นักเรียนมานุษยวิทยา ต้องเคยอ่านงานของ Victor Turner ในงานวิเคราะห์พิธีกรรมและสัญลักษณ์ของเขา ใน หนังสือ Ritual Process กับ Forest Symbol..ผมรู้จักครั้งแรกในงานของ อ.พัฒนา กิติอาษา และอาจารย์ สุริยา สมุทคุปติ์ ในเรื่อง บุญบุ่้งไฟ และเรื่องอื่นๆของอาจารย์ ที่ศึกษาเกี่ยวกับพิธีกรรม งานบุญในอีสาน จนกระทั่งมาเรียนต่อป.โท สังคมวิทยาและมานุษยวิทยาที่ธรรมศาสตร์ ได้อ่านเรื้องนี้อีกครั้ง และชื่นชอบวิธีคิดขอฃTurner มาก โดยเฉพาะเล่มที่ผมจะพูดถึงต่อไปนี้
หนังสือเรื่อง The Forest of Symbols: Aspects of Ndembu Ritual (1967) โดย Victor Turner เป็นหนังสือที่ศึกษาพิธีกรรมและสัญลักษณ์ในวัฒนธรรมของชาว Ndembu ซึ่งเป็นชนพื้นเมือง ชนกลุ่มย่อยในประเทศแซมเบีย โดย Turner ใช้แนวคิด "การวิเคราะห์เชิงสัญลักษณ์" (symbolic analysis) เพื่อทำความเข้าใจสังคมและวัฒนธรรมของชาว Ndembu ผ่านพิธีกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนสถานะทางสังคม (rites of passage) เช่น พิธีเข้าสู่วัยหนุ่มสาวหรือพิธีเปลี่ยนผ่านในชีวิตที่สำคัญ
สาระสำคัญของหนังสือเล่มนี้ ที่มีความน่าสนใจ เช่น
1. สัญลักษณ์ในพิธีกรรม (Symbolism in Rituals)
Turner วิเคราะห์ว่าสัญลักษณ์ในพิธีกรรมไม่ได้มีความหมายเดี่ยว ๆ แต่มีความหลากหลายขึ้นอยู่กับบริบท ตัวอย่างเช่น ในพิธีกรรมของ Ndembu ต้นไม้มักเป็นสัญลักษณ์สำคัญ เช่น ต้นไม้สีแดงอาจสื่อถึงเลือดและการเกิดใหม่ ในขณะที่ต้นไม้สีขาวอาจสื่อถึงความบริสุทธิ์และความตาย สัญลักษณ์เหล่านี้ถูกใช้ในหลายบริบทในพิธีกรรมเพื่อแสดงความหมายที่ซับซ้อน
2. สภาวะ Liminality (ภาวะช่วงกลาง ภาวะก้ำๆกึ่งๆ)
Turner ใช้แนวคิดจาก Arnold van Gennep เรื่อง "liminality" หรือ "ช่วงกลาง" เพื่ออธิบายขั้นตอนที่บุคคลอยู่ในสถานะไม่เป็นผู้มีสถานะเดิมหรือสถานะใหม่ เช่น ในพิธีกรรมเข้าสู่วัยหนุ่มสาวของ Ndembu บุคคลจะถูกแยกออกจากสังคม และเข้าสู่สถานะ liminality ซึ่งเป็นช่วงที่บุคคลไม่ได้เป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ โดยในช่วงนี้บุคคลจะต้องทำพิธีกรรมหลายขั้นตอนเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่สถานะใหม่
3. แนวคิด Communitas (ความสัมพันธ์เท่าเทียมในสังคม)
Turner อธิบายว่าในช่วง liminality มักเกิดภาวะที่เรียกว่า "communitas" ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ในกลุ่มที่เท่าเทียมกัน โดยไม่มีการแบ่งชนชั้นหรือสถานะทางสังคม เช่น ในพิธีกรรมที่ทุกคนในสังคมมีส่วนร่วม บุคคลทุกคนไม่ว่าจะมีสถานะสูงหรือต่ำก็จะถูกมองว่าเท่าเทียมกัน ซึ่ง communitas นี้ถือเป็นช่วงเวลาที่สังคมเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด
4. การวิเคราะห์พิธีกรรมของชาว Ndembu
