ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เรียนมหาวิทยาลัย(4)


หมู่บ้านตาดฟ้าไม่มีประปา พวกเขาใช้น้ำตกจากธรรมชาติซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญ น้ำที่ตกลงมาจากด้านบนใสสะอาด ผมมาแปรงฟัน ล้างหน้าและอาบน้ำกับเด็กๆเป็นประจำ น้ำใสและเย็นมาก ผมมักจะมาช่วงเช้าและเย็น ซึ่งน้ำตกตาดฟ้าจะอยู่ไกลจากบ้านที่ผมพักประมาณกิโลกว่าๆโดยจะมีทางเดินเล็กๆที่ด้านข้างเต็มไปด้วยพงหญ้าและดอกอ้อ จนกระทั่งถึงบริเวณน้ำตกจึงจะพบป่าเขียวครึ้มปกคลุมจนทำให้บริเวณนี้ชุ่มชื่นและเต็มไปด้วยตระไคร่น้ำจับพื้นหินหรือโขดหินเต็มไปหมด และมีพืชน้ำจำพวกผักกูดและเฟิร์นเกิดขึ้นตามริมขอบลำธาร น้ำจากน้ำตกไหลกระทบโขดหินดังซ่า แล้วค่อยไหลตามแนวลำธารที่มีโขดหินก้อนเล็กใหญ่ มีแอ่งขาดเล็กต่างๆที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำ แล้วไหลไปตามทร่องน้ำหรือลำห้วยเล็กๆ ที่มีน้ำใสเย็นจนแลเห็นก้อนหิน ก้อนกรวดเล็กๆ ผมและเด็กๆชอบทำเรือไปปล่อยแข่งกันบริเวณลำห้วยที่น้ำไหลจากด้านบนลงสู่ด้านล่าง หรือบางทีก็เอาสวิงมาซ้อนหาปลา หากุ้งหรือปูหินไปทำอาหารกัน
ผมมักใช้เวลาว่างมานั่งที่น้ำตก ใช้สมาธิกับการสเกตซ์ภาพธรรมชาติและนั่งคุยกับเด็กๆถึงพืชและผลไม้ที่พวกเขากินในป่าที่มีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน เด็กที่ตามผมมีจำนวนมาก 5-7 คน พวกเขาจะสนใจคนที่มาใหม่เสมอ เพราะเรามีประสบการณ์ใหม่ๆมาเล่าให้พวกเขาฟังเสมอ พวกเขาจะสนใจและถามผมเสมอว่าชุมชนที่ผมอยู่เป็นแบบไหน และให้ความสนใจกับเครื่องเล่นเทปที่ผมพกติดตัวมาฟังด้วยหรือขนมที่ผมเอามาจากด้านล่าง ในขณะเดียวกันผมก็ได้เรียนรู้และได้รับความรู้จากเด็กเหล่านี้ ได้รู้ว่าของเล่นของเขาก็เอามาจากสิ่งที่มีในธรรมชาติ ในสัตว์ ในพืช ไม่ใช่ของเล่นพลาสติกราคาแพงๆในเมือง ที่ดูไร้ชีวิต บางครั้งพวกเขาพาผมไปดูวิวทิวทัศน์ของภูเขาลูกต่างๆซึ่งสวยงามมาก ผมให้พวกเขาพาเดินสำรวจและทำแผนที่ รวมทั้งเข้าไปคุยกับหลวงพ่อชีประขาว ที่ทำให้ผมรู้ว่าเป็นใครมาจากไหน และมาอยู่ที่นี่เพราะอะไร จริงๆแล้วก็เดินเข้ามาบำเพ็ญศีลในป่า จนวันหนึ่งชาวบ้านมาเจอแกนอนอยู่ที่ขอนไม้ในสภาพอิดโรย จึงพากันนิมนต์มาอยู่ที่นี่ เพื่อให้ชาวบ้านได้ใส่บาตรแม้ว่าคนที่นี่ก็ค่อนข้างลำบากเรื่องอาหารการกิน แต่ท่านบอกว่ากินได้หมด แม้แค่เพียงข้าวเปล่าหรือผลกล้วย แกเล่าเรื่องทางบ้านว่าโยมแม่ต้องการให้แกกลับและคิดว่าแกจะเดินทางไปที่ใหม่ วันที่แกจากไปผมเดินไปส่งแกที่ชายป่าแล้วแกก็เดินหายลับจากสายตาผมตาไป ชาวบ้านและผมไม่รู้ว่าแกจะกลับมาอีกไหม ผมกลับมานั่งที่กุฎิไม้ไผ่ยกพื้นสูงของแกที่ตั้งอยู่บนที่สูงมาก และอยู่สูงกว่าที่ตั้งหมู่บ้าน ผมเอนตัวนอนลงกับแคร่ไม้เพื่อให้ลมบนกระทบผ่านผิวกาย ดูช่างเหยือกเย็น เหงาและอ้างว้าง ผมเข้าใจความรู้สึกนี้ และเข้าใจความรู้สึกของท่านฤษีชีปะขาว  ชายหนุ่มผมยาว ผิวขาวหนวดเครารุงรัง ที่บดบังหน้าตาที่ดูดีผิดกับคนอื่น แต่เราก็เป็นมนุษย์ ผมก็คิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อแม่เหมือนกัน ผมอยากกลับบ้าน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

