ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เริ่มจากห้องแถว(7)


เก็บผักในค่าย
ในค่ายทหารมีต้นไม้ชนิดต่างๆที่กินได้จำนวนมาก ทั้งพุทราที่ออกมากในช่วงหน้าหนาว ด้วยความที่ค่ายทหารมีต้นพุทราจำนวนมาก ทั้งต้นใหญ่ต้นเล็ก รสชาติจึงมีความต่างกัน บางต้นก็เปรี้ยว บางต้นฝาด บางต้นก็หวานอมเปรี้ยว แต่ผมชอบลูกสุกสีน้ำตาลเข้า เพราะข้างในมันจะเหลวและรสชาติตะออกหวานปนเปรี้ยว นอกจากนี้ ยังมีพวกสะเดาซึ่งจะเกิดในหน้านี้เช่นเดียวกัน ใบมันจะร่วงเหลือเพียงดอก ต้นสะเดาแต่ละต้นก็รสชาติไม่เหมือนกัน บางต้นขม บางต้นจืด บางต้นหวาน พ่อผมมักจะเลือกเอาต้นที่ใหญ่ที่สดที่ปีนง่าย พ่อปีนขึ้นและเด็ดหย่อนลงมาข้างล่างเพื่อให้ผมเก็บ บางทีก็เอาไปค่ายให้กับครอบครัวทหารในค่าย บางทีก็เอามาทำอาหารกิน แน่นอนว่าจะต้องเป็นพวกปลาดุกย่าง กับน้ำปลาหวาน จิ้มสะเดา บางทีผมก็อดเป็นห่วงพ่อไม่ได้ที่ต้องปีนต้นสะเดาทั้งสูงทั้งร้อน แต่ท่านก็ไม่เคยบ่นเพราะท่านทำเพื่อครอบครัวเพื่อลูก
นอกจาก         สะเดาแล้วยังมีพืชชนิดอื่น เช่นหมากเขาควาย ลูกกระโดน ที่สามารถเอามากินกับน้ำพริก หรือเนินดินลูกรังสีแดงจะมีต้นไม้จำพวกแคป่าซึ่งมีลักษณะเป็นดอกสีขาวมีก้านยาวและตรงดอกจะบานออกเป็นหลายแฉก และไม้เลื้อยพวกตำลึงเกิดอยู่จำนวนมาก ผมชอบที่จะไปเก็บตำลึงและเอาดอกแคป่ามาลวกกินโดยเด็ดเอาแกนกลางซึ่งเป็นเกสรออก เพราะมีรสขมและเอาเฉพาะดอกมาลวกกินกับน้ำพริก
เวลาวิดปลามาเหนื่อยๆผมชอบมานั่งใต้ต้นปีป เพราะกิ่งก่นของต้นปีปบังแดดได้ดีทีเดียว บางครั้งมีลมเย็นพัดมา กระทบดอกสีขาวก้านยาวเล็กๆที่เรียกว่าดอกปีปหรือกาสะลอง ส่งกลิ่นหอมชื่นใจนัก ในบางทีผม น้องชาย พ่อและแม่คอแห้งหิวน้ำ เพราะน้ำที่เตรียมไปหมดในช่วงวิดปลาที่อากาศร้อนๆ ผม พ่อ แม่และน้องก็จะไปเก็บเอามะขามป้อมซึ่งมีลักษณะเป็นลูกสีเขียวขนาดเท่าลูกแก้วหรือเหรียญบาทสมัยก่อน ผลของมันจะกลมมันและมีขีดสีขาวอยู่รอบ ต้นมะขามป้อมมักจะเกิดอยู่มากตามริมห้วย หรือคลองที่มีหินลูกรังอยู่ ต้นมะขามป้อมเป็นต้นไม้ที่ทนมากแต่ก็ปลูกยาก รสชาติของมันจะฝาดๆเหมือนคมแต่กินไปแล้วจะออกหวานที่ลำคอทำให้ชุ่มคอ ซึ่งรสชาติของมันจะคล้ายๆกับผลสมอที่เกิดขึ้นมากในค่ายนี้เช่นกัน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การนอน มานุษยวิทยาและนักมานุษยวิทยา โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

