ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก 2025

ชนเผ่ากินเนื้อคน ความจริง หรือการประกอบสร้าง โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

เช้าวันเสาร์ หาวัตถุดิบลงBlog ..นึกถึงหนังเรื่องหนึ่งชื่อไทยว่าเปรตเดินดินกินเนื้อคน หรือชื่ออังกฤษว่า Cannibal Holocaust ในปี 1979-1980 เป็นหนังเกี่ยวกับนักมานุษยวิทยากลุ่มหนึ่งไปศึกษาชนเผ่ากินคนในอะเมซอน แล้วไม่เคารพวัฒนธรรม ไปละเมิด ไปทำร้ายคนท้องถิ่น สุดท้ายทุกคนถูกชนเผ่ากิน และหายสาปสูญไป หนังสือ The Man-Eating Myth: Anthropology and Anthropophagy (1979) โดย William Arens เป็นผลงานสำคัญที่เขย่าวงการมานุษยวิทยา ด้วยการตั้งคำถามกับความเชื่อที่ฝังรากลึกเกี่ยวกับ การกินเนื้อมนุษย์ (cannibalism) ในหมู่ชนพื้นเมืองต่าง ๆ แนวคิดที่น่าสนใจ และคำถามที่ชวนคิดในหนังสือนี้คือ 1.การกินเนื้อมนุษย์เป็น “ตำนาน” มากกว่าความจริงทางมานุษยวิทยา โดย Arens โต้แย้งว่า หลักฐานเกี่ยวกับชนเผ่ากินคน ที่แพร่หลายในตำราและงานวิจัยจำนวนมากนั้น ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่แน่นหนา และมักอาศัยคำบอกเล่า หรือมุมมองจากคนนอกที่มีอคติ 2. Cannibalism ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างความเป็นอื่น (Othering) โดยแนวคิดนี้เชื่อมโยงกับ postcolonial studies: อารยธรรมตะวันตกมักสร้างภาพของผู้ป่าเถื่อน (savage) เพื่อ...

สงคราม ผู้คน การชม และความรู้สึก มองผ่านงาน Susan Sontag โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

คำถามสำคัญคือเราดูความเจ็บปวดของคนอื่น ว่าเป็น อย่างไร? มากกว่าการพยายาม “เข้าใจ” หรือ “รู้สึกแทน” ในความเจ็บปวดนั้น ภาพถ่ายไม่ใช่ภาพจริง แต่เป็นการแทนภาพ ที่ถูกเลือก จัดวาง ตัดต่อ หรือบอกเล่าในบางมุม เป็นการเลือกว่าจะ “ให้คนอื่นเห็นอะไร” และ “ไม่ให้เห็นอะไร” เราในฐานะ “ผู้ชม” (Spectatorship ) ความทุกข์ของผู้อื่น ต้องทบทวนและตั้งคำถามว่าการดูภาพถ่ายหรือข่าวความรุนแรง ทำให้เรา รู้สึกเห็นใจ หรือเฉยชา? ที่สำคัญ ผู้ชมไม่ได้เป็นกลางเสมอ แต่เกี่ยวพันกับอำนาจและอารมณ์ ความทุกข์ของคนอื่นมักอยู่ “ไกล” จากชีวิตประจำวันของเรา ดังนั้นภาพข่าวหรือภาพถ่ายทำให้เรารู้สึกว่าได้เห็นแต่ ไม่ได้เชื่อมต่อทางจิตใจ จริง ๆ ความเจ็บปวดของคนอื่นอาจกลายเป็น สินค้าทางวัฒนธรรม ที่ผู้ชมเสพเพื่อความสะเทือนใจหรือความบันเทิง ภาพสงครามถูกจัดวางในพิพิธภัณฑ์ หนังสือพิมพ์ หรือโซเชียลมีเดีย เพื่อเรียกอารมณ์ ไม่ใช่ความเข้าใจ ใครบางคนตายแล้ว “สังคมไว้อาลัย” แต่บางคน “ตายเงียบ” แบบไม่มีใครจดจำ นี่เป็นคำถามในเรื่อง อำนาจของการเลือกจดจำ ดังนั้นความเห็นอกเห็นใจแท้จริงควรนำไปสู่การลงมือเปลี่ยนแปลง แต่หลายครั้ง...

