ระหว่างเดินทาง ดูข่าวเกี่ยวกับ วัยรุ่นตามหาเหรียญที่เชียงใหม่ เคยเห็นในTikTok ไม่คิดว่าจะมีจริง….
เกมตามล่าหาสมบัติมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมมนุษย์ ที่สามารถเชื่อมโยงกับมิติทางจิตวิทยา มานุษยวิทยา และสังคมวิทยา โดยแสดงให้เห็นว่ากลไกในเกมบางเกม สะท้อนหรือกระตุ้นพฤติกรรมและแรงจูงใจของมนุษย์ในหลากหลายแง่มุม
อย่างแรก คือ การกระตุ้นแรงจูงใจของมนุษย์ เกมตามล่าหาสมบัติสร้างความท้าทายและรางวัลที่กระตุ้นพฤติกรรมมนุษย์ในหลายรูปแบบ โดยเฉพาะสิ่งที่เรียกว่า แรงจูงใจภายใน (Intrinsic Motivation) การสำรวจ การค้นพบ และความพึงพอใจเมื่อสามารถไขปริศนาได้สำเร็จ เป็นสิ่งที่สร้างความสนุกให้กับผู้เล่น และแรงจูงใจภายนอก (Extrinsic Motivation) ที่เชื่อมโยงกับรางวัลในเกม เช่น สมบัติ คะแนน หรือการได้รับการยอมรับจากผู้อื่น ช่วยกระตุ้นให้ผู้เล่นลงมือทำ
ทำให้ผู้เล่นรู้สึกถึงความสำเร็จส่วนบุคคลผ่านกระบวนการค้นหา
อย่างที่สองสัญชาตญาณพื้นฐานของมนุษย์
เนื่องจากมนุษย์มีสัญชาตญาณในการแสวงหาและสะสมสิ่งของ ดังนั้นเกมตามล่าหาสมบัติ หาขุมทรัพย์ อย่าง Jagat Coin Hunt สามารถกระตุ้นพฤติกรรมนี้ได้ ภายใต้การเล่นที่มีลักษณะการค้นหาและสะสม (Foraging Behavior) คล้ายกับพฤติกรรมในอดีตที่มนุษย์ต้องค้นหาอาหารหรือทรัพยากรในสังคมล่าสัตว์หาของป่าการผชิญหน้ากับความไม่แน่นนอนในการได้มาซึ่งสิ่งเหล่านี้ กลายเป็นความตื่นเต้นท้าทาย ไม่แตกต่าง จากการเสี่ยงโชค
อย่างที่สาม คือความอยากรู้อยากเห็น (Curiosity) การแก้ปริศนาในเกมสะท้อนความอยากรู้อยากเห็นที่มีอยู่ในมนุษย์ทุกคน การพิชิตปริศนา หรือการบรรลุเป้าหมายคือความพิเศษและความสำเร็จของปัจเจกบุคคล
อย่างที่สี่ คือการแข่งขัน (Competition) หากเกมมีลักษณะของการแข่งกับผู้เล่นคนอื่น จะกระตุ้นความต้องการเอาชนะ กสาเป็นที่หนึ่ง การครอบครองสิ่งที่หาได้ยากหรือขาดแคลน การพิชิตขุมทรัพย์
เกมกับการแสดงพฤติกรรมทางสังคม โดยเกมตามล่าหาสมบัติที่ต้องทำงานเป็นทีม หรือมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่น แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมทางสังคม การทำงานร่วมกัน (Collaboration) ผู้เล่นมักจะต้องรวมพลังเพื่อแก้ปัญหา แสดงถึงความสามารถในการสื่อสารและการทำงานเป็นทีม
การสร้างความสัมพันธ์ (Social Bonding)เกมประเภทนี้ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนหรือครอบครัว
การแบ่งปันและแข่งขัน ผู้เล่นอาจแบ่งปันข้อมูลเพื่อช่วยทีม หรือแข่งขันเพื่อได้รางวัลก่อน ตัวอย่างเช่น เกมล่าสมบัติแบบออนไลน์ เช่น Sea of Thieves ส่งเสริมการทำงานร่วมกันเพื่อเอาชนะอุปสรรคในเกม
