ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

The Right of Necesssity: สิทธิของความจำเป็นและจักรวาลนิยมทางศีลธรรมโดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

หนังสือ The Right of Necessity: Moral Cosmopolitanism and Global Poverty โดย Alejandra Mancilla เป็นงานที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับความจำเป็นพื้นฐานในการมีชีวิตอยู่และการมีทรัพยากรขั้นต่ำในการดำรงชีพ โดย Mancilla เน้นถึงแนวคิดเรื่อง moral cosmopolitanism หรือ “จักรวาลนิยมทางศีลธรรม” ซึ่งมองว่ามนุษย์ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในด้านพื้นฐานที่จำเป็น โดยไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ ชาติพันธุ์ หรือสถานะทางสังคม แนวคิดหลักที่ Mancilla ใช้มีความน่าสนใจอย่างมาก เธอเสนอแนวคิดว่าในสถานการณ์ที่มีความจำเป็นรุนแรง เช่น เมื่อบุคคลขาดแคลนอาหาร น้ำดื่ม หรือที่พักอาศัย ควรมีสิทธิในการเข้าถึงทรัพยากรเหล่านั้นโดยชอบธรรม แนวคิดนี้เกี่ยวข้องกับคำว่า Right of Necessity ซึ่งเป็นสิทธิที่มนุษย์ทุกคนควรได้รับในยามขาดแคลนขั้นพื้นฐาน โดยใช้กรอบการวิเคราะห์ทางศีลธรรมที่เชื่อมโยงกับแนวคิดจักรวาลนิยม Mancilla ได้สำรวจประเด็นของสิทธิและความจำเป็นพื้นฐานของมนุษย์ในบริบทของความยากจนระดับโลก ผ่านแนวคิดจักรวาลนิยมทางศีลธรรม (moral cosmopolitanism) โดยเสนอให้พิจารณาคำถามทางศีลธรรมเกี่ยวกับสิทธิในการใช้ทรัพยากรและการกระจายทรัพยากรเมื่อผู้คนต้องการความช่วยเหลือในสถานการณ์ที่จำเป็น เช่น ในภาวะยากจนหรือเมื่อชีวิตกำลังตกอยู่ในอันตราย แนวคิดของ Mancilla มีรากฐานมาจากแนวทางของจักรวาลนิยมทางศีลธรรมที่เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนควรมีสิทธิเข้าถึงทรัพยากรพื้นฐานเพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี Right of Necessity หรือ “สิทธิแห่งความจำเป็น” จึงเป็นแนวคิดที่ว่ามนุษย์มีสิทธิในการเข้าถึงสิ่งจำเป็นโดยชอบธรรมเมื่อขาดแคลน เช่น อาหาร น้ำ และที่พักอาศัย โดยไม่ต้องคำนึงถึงขอบเขตทางภูมิศาสตร์หรือสถานะทางสังคม แนวคิดนี้กระตุ้นให้เกิดการพิจารณาเชิงจริยธรรมที่ก้าวข้ามพรมแดนและระบบเศรษฐกิจแบบดั้งเดิม และเรียกร้องให้ประเทศและสถาบันต่าง ๆ มีบทบาทในการแบ่งปันทรัพยากรอย่างเท่าเทียมมากขึ้น Mancilla ชี้ให้เห็นว่าสิทธินี้ควรได้รับการยอมรับในระดับสากล แม้จะมีข้อขัดแย้งหรือข้อถกเถียงเกี่ยวกับกฎหมายและอธิปไตยของแต่ละรัฐ เธอเสนอว่าการดำเนินการในลักษณะนี้จะช่วยลดความทุกข์ยากของผู้ที่อยู่ในสถานการณ์ยากลำบากทั่วโลก และสร้างความยุติธรรมในระดับโลกมากขึ้น Mancilla ยกตัวอย่างสถานการณ์ความยากจนทั่วโลกที่ประชากรบางส่วนถูกกีดกันจากทรัพยากรพื้นฐาน เช่น การขาดแคลนน้ำสะอาดและอาหาร หรือการเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่จำเป็น โดยเสนอว่าหากมีการแบ่งปันทรัพยากรในระดับโลกตามแนวคิดจักรวาลนิยม มนุษย์ทุกคนจะสามารถมีสิทธิในทรัพยากรเหล่านี้อย่างยุติธรรม The Right of Necessity ของ Mancilla นำเสนอแนวคิดที่ท้าทายให้พิจารณาการกระจายทรัพยากรในระดับโลก โดยเน้นให้เห็นว่าการจัดการทรัพยากรพื้นฐานในยามวิกฤตและความจำเป็นเป็นเรื่องของสิทธิมนุษยชนที่ควรได้รับการยอมรับ ตัวอย่างเชิงรูปธรรมในหนังสือ Right of Necessity จาก The Right of Necessity ของ Alejandra Mancilla ในผลกระทบเชิงจริยธรรม มีหลายประเด็นอาทิเช่น 1. การอยู่อาศัยในที่ดินรกร้างหรืออาคารร้าง ในกรณีที่บุคคลหรือครอบครัวไม่มีที่อยู่อาศัยและต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่รุนแรง การบุกรุกที่ดินรกร้างหรืออาคารที่ไม่ได้ใช้งานอาจถือเป็นการละเมิดสิทธิในสถานการณ์ปกติ แต่จากมุมมองของ Right of Necessity การกระทำนี้เป็นการปกป้องชีวิตในยามจำเป็น