สงครามและความรุนแรง สันติภาพที่ต้องแลกด้วยชีวิตและความรุนแรงแบบใหม่ โดยนัฐวุฒิ สิงห์กุล

ระบบรัฐชาติสมัยใหม่ที่ยึดติดกับเส้นเขตแดนแบบแข็งทื่อเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา รวมทั้งการใช้ประวัติศาสตร์ในแบบคัดเลือก (selective memory) เพื่อสร้างศัตรูร่วม การเน้นเรื่องอธิปไตยของชาติทำให้ประชาชนรู้สึกว่าหากยอมถอยเท่ากับขายชาติ ไม่รักชาติ ชาตินิยมแบบอารมณ์ ทำให้การถอยเพื่อสันติภาพถูกตีความว่าแพ้และยอมไม่ได้ ทั้งที่ต้องแลกมาด้วยชีวิตผู้บริสุทธิ์ ที่สำคัญรัฐในหลายประเทศ มักใช้กรณีพิพาทนี้เป็นเครื่องเบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาในประเทศ ผลกระทบที่เกิดขึ้นในพื้นที่คือ มีผู้เสียชีวิตทั้งทหารและพลเรือน ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดนสูญเสียบ้าน ทรัพย์สิน รวมถึงความไม่ไว้วางใจฝังรากลึกในระดับประชาชน การปกป้องประชาชนและการยืนหยัดเพื่อความยุติธรรม อาจจำเป็นต้องมีพลัง และการตอบโต้อย่างชาญฉลาด ความกล้าหาญที่จะไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรงและยืนหยัดในหลักการ แต่นั่นไม่ได้แปลว่าเราต้องยอมแพ้และไม่ใช่ทุกกรณีที่เราควรต้องยอมเจ็บเพื่อสันติภาพด้วยเช่นกัน สันติภาพที่แท้จริงไม่ใช่แค่การหยุดยิง แต่คือการ เยียวยาความร้าวลึก, ฟื้นฟูความไว้วางใจ และเปลี่ยนโครงสร้างที่ก่อให้เกิดความรุนแรง ซึ่งมักใช้เวลานาน เ...

ร่างกาย : ความเจ็บป่วยทางร่างกายและความเจ็บป่วยทางสังคม มองผ่านแนวคิด Paul Farmer โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

ร่างกาย : ความเจ็บป่วยทางร่างกายและความเจ็บป่วยทางสังคม บทความเรื่องบนความเจ็บป่วยและความรุนแรงเชิงโครงสร้าง มุมมองจากข้างล่าง( On Suffering and Structural Violence : A View from Below) เขียนโดยนายแพทย์และนักมานุษยวิทยา อย่าง Pual Farmer ซึ่งปรากฏในหนังสือชื่อ The anthropology of politics. A Reader in Ethnography,Theory and Critique (2002) ที่มี Joan Vincent เป็นบรรณาธิการ บทความชิ้นนี้เป็นงานของ Paul Farmer แพทย์และนัก มานุษวิทยาที่สนใจมองลงไปที่ความเจ็บป่วยที่ไม่ได้มีสาเหตุหรือเกิดจากตัวเชื้อโรค อย่างที่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ในเชิงกายภาพและชีววิทยา พยายามอธิบายเกี่ยวกับความเจ็บป่วยของร่างกายและอวัยวะต่างๆ ที่เรียกภาวะความผิดปกติ โดยมีเชื้อโรค ทั้งจากไวรัสและแบคทีเรีย เป็นตัวแปร สําคัญที่ทําให้เกิดภาวะการเจ็บป่วยของมนุษย์แต่เพียงอย่างเดียว.... แต่ Paul Farmer กลับมองว่า สาเหตุของโรคภัยเจ็บที่มนุษย์กําลังเผชิญอยู่ มีนัยทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคมและวัฒนธรรมเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่ด้วย และเป็นสาเหตุ สําคัญที่ทําให้คนตกอยู่ในสภาวะผิดปกติ มีเชื้อโรคและเกิดภาวะที่เรีย...

