ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เรียนมหาวิทยาลัย(6)


ผมสังเกตเห็นหนิงแต่งตัวเป็นผู้หญิงมากขึ้น เธอสลัดกางเกงยีนส์แต่หันมานุ่งผ้าถุงแทน ทำกับข้าวน้ำพริก ฝักแม้วลวกให้ผมกิน ในช่วงที่ลงมาเยี่ยมเพื่อนนั่นคือความแปลกที่ผมไม่เคยเห็นหนิงทำ นอกจากจับกีตาร์เล่นดนตรีที่ซุ้มไผ่ชนพ.จนกระทั่งวันหนึ่งที่เรากลับจากมหาวิทยาลัยและจะกลับเข้าไปในหมู่บ้าน วันนั้นไม่มีรถสักคันที่เราจะโบกเพื่อขอติดรถขึ้นข้างบน เราเดินไปเรื่อยๆจนเกือบจะถึงบ้านดงสะคร่าน หนิงเล่าว่าเมื่อคืนก่อน ฝันว่าเธอเคยเป็นคนบ้านนี้และอยู่ที่นี่ ผมยังแซวหนิงว่า หนิงคงจะรักที่นี่มากเลยอยากอยู่ที่นี่ เราไม่เคยคิดและไม่รู้ว่าคำพูดนี้จะเป็นลางอะไรบางอย่างกับชีวิตของหนิง เราเดินไปจนถึงหมู่บ้านที่เราพักซึ่งก็เกือบเย็น ผมเหนื่อยหล้าแต่ก็ไม่เบื่อที่จะต้องเดินอย่างนี้ประจำ
หลังจากที่เราฝึกครบสามเดือนและต้องจากที่นี่ ผมรู้สึกเศร้ามาก ตอนค่ำคืนนั้นพ่อผู้ช่วยฯและแม่และลูกของแก ก่อไฟเผามันใต้ทุนบ้าน พวกเรานั่งล้อมวงกินมันเผา จิบน้ำชาและคุยกัน แกรู้ว่าผมจะต้องกลับไปเรียนและเขียนรายงานฉบับสุดท้ายก่อนจบการศึกษาแล้ว แกก็เอาสายสินจ์มาผูกข้อมือให้ผมอวยพรให้ผมประสบความสำเร็จ ผมขอบคุณพวกท่านที่ดูแลผมเป็นอย่างดี ผมรู้สึกเศร้าใจและใจหายบอกไม่ถกและรู้ว่าคงยากที่จะได้มีโอกาสกลับมาที่นี่อีก

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

พิธีกรรม สัญลักษณ์ และ Victor Turner โดยนัฐวุฒิ สิงห์กุล

  พิธีกรรมวิเคราะห์แบบ  Victor turner  ที่ได้รับอิทธิพลทางความคิดจาก  Arnold Van Gennep  ที่มองภาวะภายในของจักรวาลที่ถูกจัดการให้มีลักษณะของการเปลี่ยนผ่านหมุนเวียนของช่วงเวลา  (Periodicity)  ที่จะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของมนุษย์   จะทำอะไร   จะปลูกอะไร   ชีวิตของมนุษย์ก็เหมือนกับภาวะของธรรมชาติ   ทั้งตัวปัจเจกชนและกลุ่มสังคม ล้วนแล้วแต่เชื่อมโยงสัมพันธ์ไม่มีส่วนใดที่สามารถแยกขาดได้อย่างอิสระ   โดยพิธีกรรมดังกล่าวจะแบ่งออกเป็น  3  ระยะคือ 1.rite of separation  หรือขั้นของการแยกตัว   ถือว่าเป็นส่วนของพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับการแยกตัวเองจากสถานภาพเดิม   ผ่านพิธีกรรมที่ทำให้บริสุทธิ์  (purification rites)  เช่น   การโกนผม   การกรีดบนเนื้อตัวร่างกาย   รวมถึงการตัด   การสร้างรอยแผลเป็น   การขลิบ  (scarification or cutting)  ที่เกิดขึ้นกับอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง 2.rite of transition  เป็นส่วนของพิธีกรรมที่ว่าด้วยการเปลี่ยนสภาพ   โดยบุคคลที่ร่วมในพิธีกรรมจะมีก...

เฟอร์ดิน็องต์ เดอร์ โซซูร์

เฟอร์ดิน็องต์ เดอร์ โซซูร์ (1857-1923) นักภาษาศาสตร์ชาวสวิสเซอร์แลนด์ เป็นผู้มีบทบาทอย่างสำคัญในประวัติศาสตร์ของพวกโครงสร้างนิยม   ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสัญวิทยาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของ เลวี่ สเตร๊าท์ (Levi-Strauss) ชาร์ค ลากอง (Jacques Lacan) และ โรล็องต์ บาร์ธ (Roland Barthes) รวมถึง มิเชล ฟูโก้ (Micheal Foucault) ที่ได้กลับมาวางรางฐานและปฎิเสธเกี่ยวกับโครงสร้างนิยม ภายใต้ทิศทางใหม่ของหลังโครงสร้างนิยม (Post-Structuralism) ในคำบรรยายเริ่มแรกของเขาที่มหาวิทยาลัยเจนีวา ในช่วงปี 1906-1911 และการตีพิมพ์โครงร่างงานของเขาที่เขียนไว้ และคำบรรยายของเขาที่ลูกศิษย์ได้รวบรวมไว้ ภายหลังการมรณกรรมของเขาเมื่อปี 1915-1916   ภายใต้ชื่อ Course de linguistique   Generale ซึ่งถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษและเผยแพร่ในยุโรป ภายใต้ชื่อ Course in general linguistic ในปี 1960 เขาได้นำเสนอความคิดว่า การศึกษาภาษาศาสตร์ในปัจจุบัน สามารถศึกษาได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ซึ่งน่าจะได้รับอิทธิพลจากอีมิล เดอร์ไคม์ (Emile D...

Biomedical Model และ Bio-Psycho-social Mode

(1)        อะไรคือ Biomedical Model และ Bio-Psycho-social Model ? แนวคิดแบบจำลองทางชีวะการแพทย์ ( Biomeaical Model ) เริ่มต้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ที่ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์มีการพัฒนาอย่างเติบโตรวดเร็วและกว้างขวาง การค้นพบเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยอย่างกล้องจุลทรรศน์ ทำให้มนุษย์ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น แม้แต่สิ่งที่เล็กที่สุดในร่างกายของมนุษย์ รวมถึงเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมต่างๆที่เข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่แพทย์ใช้วินิจฉัยสาเหตุของโรคและความเจ็บป่วย แบบจำลองนี้ ดังนั้นแบบจำลองนี้เสนอว่า โรคหรือความผิดปกติทางกาย( Physiology )ซึ่งเกิดจากการบาดเจ็บ ความผิดปกติของพันธุกรรม ( Abnomal Genetics ) ความไม่สมดุลทางชีวะเคมี ( Biochemistry ) เรื่องของพยาธิวิทยา ( Pathology )   แบคทีเรีย หรือไวรัส หรือสิ่งอื่นๆที่คล้ายคลึงกันที่นำไปสู่การติดเชื้อและความเจ็บป่วยของมนุษย์ ซึ่งแนวคิดดังกล่าวนี้ไม่ได้อธิบายบทบาทของปัจจัยทางสังคม( The role of Social factors )หรือความคิดของปัจเจกบุคคล  ( Individual Subjectivity ) โดยแบบจำลองทางชีวะ...