พิธีกรรม สัญลักษณ์ และ Victor Turner โดยนัฐวุฒิ สิงห์กุล

  พิธีกรรมวิเคราะห์แบบ  Victor turner  ที่ได้รับอิทธิพลทางความคิดจาก  Arnold Van Gennep  ที่มองภาวะภายในของจักรวาลที่ถูกจัดการให้มีลักษณะของการเปลี่ยนผ่านหมุนเวียนของช่วงเวลา  (Periodicity)  ที่จะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของมนุษย์   จะทำอะไร   จะปลูกอะไร   ชีวิตของมนุษย์ก็เหมือนกับภาวะของธรรมชาติ   ทั้งตัวปัจเจกชนและกลุ่มสังคม ล้วนแล้วแต่เชื่อมโยงสัมพันธ์ไม่มีส่วนใดที่สามารถแยกขาดได้อย่างอิสระ   โดยพิธีกรรมดังกล่าวจะแบ่งออกเป็น  3  ระยะคือ 1.rite of separation  หรือขั้นของการแยกตัว   ถือว่าเป็นส่วนของพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับการแยกตัวเองจากสถานภาพเดิม   ผ่านพิธีกรรมที่ทำให้บริสุทธิ์  (purification rites)  เช่น   การโกนผม   การกรีดบนเนื้อตัวร่างกาย   รวมถึงการตัด   การสร้างรอยแผลเป็น   การขลิบ  (scarification or cutting)  ที่เกิดขึ้นกับอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง 2.rite of transition  เป็นส่วนของพิธีกรรมที่ว่าด้วยการเปลี่ยนสภาพ   โดยบุคคลที่ร่วมในพิธีกรรมจะมีก...

เฟอร์ดิน็องต์ เดอร์ โซซูร์

เฟอร์ดิน็องต์ เดอร์ โซซูร์ (1857-1923) นักภาษาศาสตร์ชาวสวิสเซอร์แลนด์ เป็นผู้มีบทบาทอย่างสำคัญในประวัติศาสตร์ของพวกโครงสร้างนิยม   ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสัญวิทยาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของ เลวี่ สเตร๊าท์ (Levi-Strauss) ชาร์ค ลากอง (Jacques Lacan) และ โรล็องต์ บาร์ธ (Roland Barthes) รวมถึง มิเชล ฟูโก้ (Micheal Foucault) ที่ได้กลับมาวางรางฐานและปฎิเสธเกี่ยวกับโครงสร้างนิยม ภายใต้ทิศทางใหม่ของหลังโครงสร้างนิยม (Post-Structuralism) ในคำบรรยายเริ่มแรกของเขาที่มหาวิทยาลัยเจนีวา ในช่วงปี 1906-1911 และการตีพิมพ์โครงร่างงานของเขาที่เขียนไว้ และคำบรรยายของเขาที่ลูกศิษย์ได้รวบรวมไว้ ภายหลังการมรณกรรมของเขาเมื่อปี 1915-1916   ภายใต้ชื่อ Course de linguistique   Generale ซึ่งถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษและเผยแพร่ในยุโรป ภายใต้ชื่อ Course in general linguistic ในปี 1960 เขาได้นำเสนอความคิดว่า การศึกษาภาษาศาสตร์ในปัจจุบัน สามารถศึกษาได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ซึ่งน่าจะได้รับอิทธิพลจากอีมิล เดอร์ไคม์ (Emile D...

Biomedical Model และ Bio-Psycho-social Mode

(1)        อะไรคือ Biomedical Model และ Bio-Psycho-social Model ? แนวคิดแบบจำลองทางชีวะการแพทย์ ( Biomeaical Model ) เริ่มต้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ที่ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์มีการพัฒนาอย่างเติบโตรวดเร็วและกว้างขวาง การค้นพบเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยอย่างกล้องจุลทรรศน์ ทำให้มนุษย์ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น แม้แต่สิ่งที่เล็กที่สุดในร่างกายของมนุษย์ รวมถึงเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมต่างๆที่เข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่แพทย์ใช้วินิจฉัยสาเหตุของโรคและความเจ็บป่วย แบบจำลองนี้ ดังนั้นแบบจำลองนี้เสนอว่า โรคหรือความผิดปกติทางกาย( Physiology )ซึ่งเกิดจากการบาดเจ็บ ความผิดปกติของพันธุกรรม ( Abnomal Genetics ) ความไม่สมดุลทางชีวะเคมี ( Biochemistry ) เรื่องของพยาธิวิทยา ( Pathology )   แบคทีเรีย หรือไวรัส หรือสิ่งอื่นๆที่คล้ายคลึงกันที่นำไปสู่การติดเชื้อและความเจ็บป่วยของมนุษย์ ซึ่งแนวคิดดังกล่าวนี้ไม่ได้อธิบายบทบาทของปัจจัยทางสังคม( The role of Social factors )หรือความคิดของปัจเจกบุคคล  ( Individual Subjectivity ) โดยแบบจำลองทางชีวะ...