การเก็บเกี่ยวผลลัพธ์ (Outcome Harvesting) เพื่อการประเมิน โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

“…วิธีการที่ช่วยให้นักประเมิน ผู้ให้ทุน และผู้จัดการสามารถระบุ กำหนด ตรวจสอบ และตีความผลลัพธ์ได้ วิธีการนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากคำนิยามของคำว่า ‘ผลลัพธ์’ ในฐานะ ‘การเปลี่ยนแปลง’ ที่เกิดขึ้นในพฤติกรรม ความสัมพันธ์ การกระทำ กิจกรรม นโยบาย หรือแนวปฏิบัติของบุคคล กลุ่ม ชุมชน องค์กร หรือสถาบันหนึ่งๆ” ( Ricardo Wilson-Grau 2018) ดังนั้น Outcome Harvesting คือกระบวนการเก็บรวบรวม (เก็บเกี่ยว) หลักฐานเกี่ยวกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป (ผลลัพธ์) แล้วจึงไล่ย้อนกลับไปเพื่อวิเคราะห์ว่า การแทรกแซงที่ทำขึ้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นหรือไม่ อย่างไร มีอาจารย์นักประเมินท่านหนึ่งแนะนำในเวทีว่า ให้ลองอ่านงานชิ้นหนึ่งดู ซึ่งจริงๆแล้ว ผมเคนอ่านมาครั้งหนึ่งนานมาแล้ว แต่ไม่ได้สนใจอะไร แต่ลองเอากลับมาทบทวนซ้ำ อ่านใหม่ ก็เห็นประเด็นหลายอย่างที่น่าสนใจ หนังสือเล่มนี้ชื่อว่า การเก็บเกี่ยวผลลัพธ์ ( Outcone Havesting) คำว่า Outcome Harvesting (การเก็บเกี่ยวผลลัพธ์) เป็นวิธีการประเมินผลที่เน้นการระบุ อธิบาย ตรวจสอบ และวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจริงในพฤติกรรมของบุคคลหรือกลุ่มต่า...

การอยู่ร่วมกับความย้อนแย้ง มนุษย์กับสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ ภายใต้จริยธรรมของการอยู่ร่วม โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

Donna Haraway เคยพูดว่า เราต้องอยู่กับความย้อนแย้งนั้นอย่างมีจริยธรรม (staying with the trouble) นั่นคือการไม่หลีกเลี่ยงหรือพยายามแก้ปัญหาทุกอย่างให้เรียบร้อยแบบทฤษฎีที่สวยหรู แต่คือการเลือกอยู่ร่วมกับความซับซ้อน ความย้อนแย้ง ความไม่สมบูรณ์แบบของโลก อย่างรับผิดชอบ มีจริยธรรม และจินตนาการร่วมกัน โดยความย้อนแย้งที่ Haraway หมายถึง ไม่ใช่แค่ความขัดแย้งทางตรรกะ แต่คือโลกที่ เต็มไปด้วยการพัวพันกันของสิ่งมีชีวิต มนุษย์-ไม่ใช่มนุษย์ เทคโนโลยี-สิ่งแวดล้อม ชนพื้นเมือง-อาณานิคม แทนที่จะตัดขาดหรือแยกให้ชัด เธอเสนอให้เรา อยู่ร่วมกับความยุ่งเหยิงซึ่งต้องใช้ทั้ง การฟังอย่างลึกซึ้ง การรับผิดชอบแบบสัมพันธ์ และ การไม่คิดว่าตัวเองรู้หรือควบคุมได้หมด Bruno Latour เองก็เช่นกัน เขาเน้นว่าเราไม่สามารถพูดแทน nonhuman ได้เต็มที่ แต่อย่างน้อยเราควรเปิดพื้นที่ให้ “สิ่งหรือThing เข้ามาอยู่ร่วมในกระบวนการสร้างความจริง (assemblage) Rosi Braidotti นักปรัชญาหญิงเชื้อสายอิตาเลียน-ออสเตรเลีย หนึ่งในนักคิดแนว posthuman feminism ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในช่วงหลัง เธอผสานแนวคิด feminism + Deleuze + posthumanism โ...