บุคคลเหล่านี้จึงควรมีสิทธิใช้ที่พักชั่วคราวในสถานที่เหล่านี้จนกว่าพวกเขาจะหาทางเลือกอื่นได้ 2. การเข้าไปในร้านเพื่อขอความช่วยเหลือด้านอาหารและสิ่งจำเป็นในภาวะฉุกเฉิน โดยเฉพาะในช่วงภัยพิบัติ เช่น ภัยแล้งหรือเหตุการณ์ทางธรรมชาติที่ทำลายทรัพยากรของชุมชน Mancilla ชี้ให้เห็นว่าผู้ที่ขาดแคลนอาหารและน้ำควรได้รับสิทธิในการเข้าถึงอาหารในร้านค้าหรือโกดังที่มีทรัพยากรอยู่ โดยไม่มีข้อจำกัดทางการเงิน การแบ่งปันทรัพยากรเหล่านี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและเพิ่มความยุติธรรมในยามวิกฤต 3. การดูแลสุขภาพในกรณีฉุกเฉินที่ไม่สามารถชำระค่ารักษาได้ ซึ่งในบางประเทศ ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลสูงมาก และไม่ครอบคลุมโดยระบบประกันสังคม ในกรณีที่บุคคลอยู่ในภาวะฉุกเฉินที่เสี่ยงต่อชีวิต เช่น การติดเชื้อร้ายแรง Mancilla เสนอว่าผู้ป่วยควรได้รับสิทธิในการรักษาโดยไม่มีเงื่อนไขทางการเงิน เพื่อให้พวกเขาสามารถเข้าถึงการรักษาที่จำเป็นและมีคุณภาพ 4. การใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญในพื้นที่ที่มีข้อจำกัด ในหลายพื้นที่ที่ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำและอาหาร ถูกควบคุมโดยรัฐบาลหรือบริษัทเอกชน Mancilla ยืนยันว่าในยามขาดแคลน ชุมชนท้องถิ่นควรมีสิทธิในการเข้าถึงทรัพยากรเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น ในช่วงที่ชาวบ้านประสบภาวะแห้งแล้ง พวกเขาควรมีสิทธิใช้น้ำจากแหล่งน้ำที่ถูกควบคุมโดยภาคเอกชนโดยไม่มีค่าใช้จ่ายฃ 5. การใช้ที่ดินในการปลูกพืชอาหารในกรณีขาดแคลนอาหาร เมื่อประชากรบางส่วนประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างหนัก Mancilla มองว่าผู้ที่ไม่มีที่ดินทำกินควรได้รับสิทธิในการใช้พื้นที่รกร้างเพื่อปลูกพืชที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตโดยไม่ต้องเสียค่าที่ดิน ในกรณีเช่นนี้ การใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสมถือเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาในเชิงจริยธรรม 6. การขโมยอาหารในยามอดอยาก ในสถานการณ์ที่คนต้องเผชิญกับความหิวโหยหรือการขาดแคลนอาหาร Mancilla ชี้ให้เห็นว่าคนเหล่านี้ควรได้รับสิทธิในทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชน หากพวกเขาต้องขโมยอาหารเพื่อความอยู่รอด การกระทำนี้ควรได้รับการพิจารณาในเชิงจริยธรรมที่แตกต่างจากการขโมยในสถานการณ์ปกติ โดยมองว่าการทำเช่นนี้เป็นสิทธิโดยชอบธรรมเพื่อรักษาชีวิต 7.การเข้าถึงน้ำสะอาดในพื้นที่ที่ขาดแคลน ในบางประเทศ การเข้าถึงน้ำสะอาดมีราคาแพงและมีข้อจำกัด Mancilla เสนอว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ประชาชนในพื้นที่ที่ยากจนควรได้รับสิทธิในการใช้น้ำสะอาดโดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายในยามขาดแคลน และควรได้รับการจัดสรรทรัพยากรอย่างเท่าเทียม 8. การรักษาพยาบาลที่จำเป็นในสถานการณ์ฉุกเฉิน Mancilla ยังกล่าวถึงกรณีการเข้าถึงการรักษาพยาบาลในสถานการณ์ที่อันตรายถึงชีวิต ในบางประเทศที่มีระบบสุขภาพแบบเอกชนหรือจำกัดการเข้าถึง ผู้ที่ไม่สามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลควรได้รับสิทธิในบริการที่จำเป็นอย่างเร่งด่วนตามแนวคิด Right of Necessity โดยไม่ถูกกีดกันเพราะขาดทรัพยากรทางการเงิน หนังสือ The Right of Necessity ชวนให้ผู้อ่านมองสิทธิมนุษยชนในมุมมองที่กว้างและลึกขึ้น และพิจารณาความยุติธรรมทางสังคมที่มุ่งเน้นการช่วยเหลือผู้ที่ขาดแคลนในระดับสากล หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจประเด็นทางศีลธรรมเกี่ยวกับความยากจนทั่วโลกและความจำเป็นในการสร้างระบบที่ช่วยให้ทุกคนสามารถดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ โดยเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าความยุติธรรมทางสังคมและสิทธิมนุษยชนควรมีความหมายในระดับโลก