Turner ใช้กรณีศึกษาของพิธีกรรม Ndembu เช่น พิธีกรรมรักษาโรค และพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับความอุดมสมบูรณ์ของดินและพืชผล ตัวอย่างเชิงรูปธรรมที่เด่นชัดคือ **พิธีกรรมการรักษาโรค Chihamba** ซึ่งชาว Ndembu เชื่อว่าการเจ็บป่วยมีสาเหตุมาจากการละเมิดสัญลักษณ์หรือสัญญากับบรรพบุรุษ พิธีกรรมนี้ใช้สัญลักษณ์ของธรรมชาติ เช่น ต้นไม้หรือสมุนไพรเพื่อเป็นตัวแทนของการรักษา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเชื่อมโยงระหว่างสัญลักษณ์และการรักษาทางจิตวิญญาณ
5.แนวคิดสำคัญในการวิเคราะห์สัญลักษณ์ที่เรียกว่า emotional and instrumental meaning ซึ่งถูกนำมาใช้ในการทำความเข้าใจบทบาทของสัญลักษณ์ในพิธีกรรมและวัฒนธรรม โดยแนวคิดนี้อธิบายถึงความหมายสองมิติที่สัญลักษณ์มีในบริบททางสังคม ซึ่ง Turner เชื่อว่าการทำความเข้าใจสัญลักษณ์จะต้องมองทั้งด้านความรู้สึก (emotional) และด้านหน้าที่การทำงาน (instrumental) อย่างครบถ้วน
ในด้าน Emotional Meaning (ความหมายเชิงอารมณ์) โดย Turner เชื่อว่าสัญลักษณ์ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่สื่อความหมายในเชิงตรรกะ แต่ยังมีความสามารถในการกระตุ้นอารมณ์และความรู้สึกของผู้คนที่มีส่วนร่วมในพิธีกรรม สัญลักษณ์ในพิธีกรรมมักมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงผู้เข้าร่วมกับความรู้สึกที่ลึกซึ้ง เช่น ความศรัทธา ความกลัว ความเคารพ หรือการรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ในบริบทนี้ สัญลักษณ์จะกระตุ้นอารมณ์และสร้างความรู้สึกที่เป็นหนึ่งเดียวกันในกลุ่มบุคคล ตัวอย่างเช่น สีแดงในพิธีกรรมของชาว Ndembu สามารถกระตุ้นความรู้สึกที่เกี่ยวข้องกับการเกิดใหม่และการเปลี่ยนแปลง ซึ่งทำให้ผู้เข้าร่วมรู้สึกว่าตนกำลังเผชิญกับช่วงเวลาสำคัญของชีวิต หรือในพิธี Mukanda การบาดเจ็บหรือการเสียเลือดของเด็กชายที่เข้าพิธีทำให้เกิดความรู้สึกของความกล้าหาญและความแข็งแกร่ง ซึ่งส่งผลต่ออารมณ์ของทั้งเด็กที่เข้าพิธีและผู้ที่มาร่วมพิธี
ในด้าน Instrumental Meaning (ความหมายเชิงหน้าที่) Turner อธิบายว่าสัญลักษณ์ในพิธีกรรมยังมีความหมายเชิงหน้าที่ (instrumental) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทำงานหรือบทบาทที่สัญลักษณ์มีต่อสังคม สัญลักษณ์เหล่านี้ไม่ได้เพียงกระตุ้นอารมณ์เท่านั้น แต่ยังมีฟังก์ชันที่เกี่ยวข้องกับการจัดระเบียบทางสังคม การสร้างหรือเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม และการทำให้สังคมทำงานได้อย่างราบรื่น ตัวอย่างเช่น ในพิธีกรรม Isoma ที่ใช้สัญลักษณ์เกี่ยวกับน้ำและดิน น้ำไม่ได้เป็นเพียงสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และความอุดมสมบูรณ์ในเชิงอารมณ์เท่านั้น แต่ยังมีหน้าที่ในการรักษาภาวะการมีบุตรยาก น้ำจึงเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้เพื่อฟื้นฟูความสมดุลทั้งทางร่างกายและทางจิตวิญญาณ