สัญลักษณ์และจินตนาการในเกม เกมตามล่าหาสมบัติมักจะใช้ สัญลักษณ์ และ เรื่องราว เพื่อดึงดูดผู้เล่น สมบัติ มักสื่อถึงเป้าหมายที่มีค่าในชีวิต เช่น ความสำเร็จ ชื่อเสียง หรือความร่ำรวย การเดินทางเป็นการสะท้อนชีวิตมนุษย์ที่ต้องผ่านอุปสรรคเพื่อไปถึงเป้าหมาย ความเป็นฮีโร่ ผู้เล่นมักถูกวางตัวเป็นฮีโร่ในการแก้ปัญหา ซึ่งสอดคล้องกับความปรารถนาในการเป็นผู้ที่สำคัญ รวมถึงการสร้างจินตนาการเกี่ยวกับการผจญภัยและความกล้าหาญ
หากลองเอามิติทางมานุษยวิทยามาใช้เป็นกรอบในการวิเคราะห์ เกมตามล่าหาสมบัติสามารถวิเคราะห์ในเชิงมานุษยวิทยาได้ โดยมองว่าเกมเหล่านี้สะท้อนพฤติกรรมและความเชื่อในสังคม เช่น การสะท้อนพิธีกรรม (Rituals) การค้นหาสมบัติอาจเทียบได้กับพิธีกรรมที่มนุษย์ใช้แสวงหาความหมายหรือคุณค่าในชีวิตฝาก ความเชื่อเกี่ยวกับสมบัติ เรื่องเล่าหรือความเชื่อเกี่ยวกับสมบัติล้ำค่ามีอยู่ในวัฒนธรรมต่าง ๆ เกมเหล่านี้ดึงเอามุมมองนี้มาใช้อย่างสร้างสรรค์ การล่าขุมทรัพย์ในบริบทของเกมหรือเรื่องเล่า เช่น สมบัติของโจรสลัด หรือสุสานโบราณ สะท้อนความสนใจในอดีตและประวัติศาสตร์ของมนุษย์
เกมกับพฤติกรรมทางจิตวิทยา เช่น การแก้ปัญหา (Problem-Solving) เกมล่าสมบัติมักมีองค์ประกอบของปริศนาที่ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา
ความอดทนและความพยายาม (Perseverance) ผู้เล่นต้องพยายามค้นหาเบาะแสและไม่ล้มเลิกง่าย ๆและความรู้สึกคุ้มค่า (Reward Mechanism) การได้รับรางวัลหรือความสำเร็จในเกมช่วยเสริมสร้างความรู้สึกดีในตัวเอง
ดังนั้นเกมตามล่าหาสมบัติเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมมนุษย์ในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นแรงจูงใจ การแสดงพฤติกรรมทางสังคม ความอยากรู้อยากเห็น และความสามารถในการแก้ปัญหา นอกจากนี้ยังสะท้อนความเชื่อและค่านิยมในสังคมอย่างลึกซึ้งอีกด้วย
ผมปูเรื่องมาซะยาวเพื่อจะเชื่อมกับสถานการน์เรื่องนี้ในฐานะที่สอนมานุษยวิทยาเศรษฐกิจ ในกรณี เกม Jagat Coin Hunt เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจสำหรับการวิเคราะห์พฤติกรรมมนุษย์ในโลกเสมือนจริง (virtual world) และความสัมพันธ์ระหว่างเกมกับชีวิตจริง โดยเฉพาะเมื่อเชื่อมโยงกับการตามล่าหาสมบัติในรูปแบบดิจิทัล เช่น การสะสมเหรียญหรือวัตถุเสมือนจริงที่มีมูลค่าในเกมหรือในโลกแห่งความจริง
1. ความเชื่อมโยงระหว่าง Jagat Coin Hunt กับพฤติกรรมมนุษย์
1.1 สัญชาตญาณการค้นหาและสะสม
เกม Jagat Coin Hunt กระตุ้นพฤติกรรมที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ เช่น การค้นหาทรัพยากรและสะสมสิ่งของมีค่าของมนุษย์ที่พบได้ในทุกวัฒนธรรม
จิตวิทยาการสะสม (Collection Psychology) การเก็บสะสมเหรียญในเกมให้ความรู้สึกเหมือนการได้ครอบครองสมบัติ ซึ่งสะท้อนถึงความพึงพอใจในความสำเร็จและการเติมเต็มความปรารถนา
1.2 การเชื่อมโยงระหว่างโลกจริงและโลกเสมือน