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การนอน มานุษยวิทยาและนักมานุษยวิทยา โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

 เข้านี้หลังจากตื่นนอน อยากเขียนการนอนในมิติทางมานุษยวิทยากับนักมานุษยวิทยา...    ผมเริ่มต้นกับการลองตั้งคำถามเพื่อหาความรู้เกี่ยวกับการนอนว่า อะไรคือการนอน ทำไมต้องนอน นอนที่ไหน นอนเมื่อไหร่ นอนอย่างไร นอนกับใคร นอนเพื่ออะไรและอื่นๆ..เพื่อจะได้รู้ความสัมพันธ์ของการนอนในมิติต่างๆ การนอนของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆแตกต่างจากมนุษย์หรือไม่    หากเปรียบเทียบการนอนของ มนุษย์กับสัตว์สปีชี่ส์อื่นมีการนอนต่างกันหรือเหมือนดันอย่างไร ตัวอย่างเช่น ยีราฟจะนอนครั้งละ 10 นาที รวมระยะเวลานอนทั้งหมด 4.6 ชั่วโมงต่อวัน สัตว์จำพวกค้างคาว และเม่นมีการนอนมากกว่าสัตว์อื่นๆเพราะใช้เวลานอน 17-20ชั่วโมงต่อวัน    สำหรับมนุษย์ การนอนคือส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในประสบการณ์ของมนุษย์ การสำรวจการนอนข้ามวัฒนธรรมน่าจะทำให้เราเข้าใจความหมายและปฎิบัติการของการนอนที่มีความซับซ้อนมากขึ้น..     การนอนอาจจะเป็นเรื่องของทางเลือก แต่เป็นทางเลือกที่อาจถูกควบคุมบังคับ โดยโครงสร้างทางสังคมวัฒนธรรม นอนเมื่อไหร่ นอนเท่าไหร่ นอนที่ไหน นอนอย่างไร และนอนกับใคร..     ในสังคมตะวันตก อุดมคติเก...