 เข้านี้หลังจากตื่นนอน อยากเขียนการนอนในมิติทางมานุษยวิทยากับนักมานุษยวิทยา...    ผมเริ่มต้นกับการลองตั้งคำถามเพื่อหาความรู้เกี่ยวกับการนอนว่า อะไรคือการนอน ทำไมต้องนอน นอนที่ไหน นอนเมื่อไหร่ นอนอย่างไร นอนกับใคร นอนเพื่ออะไรและอื่นๆ..เพื่อจะได้รู้ความสัมพันธ์ของการนอนในมิติต่างๆ การนอนของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆแตกต่างจากมนุษย์หรือไม่    หากเปรียบเทียบการนอนของ มนุษย์กับสัตว์สปีชี่ส์อื่นมีการนอนต่างกันหรือเหมือนดันอย่างไร ตัวอย่างเช่น ยีราฟจะนอนครั้งละ 10 นาที รวมระยะเวลานอนทั้งหมด 4.6 ชั่วโมงต่อวัน สัตว์จำพวกค้างคาว และเม่นมีการนอนมากกว่าสัตว์อื่นๆเพราะใช้เวลานอน 17-20ชั่วโมงต่อวัน    สำหรับมนุษย์ การนอนคือส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในประสบการณ์ของมนุษย์ การสำรวจการนอนข้ามวัฒนธรรมน่าจะทำให้เราเข้าใจความหมายและปฎิบัติการของการนอนที่มีความซับซ้อนมากขึ้น..     การนอนอาจจะเป็นเรื่องของทางเลือก แต่เป็นทางเลือกที่อาจถูกควบคุมบังคับ โดยโครงสร้างทางสังคมวัฒนธรรม นอนเมื่อไหร่ นอนเท่าไหร่ นอนที่ไหน นอนอย่างไร และนอนกับใคร..     ในสังคมตะวันตก อุดมคติเก...

เฟอร์ดิน็องต์ เดอร์ โซซูร์

เฟอร์ดิน็องต์ เดอร์ โซซูร์ (1857-1923) นักภาษาศาสตร์ชาวสวิสเซอร์แลนด์ เป็นผู้มีบทบาทอย่างสำคัญในประวัติศาสตร์ของพวกโครงสร้างนิยม   ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสัญวิทยาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของ เลวี่ สเตร๊าท์ (Levi-Strauss) ชาร์ค ลากอง (Jacques Lacan) และ โรล็องต์ บาร์ธ (Roland Barthes) รวมถึง มิเชล ฟูโก้ (Micheal Foucault) ที่ได้กลับมาวางรางฐานและปฎิเสธเกี่ยวกับโครงสร้างนิยม ภายใต้ทิศทางใหม่ของหลังโครงสร้างนิยม (Post-Structuralism) ในคำบรรยายเริ่มแรกของเขาที่มหาวิทยาลัยเจนีวา ในช่วงปี 1906-1911 และการตีพิมพ์โครงร่างงานของเขาที่เขียนไว้ และคำบรรยายของเขาที่ลูกศิษย์ได้รวบรวมไว้ ภายหลังการมรณกรรมของเขาเมื่อปี 1915-1916   ภายใต้ชื่อ Course de linguistique   Generale ซึ่งถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษและเผยแพร่ในยุโรป ภายใต้ชื่อ Course in general linguistic ในปี 1960 เขาได้นำเสนอความคิดว่า การศึกษาภาษาศาสตร์ในปัจจุบัน สามารถศึกษาได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ซึ่งน่าจะได้รับอิทธิพลจากอีมิล เดอร์ไคม์ (Emile D...

Biomedical Model และ Bio-Psycho-social Mode

(1)        อะไรคือ Biomedical Model และ Bio-Psycho-social Model ? แนวคิดแบบจำลองทางชีวะการแพทย์ ( Biomeaical Model ) เริ่มต้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ที่ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์มีการพัฒนาอย่างเติบโตรวดเร็วและกว้างขวาง การค้นพบเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยอย่างกล้องจุลทรรศน์ ทำให้มนุษย์ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น แม้แต่สิ่งที่เล็กที่สุดในร่างกายของมนุษย์ รวมถึงเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมต่างๆที่เข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่แพทย์ใช้วินิจฉัยสาเหตุของโรคและความเจ็บป่วย แบบจำลองนี้ ดังนั้นแบบจำลองนี้เสนอว่า โรคหรือความผิดปกติทางกาย( Physiology )ซึ่งเกิดจากการบาดเจ็บ ความผิดปกติของพันธุกรรม ( Abnomal Genetics ) ความไม่สมดุลทางชีวะเคมี ( Biochemistry ) เรื่องของพยาธิวิทยา ( Pathology )   แบคทีเรีย หรือไวรัส หรือสิ่งอื่นๆที่คล้ายคลึงกันที่นำไปสู่การติดเชื้อและความเจ็บป่วยของมนุษย์ ซึ่งแนวคิดดังกล่าวนี้ไม่ได้อธิบายบทบาทของปัจจัยทางสังคม( The role of Social factors )หรือความคิดของปัจเจกบุคคล  ( Individual Subjectivity ) โดยแบบจำลองทางชีวะ...