ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

การพัฒนาระบบศีลธรรม โดยนัฐวุฒิ สิงห์กุล



การพัฒนาระบบศีลธรรม
การพัฒนาระบบคุณธรรมในตะวันตก เริ่มจากชนเผ่าฮิบรูว์ ที่เรารู้จักกันดีในชื่อ ยิว ในพระคัมภีร์ดั้งเดิม ( The Old Testament) ที่ได้กำหนดบทบาท ภาระหน้าที่ของการพัฒนาสังคมที่คุณธรรมอันเป็นงานสอนของพวกนักศาสนาทำหน้าที่เป็นตัวแทนหรือคนกลางในการติดต่อกับพระเจ้าได้ ซึ่งแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ของมนุษย์กับพระเจ้า
คุณธรรมของชนเผ่าถูกควบคุม ด้วยปัจจัยหลายอย่าง ทั้งทางด้านเงื่อนไขทางกายภาพ ชีวภาพเช่น อาหารมีจำกัด เมื่อหาอาหารได้ต้องแบ่งปันกัน เพื่อความอยู่รอด หรือการมีผู้นำกลุ่มซึ่งเป็นผู้อาวุโส หรือผู้ที่มีหน้าที่ทางพิธีกรรม ในการควบคุมสมาชิกของสังคม หรือแก้ไขข้อพิพาทระหว่างกลุ่ม โดยมีการสร้างจารีตหรือข้อปฏิบัติระหว่างกลุ่มหรือสมาชิกในกลุ่ม ที่เรียกว่า Taboo ถ้าเป็นข้อห้ามในเรื่องของความสัมพันธ์ทางเพศก็เรียก “Incest Taboo” รวมถึงการสร้างระบบสัญลักษณ์ที่ใช้พืชและสัตว์แทนกลุ่ม ตระกูล ที่เรียกว่า “Totem” เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับกลุ่ม และการกระทำที่เป็นอันตรายต่อเผ่าพันธุ์ก็จะถูกประณาม และลงโทษด้วยวิธีต่างๆ
ดังนั้นอันตรายต่างๆที่เกิดขึ้นกับชีวิตของพวกเขา ถูกอธิบายด้วยพลังลึกลับเหนือธรรมชาติ เทพเจ้าหรือพระเจ้า ที่สังคมชนเผ่าจำเป็นต้องมีการบวงสรวง หรือสร้างพิธีกรรมบางอย่างขึ้นมา เพื่อช่วยในการล่าสัตว์หรือดำรงชีวิตอย่างเป็นปกติ  เช่น ประเพณีขอฝนของชาวเผ่าอินเดียนโฮปี ในอเมริกาเหนือ ที่ทำการเพาะปลูก  ชนเผ่าที่ทำการประมง อย่างกลุ่มคนในหมู่เกาะโทรเบรียนด์ก็จะมีพิธีกรรมการทำเรือแคนู เพื่อให้จับปลาได้มาก เป็นต้น
ข้อบกพร่องอันเกิดจากการไม่ปฏิบัติตามพิธีกรรมดังกล่าว อาจนำมาซึ่งความโกรธของพระเจ้า ที่ควบคุมพลังแห่งความเมตตา และการบันดาลความสำเร็จ เช่นให้น้ำฝน ให้พืชผลที่ดี เป็นต้น  การไม่ปฏิบัติตามพิธีกรรมอันอาจนำมาซึ่งความโชคร้ายต่อชีวิตหรือความล่มสลายของสังคมได้  พฤติกรรมดังกล่าวนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของสำนึกทางศีลธรรม ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี แต่สิ่งต่างเหล่านี้ก็มีไว้เพื่อรักษาสมดุลของสังคม เช่น การห้ามขโมยของจากเผ่าเดียวกัน  หรือการแต่งงงานกันเองระหว่างพี่น้อง หรือต่างเผ่า ก็ล้วนมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความสามัคคีและสร้างความเป็นมิตรระหว่างกันเพื่อประกันความปลอดภัย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การนอน มานุษยวิทยาและนักมานุษยวิทยา โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