แนวคิด Posthuman ความท้าทายและการต่อสู้ของชนพื้นเมือง มองผ่านงาน หนังสือ Ideas to Postpone the End of the World เขียนโดย Ailton Krenak (2019) โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

จะมีอะไรดีกว่าตื่นแล้วมีพลังทำงาน ถ้าผมสนใจก็จะขลุกกับมันได้ทั้งวัน …กำลังอิน หาวัตถุดิบปรุงลง blog ผมชอบหนังสือ Ideas to Postpone the End of the World เขียนโดย Ailton Krenak (2019) โดย Ailton Krenak ถือเป็นนักปรัชญาและนักเคลื่อนไหวชาวพื้นเมืองเผ่า Krenak ในบราซิล เขาเคลื่อนไหวเรื่อง สิทธิของแม่น้ำ ภูเขา และผืนป่า เสียงของชนพื้นเมือง เป็นเสียงสำคัญของ การต่อต้านโลกทัศน์แบบตะวันตกสมัยใหม่ เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักคิดแนว posthumanism และ decolonial ecology โดยที่เขาไม่ได้ใช้คำเหล่านั้นโดยตรง Ailton Krenak กล่าวว่า “จินตนาการว่ามีหลายโลก มากกว่าหนึ่งโลกสำหรับมนุษย์ เป็นวิธีชะลอวันสิ้นโลก” ซึ่ง Krenak เสนอว่า การสิ้นสุดของโลก ไม่ได้เกิดขึ้นจากภัยพิบัติอย่างเดียว แต่มาจากความคิดที่ว่า“มีแค่มนุษย์เท่านั้นที่มีความหมายในโลกใบนี้” เขาชี้ให้เห็นว่า โลกทัศน์แบบตะวันตก (Western modernity) ทำให้เราเชื่อว่า ธรรมชาติเป็นทรัพยากร และ มนุษย์อยู่เหนือสิ่งอื่น ความคิดนี้นำไปสู่การล่าอาณานิคม การใช้ทรัพยากรเกินขนาด และความรุนแรงต่อสิ่งมีชีวิตอื่นดังนั้น การฟื้นฟูจินตนาการแบบ...

ทำไมมานุษยวิทยาต้องเข้าสู่ยุค Post Human: ความท้าทายและการเชื่อมโยงความรู้กับนโยบาย โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