Biomedical Model และ Bio-Psycho-social Mode

(1)        อะไรคือ Biomedical Model และ Bio-Psycho-social Model ? แนวคิดแบบจำลองทางชีวะการแพทย์ ( Biomeaical Model ) เริ่มต้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ที่ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์มีการพัฒนาอย่างเติบโตรวดเร็วและกว้างขวาง การค้นพบเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยอย่างกล้องจุลทรรศน์ ทำให้มนุษย์ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น แม้แต่สิ่งที่เล็กที่สุดในร่างกายของมนุษย์ รวมถึงเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมต่างๆที่เข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่แพทย์ใช้วินิจฉัยสาเหตุของโรคและความเจ็บป่วย แบบจำลองนี้ ดังนั้นแบบจำลองนี้เสนอว่า โรคหรือความผิดปกติทางกาย( Physiology )ซึ่งเกิดจากการบาดเจ็บ ความผิดปกติของพันธุกรรม ( Abnomal Genetics ) ความไม่สมดุลทางชีวะเคมี ( Biochemistry ) เรื่องของพยาธิวิทยา ( Pathology )   แบคทีเรีย หรือไวรัส หรือสิ่งอื่นๆที่คล้ายคลึงกันที่นำไปสู่การติดเชื้อและความเจ็บป่วยของมนุษย์ ซึ่งแนวคิดดังกล่าวนี้ไม่ได้อธิบายบทบาทของปัจจัยทางสังคม( The role of Social factors )หรือความคิดของปัจเจกบุคคล  ( Individual Subjectivity ) โดยแบบจำลองทางชีวะ...

เฟอร์ดิน็องต์ เดอร์ โซซูร์

เฟอร์ดิน็องต์ เดอร์ โซซูร์ (1857-1923) นักภาษาศาสตร์ชาวสวิสเซอร์แลนด์ เป็นผู้มีบทบาทอย่างสำคัญในประวัติศาสตร์ของพวกโครงสร้างนิยม   ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสัญวิทยาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของ เลวี่ สเตร๊าท์ (Levi-Strauss) ชาร์ค ลากอง (Jacques Lacan) และ โรล็องต์ บาร์ธ (Roland Barthes) รวมถึง มิเชล ฟูโก้ (Micheal Foucault) ที่ได้กลับมาวางรางฐานและปฎิเสธเกี่ยวกับโครงสร้างนิยม ภายใต้ทิศทางใหม่ของหลังโครงสร้างนิยม (Post-Structuralism) ในคำบรรยายเริ่มแรกของเขาที่มหาวิทยาลัยเจนีวา ในช่วงปี 1906-1911 และการตีพิมพ์โครงร่างงานของเขาที่เขียนไว้ และคำบรรยายของเขาที่ลูกศิษย์ได้รวบรวมไว้ ภายหลังการมรณกรรมของเขาเมื่อปี 1915-1916   ภายใต้ชื่อ Course de linguistique   Generale ซึ่งถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษและเผยแพร่ในยุโรป ภายใต้ชื่อ Course in general linguistic ในปี 1960 เขาได้นำเสนอความคิดว่า การศึกษาภาษาศาสตร์ในปัจจุบัน สามารถศึกษาได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ซึ่งน่าจะได้รับอิทธิพลจากอีมิล เดอร์ไคม์ (Emile D...