ในพิธี Chihamba หน้ากากและการแสดงพิธีกรรมมีฟังก์ชันเชิงหน้าที่ในการขับไล่วิญญาณร้าย และช่วยฟื้นฟูความสมดุลในชีวิตของผู้ป่วย ดังนั้นการประสานระหว่าง Emotional และ Instrumental Meaning:
Turner ชี้ให้เห็นว่าสัญลักษณ์ในพิธีกรรมมีลักษณะสองมิตินี้ทำงานร่วมกันเสมอ ความหมายเชิงอารมณ์ทำให้สัญลักษณ์มีพลังในการสร้างความรู้สึกลึกซึ้งและสร้างความเชื่อมโยงกับผู้คน ในขณะที่ความหมายเชิงหน้าที่ช่วยให้สังคมสามารถปรับตัวและรักษาความเป็นระเบียบได้ผ่านพิธีกรรมและสัญลักษณ์ ตัวอย่างเช่น ในพิธีกรรมเข้าสู่วัยหนุ่มสาวของชาว Ndembu (Mukanda) การใช้สัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บปวด (การทำร้ายร่างกาย) สามารถกระตุ้นความรู้สึกถึงการเติบโตและการเปลี่ยนแปลง (emotional meaning) ในขณะเดียวกัน พิธีกรรมนี้ยังมีหน้าที่ในการประกาศให้เด็กชายกลายเป็นผู้ใหญ่ในสังคม ซึ่งเป็นการยืนยันสถานะทางสังคมใหม่ (instrumental meaning)
ดังนั้น แนวคิด emotional and instrumental meaning ของ Victor Turner ช่วยให้เราเข้าใจว่าสัญลักษณ์ในพิธีกรรมไม่ได้มีความหมายแบบผิวเผินเท่านั้น แต่ยังทำงานในเชิงลึกที่เชื่อมโยงกับทั้งอารมณ์และหน้าที่ทางสังคม
ในหนังสือ The Forest of Symbols ของ Victor Turner มีตัวอย่างเชิงรูปธรรมที่น่าสนใจจากพิธีกรรมและสัญลักษณ์ของชาว Ndembu หลายประการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นการทำงานของสัญลักษณ์ในสังคม Ndembu อย่างชัดเจน ตัวอย่างเชิงรูปธรรม ที่สำคัญในงานมีดังนี้
1. พิธีกรรม Mukanda (พิธีกรรมเข้าสู่วัยหนุ่มสาว)
ในพิธี Mukanda เด็กชาย Ndembu ที่กำลังจะเข้าสู่วัยผู้ใหญ่จะถูกแยกออกจากครอบครัวและถูกนำไปยังป่าที่ห่างไกล ซึ่งที่นั่นพวกเขาจะต้องผ่านการทดสอบทางร่างกายและจิตใจมากมาย เช่น การทนต่อความเจ็บปวดทางร่างกายและการได้รับการสอนเรื่องความรับผิดชอบในฐานะผู้ใหญ่ โดยสัญลักษณ์ที่ใช้ในพิธี Mukanda เช่น การปลูกต้นไม้เป็นตัวแทนของการเกิดใหม่ทางสังคม และเลือดจากการตัดหนังหุ้มปลายเป็นสัญลักษณ์ของการทิ้งวัยเด็กและการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะผู้ใหญ่
2. พิธีกรรมเกี่ยวกับ ต้นไม้ Mukula (ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์)
Turner ให้ความสำคัญกับการศึกษาต้นไม้ Mukula ซึ่งเป็นต้นไม้ที่ถูกใช้ในหลายพิธีกรรมของ Ndembu ต้นไม้ Mukula มีความหมายหลายด้าน เช่น ความอุดมสมบูรณ์ การรักษา และการติดต่อกับวิญญาณบรรพบุรุษ ในพิธีกรรมบางอย่าง ผู้ป่วยจะถูกนำไปนั่งใต้ต้นไม้ Mukula เพื่อรับพลังรักษาจากธรรมชาติ และในอีกบริบทหนึ่ง ต้นไม้ Mukula ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของการสืบทอดและความอุดมสมบูรณ์ของสังคม