เพราะโลกเปลี่ยนไป และขนาดของปัญหาก็เปลี่ยนไปด้วย ทั้งความใหญ่และความซับซ้อนของปัญหามากขึ้น เพราะแนวคิดเก่าๆ ยังกระจายศูนย์อยู่ที่มนุษย์เป็นหลัก ทำให้เราไม่เข้าใจอะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้น เพราะวิธีคิดแบบ แยกมนุษย์-ธรรมชาติ มนุษย์กับสิ่งเหนือธรรมชาติ มนุษย์กับสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ กำลังล้มเหลวในทางปฏิบัติ สุดท้าย เพราะการอยู่ร่วมกับสิ่งอื่น ในสิ่งแวดล้อมต้องการสิ่งที่เรียกว่า จริยธรรมใหม่ ดังเช่นเรื่องนิเวศสิ่งแวดล้อม เราต้องเปลี่ยนวิธีรู้ วิธีอยู่ และวิธีดูแลโลก รวมทั้งจริยธรรมแบบเก่าที่มักมองว่า ใครเป็นเจ้าของ/ใครควรได้ใช้ ต้องถูกแทนที่ด้วยคำถามแบบใหม่ เช่น เราจะอยู่ร่วมกับสิ่งที่ไม่พูดภาษาเราได้อย่างไร? และเราจะฟังเสียงของแม่น้ำ ป่า หรือหินอย่างไร? ดังนั้น การอยู่ร่วมกันอย่างถ่อมตน (humility) และร่วมสร้างกัน (symbiosis) คือจุดเปลี่ยนทางจริยธรรมที่แนวคิดใหม่เสนอ คำถามสำคัญคือ โลกไม่ได้อยู่เพื่อเราอีกต่อไป แต่มนุษย์อาจอยู่ได้ต่อไปหรือไม่ ขึ้นกับว่าเราเข้าใจ โลกใหม่ได้แค่ไหน ดังนั้นเราจึงต้องหาวิธีใหม่ในการเข้าใจ ‘สิ่งแวดล้อม’ ที่ไม่ใช่แค่บริบท แต่เป็นผู้มีชีวิตร่วมที่มี agency Jane Bennett ...

ความเท่าเทียม ที่ต้องมองด้วยความหลากหลาย มุมมองต่อเรื่องกลุ่มชาติพันธุ์และการต่อสู้ โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

เช้า ๆ ฝนตกริน ๆ แต่ความคิดแล่นมากกว่าฝนเลย…พิจารณาหนังสือที่อ่าน เชื่อมโยงกับสนามที่เคยได้ลงไปสัมผัส ใช้กรณีจากที่อื่นมาเปรียบเทียบให้เห็นมุมองที่กว้างขึ้น …. ชนพื้นเมืองในอะเมซอนไม่ได้เพียงแค่เรียกร้องสิทธิที่ดินแต่เสนอวิถีการดูแลป่าแบบ องค์รวม, จิตวิญญาณ, และ การอยู่ร่วมกับธรรมชาติ ดังเช่นคำพูดของ Davi Kopenawa ซึ่งเป็น ผู้นำชนเผ่า Yanomami ของอะเมซอน บราซิล มีคำกล่าวว่า “พวกเรากับป่าเป็นร่างเดียวกัน… ถ้าเขาเผาป่า เขาก็เผาร่างกายเรา“ ภายใต้แนวคิด Pluriversal Politics หรือ การเมืองแบบพหุโลกทัศน์ ที่นำเสนอแนวคิดโดยนักวิชาการละตินอเมริกา เช่น Arturo Escobar เขาเสนอว่า โลกไม่ได้มีวิธีคิดเดียว (แบบตะวันตก-รัฐชาติ-ทุน) การเคารพวิธีคิดแบบชนเผ่า เช่น “ป่าเป็นสิ่งมีชีวิต” จึงเป็นการเมืองอีกแบบหนึ่งที่ต้องได้รับการยอมรับ การเปลี่ยนแปลงแนวคิดจาก จาก “สิทธิเสมอ” สู่ “สิทธิที่แตกต่าง” (Differentiated Rights) ในงาน ของ Charles Taylor โต้แย้งว่าสังคมที่ปฏิบัติต่อทุกคนเสมอกันโดยไม่ยอมรับความแตกต่างทางวัฒนธรรม อาจทำให้บางกลุ่มถูกกดทับ จึงเสนอว่ารัฐควรยอมรับความแตกต่างและจัดนโยบาย...

