ์ของมนุษย์ การสำรวจการนอนข้ามวัฒนธรรมน่าจะทำให้เราเข้าใจความหมายและปฎิบัติการของการนอนที่มีความซับซ้อนมากขึ้น..     การนอนอาจจะเป็นเรื่องของทางเลือก แต่เป็นทางเลือกที่อาจถูกควบคุมบังคับ โดยโครงสร้างทางสังคมวัฒนธรรม นอนเมื่อไหร่ นอนเท่าไหร่ นอนที่ไหน นอนอย่างไร และนอนกับใคร..     ในสังคมตะวันตก อุดมคติเกี่ยวกับการนอนเป็นสิ่งที่ถูกทำให้เป็นเรื่องส่วนตัว(priv

เฟอร์ดิน็องต์ เดอร์ โซซูร์

เฟอร์ดิน็องต์ เดอร์ โซซูร์ (1857-1923) นักภาษาศาสตร์ชาวสวิสเซอร์แลนด์ เป็นผู้มีบทบาทอย่างสำคัญในประวัติศาสตร์ของพวกโครงสร้างนิยม   ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสัญวิทยาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของ เลวี่ สเตร๊าท์ (Levi-Strauss) ชาร์ค ลากอง (Jacques Lacan) และ โรล็องต์ บาร์ธ (Roland Barthes) รวมถึง มิเชล ฟูโก้ (Micheal Foucault) ที่ได้กลับมาวางรางฐานและปฎิเสธเกี่ยวกับโครงสร้างนิยม ภายใต้ทิศทางใหม่ของหลังโครงสร้างนิยม (Post-Structuralism) ในคำบรรยายเริ่มแรกของเขาที่มหาวิทยาลัยเจนีวา ในช่วงปี 1906-1911 และการตีพิมพ์โครงร่างงานของเขาที่เขียนไว้ และคำบรรยายของเขาที่ลูกศิษย์ได้รวบรวมไว้ ภายหลังการมรณกรรมของเขาเมื่อปี 1915-1916   ภายใต้ชื่อ Course de linguistique   Generale ซึ่งถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษและเผยแพร่ในยุโรป ภายใต้ชื่อ Course in general linguistic ในปี 1960 เขาได้นำเสนอความคิดว่า การศึกษาภาษาศาสตร์ในปัจจุบัน สามารถศึกษาได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ซึ่งน่าจะได้รับอิทธิพลจากอีมิล เดอร์ไคม์ (Emile Derkhiem ในหนัง