3. พิธีกรรม Isoma (พิธีกรรมรักษาความอุดมสมบูรณ์ของมดลูก)
พิธีกรรม Isoma เป็นพิธีที่ทำเพื่อรักษาภาวะการมีบุตรยากในผู้หญิง โดยเชื่อว่าผู้หญิงที่ไม่สามารถมีบุตรได้เป็นเพราะความขัดแย้งภายในครอบครัว หรือการละเมิดกฎเกณฑ์ของบรรพบุรุษ พิธีนี้ใช้สัญลักษณ์หลายอย่างที่สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์และการเกิดใหม่ เช่น การใช้ดินและน้ำเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการปลูกและการเจริญเติบโต ซึ่งตัวอย่างสัญลักษณ์ในพิธี Isoma ที่Victor Turner วิเคราะห์ไว้อย่างน่าสนใจ
ในพิธีนี้ ผู้หญิงจะถูกนำไปที่สระน้ำซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของมดลูกและน้ำคร่ำ จากนั้นหมอผีหรือผู้นำทางจิตวิญญาณจะนำผู้หญิงผ่านพิธีกรรมหลายขั้นตอน เช่น การอาบน้ำในสระนั้นเพื่อชำระล้างความผิดพลาดและเพื่อให้ความอุดมสมบูรณ์กลับมา นอกจากนี้ ยังมีการใช้รากไม้และสมุนไพรที่ถือว่าเป็นยาที่ช่วยในการรักษาโรคทางจิตใจและทางร่างกาย ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมโยงระหว่างธรรมชาติกับความอุดมสมบูรณ์ของผู้หญิง
4. พิธีกรรมการรักษาโรค Chihamba (พิธีกรรมรักษาทางจิตวิญญาณ)
Chihamba เป็นพิธีกรรมที่ใช้เพื่อรักษาผู้ป่วยที่เชื่อว่าถูกวิญญาณหรือพลังอาถรรพ์ทำร้าย ชาว Ndembu เชื่อว่าการเจ็บป่วยบางประเภทไม่ได้เกิดจากเหตุผลทางกายภาพเพียงอย่างเดียว แต่เกี่ยวข้องกับพลังเหนือธรรมชาติหรือการละเมิดกฎทางจิตวิญญาณ โดยพิธีกรรม Chihamba จะประกอบไปด้วยสัญลักษณ์ที่ซับซ้อนเพื่อขับไล่วิญญาณร้ายและฟื้นฟูสมดุลทางจิตวิญญาณ โดยตัวอย่างสัญลักษณ์ในพิธี Chihamba ที่Victor Turner ใช้คือ หน้ากากที่ใช้ในพิธี Chihamba ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญ หน้ากากเหล่านี้ถูกสวมใส่โดยผู้ที่ทำพิธีและเป็นตัวแทนของวิญญาณบรรพบุรุษ หน้ากากไม่ได้มีความหมายเพียงแค่การปิดบังใบหน้า แต่เป็นสื่อกลางในการสื่อสารกับวิญญาณและขับไล่พลังลบออกจากร่างกายของผู้ป่วย นอกจากนี้ยังมีการใช้สีในพิธี เช่น สีขาวเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และการฟื้นฟู และสีดำเป็นสัญลักษณ์ของความตายหรือความมืดของพลังที่ต้องถูกขับออกไป
5.พิธีกรรม Kaluza (พิธีกรรมการประกาศความเป็นผู้ใหญ่ของเด็กผู้หญิง)
พิธี Kaluza เป็นพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ของเด็กผู้หญิง ซึ่งพิธีนี้มักจะจัดขึ้นเมื่อเด็กผู้หญิงมีประจำเดือนครั้งแรก โดยการมีประจำเดือนถือว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญที่เด็กหญิงจะต้องได้รับการเตรียมตัวสำหรับการเป็นผู้ใหญ่ในชุมชน ตัวอย่างสัญลักษณ์ในพิธี Kaluza ก็คือ ในพิธีนี้ เด็กผู้หญิงจะถูกแยกออกจากสังคมในช่วงเวลาหนึ่งเพื่อเรียนรู้บทบาทของผู้หญิงผู้ใหญ่ ซึ่งมีการใช้สัญลักษณ์เช่น "กิ่งไม้" ที่สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์และการเจริญเติบโต กิ่งไม้เหล่านี้มักจะถูกประดับบนศีรษะของเด็กผู้หญิงหรือถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมเพื่อแสดงถึงการเริ่มต้นชีวิตในฐานะผู้ใหญ่ นอกจากนี้ยังมีการใช้ "น้ำ" ในการชำระล้างร่างกาย ซึ่งน้ำถือเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และการเริ่มต้นชีวิตใหม่
6. พิธีกรรม Nkang’a (พิธีกรรมเตรียมความพร้อมของเจ้าสาว)โดยพิธี Nkang’a ถือเป็นพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมตัวเจ้าสาวก่อนการแต่งงาน ซึ่งพิธีนี้มีความสำคัญในวัฒนธรรม Ndembu เนื่องจากการแต่งงานถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงสถานะทางสังคมของผู้หญิง
ตัวอย่างสัญลักษณ์ในพิธี Nkang’a ที่น่าสนใจคือหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของพิธีนี้คือ "ผ้า" หรือ "เครื่องแต่งกาย" ที่เจ้าสาวจะต้องสวมใส่ ผ้าหรือเสื้อผ้าที่ใช้ในพิธีมักถูกประดับด้วยลวดลายที่สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์และการคุ้มครองของบรรพบุรุษ นอกจากนี้ ยังมีการใช้ "ไข่" ในบางกรณี ซึ่งไข่ถือเป็นสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่และความอุดมสมบูรณ์ทางเพศ
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างในงานของ Turner คือ ความหมายของสีแดงในพิธีกรรม สีแดงในพิธีกรรมของชาว Ndembu ที่ Victor Turner ศึกษาใน The Forest of Symbols ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่มีความหมายหลายระดับ ซึ่งมีความสำคัญต่อการสื่อสารทางวัฒนธรรมและพิธีกรรมเป็นอย่างมาก โดยสีแดงมักถูกนำมาใช้ในบริบทต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลง การเกิดใหม่ และการเชื่อมโยงกับพลังทางจิตวิญญาณ
1. สีแดงเป็นสัญลักษณ์ของเลือดและการเกิดใหม่
เลือดเป็นสิ่งที่มักจะถูกเชื่อมโยงกับการเกิด การตาย และการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย สีแดงจึงเป็นสัญลักษณ์ของการเจริญเติบโตใหม่ หรือการเกิดใหม่ในพิธีกรรมของชาว Ndembu ตัวอย่างเช่น ในพิธีกรรมของผู้หญิงที่เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ สีแดงอาจสื่อถึงประจำเดือน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่และการเข้าสู่สถานะผู้หญิงอย่างสมบูรณ์
2. สีแดงเป็นสัญลักษณ์ของความเจ็บปวดและการเสียสละ
สีแดงในบางพิธีกรรมยังสื่อถึงความเจ็บปวดและการเสียสละ ตัวอย่างเช่น ในพิธีกรรมเข้าสู่วัยหนุ่มสาว (Mukanda) การที่เด็กชายต้องเผชิญกับการบาดเจ็บทางร่างกายเพื่อแสดงถึงความแข็งแกร่งและความพร้อมในการเป็นผู้ใหญ่ สีแดงของเลือดที่ไหลออกมาในพิธีนี้จึงเป็นสัญลักษณ์ของความทนทานและการเสียสละในกระบวนการเปลี่ยนสถานะทางสังคม