แนวคิด Animism ในการมองความสัมพันธ์ของคน พืช สัตว์ และวิญญาณ มองผ่านงาน Graham Harvey โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

เช้าๆ เขียน ประเด็นลง Blog….ที่ผมจะต่อยอดเรื่องงานวิจัยกะเหรี่ยงลัทธิเจ้าวัด กับความเชื่อเรื่องผี เพื่อพัฒนาเป็นบทความอีกชิ้นหนึ่ง หนังสือที่ผมหยิบยกมาคือ Animism: Respecting the Living World (2005) โดย Graham Harvey เป็นหนังสือที่สำรวจและนำเสนอแนวคิดเรื่องอะนิเมติสม์ (Animism) ในบริบทที่กว้างขึ้นและร่วมสมัย หนังสือเล่มนี้ชวนให้เรามองโลกใหม่ว่า ไม่ใช่แค่โลกของมนุษย์เท่านั้น แต่เป็นโลกที่เราต้อง อยู่ร่วมกับ “ผู้มีชีวิต” ทั้งหลาย ไม่ว่าจะมีรูปร่าง พูดได้ หรือเป็นสิ่งที่เราเคยคิดว่า “ไม่มีชีวิต” หนังสือเล่มนี้จึงเหมาะกับนักมานุษยวิทยา นักสิ่งแวดล้อม นักศึกษาศาสนา และใครก็ตามที่ต้องการมองโลกด้วยความเคารพมากขึ้น ความน่าสนใจที่ผมได้จากหนังสือเล่มนี้คือ การตั้งคำถามใหม่ต่อความคิดตะวันตกแบบแยกมนุษย์-ธรรมชาติ การส่งเสริมแนวคิด posthumanism และ multispecies ethnography การให้ความสำคัญกับ “ความสัมพันธ์” มากกว่าการครอบครอง รวมทั้งการเปิดพื้นที่ให้เราศึกษาวัฒนธรรมอื่นโดยไม่มองผ่านกรอบ Eurocentric “Animism is far from primitive, nor is it about pre‑modernit...

นิเวศวิทยาสุขภาพ โดยนัฐวุฒิ สิงห์กุล

นิเวศวิทยาสุขภาพ: การบูรณาการมานุษยวิทยา สิ่งแวดล้อม และการแพทย์ สุขภาพของโลกคือสุขภาพของเรา “We cannot be healthy in a sick ecosystem.” ในฐานะนักศึกษามานุษยวิทยาทางการแพทย์ที่ให้ความสนใจกับประเด็นสังคมศาสตร์สุขภาพ การเปลี่ยนแปลงทางสังคม และความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม ผมมีความสนใจเป็นพิเศษต่อแนวคิด นิเวศวิทยาสุขภาพ (Eco-Health) หรือ เวชศาสตร์เชิงนิเวศ (Ecological Medicine) ซึ่งเป็นกรอบคิดที่บูรณาการระหว่างชีววิทยา วัฒนธรรม การแพทย์ และระบบนิเวศ เพื่อทำความเข้าใจความสัมพันธ์ซับซ้อนระหว่างสุขภาพมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมรอบตัว ดังนั้นสุขภาพไม่ใช่แค่เรื่องชีวภาพ แต่เป็นผลของ ชีววัฒนธรรม (Biocultural) ทำให้มนุษย์ปรับตัวต่อโรค ผ่านทั้ง ร่างกาย พฤติกรรม และวัฒนธรรม มานุษยวิทยาและนิเวศวิทยาทางการแพทย์: การมองสุขภาพในฐานะปรากฏการณ์เชิงวัฒนธรรมและชีววิทยา แนวทางนี้ชี้ให้เห็นว่า สุขภาพไม่ใช่เพียงผลลัพธ์ของชีววิทยา แต่เป็นผลของกระบวนการ co-evolution ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม ทั้งทางกายภาพและสังคม เช่น การเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางการเกษตร การอพยพ การใช้พืชสมุนไพรท้องถิ่น หร...