เกมใช้แผนที่โลกจริง (เช่น ระบบ GPS) ทำให้ผู้เล่นต้องเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ในชีวิตจริงเพื่อเก็บเหรียญ สิ่งนี้สะท้อนถึง พฤติกรรมการสำรวจ (Exploratory Behavior) ของมนุษย์ และสร้างประสบการณ์ที่รวมโลกจริงกับโลกเสมือน
1.3 ความอยากรู้อยากเห็นและความท้าทาย การออกแบบเกมที่ใช้แผนที่และเบาะแสกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของผู้เล่น โดยผู้เล่นได้รับแรงจูงใจจากความท้าทายในการเก็บเหรียญในพื้นที่ยากลำบาก หรือการเอาชนะอุปสรรคเพื่อไปถึงจุดหมาย
2. ความคล้ายคลึงกับเกมตามล่าหาสมบัติ
2.1 เป้าหมายร่วมกัน: การค้นหาสิ่งที่มีค่า เช่นเดียวกับเกมล่าสมบัติในรูปแบบอื่น ๆ Jagat Coin Hunt มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการค้นหาและสะสมเหรียญ ความสำเร็จในการเก็บเหรียญเปรียบเหมือนการค้นพบสมบัติที่ซ่อนอยู่
2.2 การใช้กลยุทธ์และการแก้ปัญหา โดยผู้เล่นต้องวางแผนเส้นทาง ใช้แผนที่ และจัดการเวลาในการค้นหาเหรียญ ซึ่งสะท้อน พฤติกรรมการวางแผนและการแก้ปัญหา
2.3 การแข่งขันและการร่วมมือ ในเกม Jagat Coin Hunt ผู้เล่นอาจแข่งขันกันเพื่อเก็บเหรียญในพื้นที่เดียวกัน หรือสร้างกลุ่มเพื่อร่วมมือในการค้นหา สิ่งนี้สะท้อนถึงพฤติกรรมทางสังคมในเกม เช่น การสร้างความสัมพันธ์ การแบ่งปันข้อมูล หรือการแข่งขันเพื่อชัยชนะ
3. แนวคิดที่เชื่อมโยงกับพฤติกรรมมนุษย์
3.1 ความเป็นเจ้าของในโลกดิจิทัล โดย Jagat Coin Hunt สะท้อนถึงแนวคิดเกี่ยวกับการครอบครองในโลกดิจิทัล โดยผู้เล่นรู้สึกถึงความภาคภูมิใจในการสะสมเหรียญแม้ว่าจะไม่มีตัวตนจริง สิ่งนี้สอดคล้องกับแนวคิดเรื่อง “Digital Asset” หรือทรัพย์สินดิจิทัลที่มีมูลค่าในระบบเศรษฐกิจเสมือน
3.2 ความรู้สึกคุ้มค่า (Reward System) Jagat Coin Hunt ใช้ระบบรางวัลที่มองเห็นได้ (เหรียญ, คะแนน) เพื่อกระตุ้นความรู้สึกสำเร็จในตัวผู้เล่น แนวคิดนี้มาจาก จิตวิทยาพฤติกรรม (Behavioral Psychology) การให้รางวัลช่วยเสริมพฤติกรรมและทำให้ผู้เล่นมีความตั้งใจในการเล่นต่อไป
3.3 การเชื่อมโยงกับสังคมและชุมชน เกมช่วยสร้าง ชุมชนออนไลน์ ที่มีเป้าหมายร่วมกัน เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลเหรียญที่พบ หรือการช่วยเหลือกันในชุมชนผู้เล่น สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงพฤติกรรมของมนุษย์ที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
4. ศักยภาพของเกมในการสร้างผลกระทบ
4.1 การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในชีวิตจริง โดยการเดินทางเพื่อเก็บเหรียญใน Jagat Coin Hunt ส่งเสริม พฤติกรรมเชิงบวก เช่น การออกกำลังกายหรือการสำรวจสถานที่ใหม่ ๆ สิ่งนี้คล้ายกับแนวคิดที่ใช้ในเกมอย่าง Pokémon GO ซึ่งผลักดันให้ผู้เล่นมีส่วนร่วมในกิจกรรมในชีวิตจริง
4.2 การนำเกมมาประยุกต์ใช้ในสังคม โดย Jagat Coin Hunt อาจถูกนำไปใช้เพื่อ กระตุ้นพฤติกรรมในเชิงการศึกษา หรือ การสำรวจวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยออกแบบให้เหรียญหรือรางวัลเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม หรือธรรมชาติ