 เข้านี้หลังจากตื่นนอน อยากเขียนการนอนในมิติทางมานุษยวิทยากับนักมานุษยวิทยา...    ผมเริ่มต้นกับการลองตั้งคำถามเพื่อหาความรู้เกี่ยวกับการนอนว่า อะไรคือการนอน ทำไมต้องนอน นอนที่ไหน นอนเมื่อไหร่ นอนอย่างไร นอนกับใคร นอนเพื่ออะไรและอื่นๆ..เพื่อจะได้รู้ความสัมพันธ์ของการนอนในมิติต่างๆ การนอนของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆแตกต่างจากมนุษย์หรือไม่    หากเปรียบเทียบการนอนของ มนุษย์กับสัตว์สปีชี่ส์อื่นมีการนอนต่างกันหรือเหมือนดันอย่างไร ตัวอย่างเช่น ยีราฟจะนอนครั้งละ 10 นาที รวมระยะเวลานอนทั้งหมด 4.6 ชั่วโมงต่อวัน สัตว์จำพวกค้างคาว และเม่นมีการนอนมากกว่าสัตว์อื่นๆเพราะใช้เวลานอน 17-20ชั่วโมงต่อวัน    สำหรับมนุษย์ การนอนคือส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในประสบการณ์ของมนุษย์ การสำรวจการนอนข้ามวัฒนธรรมน่าจะทำให้เราเข้าใจความหมายและปฎิบัติการของการนอนที่มีความซับซ้อนมากขึ้น..     การนอนอาจจะเป็นเรื่องของทางเลือก แต่เป็นทางเลือกที่อาจถูกควบคุมบังคับ โดยโครงสร้างทางสังคมวัฒนธรรม นอนเมื่อไหร่ นอนเท่าไหร่ นอนที่ไหน นอนอย่างไร และนอนกับใคร..     ในสังคมตะวันตก อุดมคติเก...

Biomedical Model และ Bio-Psycho-social Mode

(1)        อะไรคือ Biomedical Model และ Bio-Psycho-social Model ? แนวคิดแบบจำลองทางชีวะการแพทย์ ( Biomeaical Model ) เริ่มต้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ที่ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์มีการพัฒนาอย่างเติบโตรวดเร็วและกว้างขวาง การค้นพบเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยอย่างกล้องจุลทรรศน์ ทำให้มนุษย์ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น แม้แต่สิ่งที่เล็กที่สุดในร่างกายของมนุษย์ รวมถึงเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมต่างๆที่เข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่แพทย์ใช้วินิจฉัยสาเหตุของโรคและความเจ็บป่วย แบบจำลองนี้ ดังนั้นแบบจำลองนี้เสนอว่า โรคหรือความผิดปกติทางกาย( Physiology )ซึ่งเกิดจากการบาดเจ็บ ความผิดปกติของพันธุกรรม ( Abnomal Genetics ) ความไม่สมดุลทางชีวะเคมี ( Biochemistry ) เรื่องของพยาธิวิทยา ( Pathology )   แบคทีเรีย หรือไวรัส หรือสิ่งอื่นๆที่คล้ายคลึงกันที่นำไปสู่การติดเชื้อและความเจ็บป่วยของมนุษย์ ซึ่งแนวคิดดังกล่าวนี้ไม่ได้อธิบายบทบาทของปัจจัยทางสังคม( The role of Social factors )หรือความคิดของปัจเจกบุคคล  ( Individual Subjectivity ) โดยแบบจำลองทางชีวะ...

เฟอร์ดิน็องต์ เดอร์ โซซูร์

เฟอร์ดิน็องต์ เดอร์ โซซูร์ (1857-1923) นักภาษาศาสตร์ชาวสวิสเซอร์แลนด์ เป็นผู้มีบทบาทอย่างสำคัญในประวัติศาสตร์ของพวกโครงสร้างนิยม   ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสัญวิทยาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของ เลวี่ สเตร๊าท์ (Levi-Strauss) ชาร์ค ลากอง (Jacques Lacan) และ โรล็องต์ บาร์ธ (Roland Barthes) รวมถึง มิเชล ฟูโก้ (Micheal Foucault) ที่ได้กลับมาวางรางฐานและปฎิเสธเกี่ยวกับโครงสร้างนิยม ภายใต้ทิศทางใหม่ของหลังโครงสร้างนิยม (Post-Structuralism) ในคำบรรยายเริ่มแรกของเขาที่มหาวิทยาลัยเจนีวา ในช่วงปี 1906-1911 และการตีพิมพ์โครงร่างงานของเขาที่เขียนไว้ และคำบรรยายของเขาที่ลูกศิษย์ได้รวบรวมไว้ ภายหลังการมรณกรรมของเขาเมื่อปี 1915-1916   ภายใต้ชื่อ Course de linguistique   Generale ซึ่งถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษและเผยแพร่ในยุโรป ภายใต้ชื่อ Course in general linguistic ในปี 1960 เขาได้นำเสนอความคิดว่า การศึกษาภาษาศาสตร์ในปัจจุบัน สามารถศึกษาได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ซึ่งน่าจะได้รับอิทธิพลจากอีมิล เดอร์ไคม์ (Emile D...