3. สีแดงเป็นสัญลักษณ์ของพลังชีวิตและพลังจิตวิญญาณซึ่งสีแดงยังถูกเชื่อมโยงกับพลังชีวิต (vitality) และพลังจิตวิญญาณ (spiritual power) ในบางพิธีกรรม เช่น พิธีกรรมการรักษาโรค (Chihamba) ที่สีแดงอาจถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ในการขับไล่พลังชั่วร้าย และนำพลังชีวิตกลับคืนสู่ผู้ป่วย สีแดงในบริบทนี้จึงแสดงถึงพลังที่ช่วยให้เกิดความฟื้นฟูทางจิตใจและร่างกาย
ตัวอย่างการใช้สีแดงในพิธีกรรม Isoma ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาภาวะการมีบุตรยาก สีแดงถูกใช้เป็นตัวแทนของเลือดและการเจริญพันธุ์ ซึ่งสื่อถึงการฟื้นฟูพลังความอุดมสมบูรณ์ของมดลูกและความสามารถในการมีลูก
หรือในพิธี Mukanda สีแดงของเลือดที่เกิดจากการทำพิธีจะถูกตีความว่าเป็นการละทิ้งวัยเด็กและการเกิดใหม่ในฐานะผู้ใหญ่ โดยมีการใช้สัญลักษณ์นี้เพื่อสื่อถึงการเปลี่ยนผ่านทางสังคม
ดังนั้น สีแดงในพิธีกรรมของชาว Ndembu นั้น มีความหมายหลากหลายและซับซ้อน ตั้งแต่การเกิดใหม่ ความอุดมสมบูรณ์ ไปจนถึงพลังชีวิตและการเสียสละ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของสัญลักษณ์ในวัฒนธรรม Ndembu
สรุป พิธีกรรมที่ Turner วิเคราะห์ในหนังสือ The Forest of Symbols แสดงให้เห็นว่าพิธีกรรมของชาว Ndembu เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ที่มีความหมายหลายระดับ ซึ่งไม่ได้จำกัดแค่ความหมายในทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงโครงสร้างทางสังคม ความเชื่อมโยงกับธรรมชาติ และการปรับตัวของบุคคลในบริบททางวัฒนธรรม
เข้านี้หลังจากตื่นนอน อยากเขียนการนอนในมิติทางมานุษยวิทยากับนักมานุษยวิทยา... ผมเริ่มต้นกับการลองตั้งคำถามเพื่อหาความรู้เกี่ยวกับการนอนว่า อะไรคือการนอน ทำไมต้องนอน นอนที่ไหน นอนเมื่อไหร่ นอนอย่างไร นอนกับใคร นอนเพื่ออะไรและอื่นๆ..เพื่อจะได้รู้ความสัมพันธ์ของการนอนในมิติต่างๆ การนอนของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆแตกต่างจากมนุษย์หรือไม่ หากเปรียบเทียบการนอนของ มนุษย์กับสัตว์สปีชี่ส์อื่นมีการนอนต่างกันหรือเหมือนดันอย่างไร ตัวอย่างเช่น ยีราฟจะนอนครั้งละ 10 นาที รวมระยะเวลานอนทั้งหมด 4.6 ชั่วโมงต่อวัน สัตว์จำพวกค้างคาว และเม่นมีการนอนมากกว่าสัตว์อื่นๆเพราะใช้เวลานอน 17-20ชั่วโมงต่อวัน สำหรับมนุษย์ การนอนคือส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในประสบการณ์ของมนุษย์ การสำรวจการนอนข้ามวัฒนธรรมน่าจะทำให้เราเข้าใจความหมายและปฎิบัติการของการนอนที่มีความซับซ้อนมากขึ้น.. การนอนอาจจะเป็นเรื่องของทางเลือก แต่เป็นทางเลือกที่อาจถูกควบคุมบังคับ โดยโครงสร้างทางสังคมวัฒนธรรม นอนเมื่อไหร่ นอนเท่าไหร่ นอนที่ไหน นอนอย่างไร และนอนกับใคร.. ในสังคมตะวันตก อุดมคติเก...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น