4.3 การวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรม นักพัฒนาเกมสามารถใช้ข้อมูลพฤติกรรมของผู้เล่น เช่น เส้นทางการเดิน การตัดสินใจ และวิธีการเล่น เพื่อวิเคราะห์ รูปแบบพฤติกรรมของมนุษย์ในโลกเสมือน
Jagat Coin Hunt จึงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของเกมตามล่าหาสมบัติในยุคดิจิทัล ที่สะท้อนและกระตุ้นพฤติกรรมมนุษย์ในมิติของการค้นหา การสะสม การแข่งขัน และการร่วมมือ เกมนี้ผสมผสานโลกจริงและโลกดิจิทัลเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ทำให้เกิดความรู้สึกผจญภัยและความสำเร็จที่มีผลต่อพฤติกรรมของมนุษย์
แม้ว่าเกมจะมีประโยชน์และข้อดีหลายด้าน แต่ก็มี ข้อเสีย หรือผลกระทบเชิงลบที่ควรพิจารณา โดยเฉพาะเกมที่เน้นการตามล่าหาสมบัติในรูปแบบเสมือนจริง เช่น Jagat Coin Hunt หรือเกมอื่น ๆ ในแนวเดียวกัน
1. ผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย
การใช้งานอุปกรณ์มากเกินไป ผู้เล่นอาจต้องใช้เวลาอยู่หน้าจอเป็นเวลานาน ส่งผลเสียต่อสายตา การนอนหลับ และการเคลื่อนไหวร่างกายที่ไม่สมดุล
อุบัติเหตุจากการเล่น เกมที่ใช้ระบบ GPS หรือโลกจริง เช่น Pokémon GO และ Jagat Coin Hunt อาจทำให้ผู้เล่นขาดสมาธิในขณะเดินทาง เช่น การเดินไปในพื้นที่อันตรายหรือประสบอุบัติเหตุ
2. ผลกระทบต่อสุขภาพจิต ดังเช่นความเครียดและความหงุดหงิด การไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในเกม อาจทำให้ผู้เล่นเกิดความเครียด หงุดหงิด หรือหมดกำลังใจ เกิดการเปรียบเทียบทางสังคม เพราะการแข่งขันกับผู้เล่นคนอื่นหรือการเปรียบเทียบผลลัพธ์ในเกมอาจสร้างความกดดันและลดความมั่นใจในตัวเอง
รวมถึงภาวะของเสพติดเกม (Gaming Addiction) หากผู้เล่นหมกมุ่นกับเกมมากเกินไป อาจกลายเป็นการเสพติด ส่งผลต่อชีวิตประจำวัน
3. ผลกระทบต่อพฤติกรรมทางสังคม เช่น การลดปฏิสัมพันธ์ในชีวิตจริง ผู้เล่นที่มุ่งเน้นการเล่นเกมอาจลดเวลาในการพูดคุยหรือทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวและเพื่อนในชีวิตจริง หรือพฤติกรรมแข่งขันเกินขอบเขตบางครั้งการแข่งขันในเกมอาจนำไปสู่พฤติกรรมไม่เหมาะสม เช่น การโกง หรือการแย่งพื้นที่ในโลกจริง
4. ปัญหาด้านการเงิน เช่น การใช้เงินในเกม (In-app Purchases) เกมบางเกมออกแบบให้ผู้เล่นต้องจ่ายเงินเพื่อเข้าถึงไอเทมหรือฟีเจอร์พิเศษ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเงิน โดยเฉพาะในผู้เล่นที่ไม่สามารถควบคุมการใช้จ่ายได้ รวมถึงการหลอกลวงทางออนไลน์ บางครั้งเกมที่มีระบบสะสมรางวัล เช่น เหรียญหรือสมบัติ อาจเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพหรือการแฮ็กบัญชี
5. ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน ดังเช่น การรบกวนสถานที่สาธารณะ: ผู้เล่นที่รวมกลุ่มจำนวนมากในสถานที่ต่าง ๆ อาจสร้างความวุ่นวายหรือรบกวนชุมชน เช่น การเข้าไปในพื้นที่ส่วนบุคคลหรือพื้นที่อันตรายฃ
6. การบิดเบือนวัฒนธรรมและค่านิยม ดังเช่นการสร้างค่านิยมที่ผิด บางเกมอาจมุ่งเน้นที่การแข่งขันหรือความสำเร็จในเชิงวัตถุมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อมุมมองของผู้เล่นเกี่ยวกับคุณค่าในชีวิต
7. ปัญหาด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยทางไซเบอร์ การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลฃ เกมที่ใช้ระบบ GPS หรือการเก็บข้อมูลการเคลื่อนไหวของผู้เล่น อาจนำไปสู่ปัญหาความเป็นส่วนตัวหากข้อมูลดังกล่าวถูกนำไปใช้อย่างไม่เหมาะสม รวมทั้งเรื่องภัยคุกคามทางไซเบอร์ เมื่อผู้เล่นอาจเผชิญกับการโจมตีทางไซเบอร์ เช่น การแฮ็กบัญชี การหลอกลวง หรือการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลไปในทางที่ไม่ถูกต้อง
8. การเสียสมดุลระหว่างเกมกับชีวิตจริง การบริหารเวลาไม่เหมาะสม เนื่องจากผู้เล่นบางคนอาจใช้เวลาในเกมมากเกินไปจนกระทบต่อการเรียน การทำงาน หรือชีวิตส่วนตัว รวมทั้งการละเลยความรับผิดชอบ การทุ่มเวลาและทรัพยากรในเกมอาจทำให้ผู้เล่นละเลยหน้าที่หรือความรับผิดชอบในชีวิตจริง
เกมเป็นสื่อที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขึ้นอยู่กับการออกแบบ การเล่น และบริบทของผู้เล่น การเข้าใจข้อเสียเหล่านี้จะช่วยให้ผู้พัฒนาและผู้เล่นสามารถลดผลกระทบเชิงลบ และใช้ประโยชน์จากเกมในแง่มุมที่สร้างสรรค์และพัฒนาสังคมได้มากขึ้น
เข้านี้หลังจากตื่นนอน อยากเขียนการนอนในมิติทางมานุษยวิทยากับนักมานุษยวิทยา... ผมเริ่มต้นกับการลองตั้งคำถามเพื่อหาความรู้เกี่ยวกับการนอนว่า อะไรคือการนอน ทำไมต้องนอน นอนที่ไหน นอนเมื่อไหร่ นอนอย่างไร นอนกับใคร นอนเพื่ออะไรและอื่นๆ..เพื่อจะได้รู้ความสัมพันธ์ของการนอนในมิติต่างๆ การนอนของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆแตกต่างจากมนุษย์หรือไม่ หากเปรียบเทียบการนอนของ มนุษย์กับสัตว์สปีชี่ส์อื่นมีการนอนต่างกันหรือเหมือนดันอย่างไร ตัวอย่างเช่น ยีราฟจะนอนครั้งละ 10 นาที รวมระยะเวลานอนทั้งหมด 4.6 ชั่วโมงต่อวัน สัตว์จำพวกค้างคาว และเม่นมีการนอนมากกว่าสัตว์อื่นๆเพราะใช้เวลานอน 17-20ชั่วโมงต่อวัน สำหรับมนุษย์ การนอนคือส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในประสบการณ์ของมนุษย์ การสำรวจการนอนข้ามวัฒนธรรมน่าจะทำให้เราเข้าใจความหมายและปฎิบัติการของการนอนที่มีความซับซ้อนมากขึ้น.. การนอนอาจจะเป็นเรื่องของทางเลือก แต่เป็นทางเลือกที่อาจถูกควบคุมบังคับ โดยโครงสร้างทางสังคมวัฒนธรรม นอนเมื่อไหร่ นอนเท่าไหร่ นอนที่ไหน นอนอย่างไร และนอนกับใคร.. ในสังคมตะวันตก อุดมคติเก...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น