หนังสือ The Interpretation of Dreams (1899) โดย Sigmund Freud ถือเป็นผลงานที่สำคัญที่สุดเล่มหนึ่งของ Freud ซึ่งได้วางรากฐานทางจิตวิเคราะห์ (psychoanalysis) โดยหนังสือเล่มนี้มุ่งเน้นไปที่การตีความความฝันและบทบาทของจิตใต้สำนึก (unconscious mind) ในการสร้างความฝัน Freud เสนอว่าความฝันคือ “ทางเดินสู่จิตใต้สำนึก” (the royal road to the unconscious) และเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำความเข้าใจความคิดและความรู้สึกที่ถูกกดทับไว้
โดยแนวคิดและสาระสำคัญของหนังสือ The Interpretation of Dreams ประกอบด้งย
1. จิตไร้สำนึกและจิตสำนึก (Unconscious and Conscious Mind)
Freud อธิบายว่าจิตใจมนุษย์แบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก คือ จิตสำนึก (conscious) ซึ่งเป็นสิ่งที่เราตระหนักรู้ และจิตไร้สำนึก (unconscious) ซึ่งเป็นส่วนที่ซ่อนอยู่ของจิตใจ ที่เต็มไปด้วยความปรารถนา ความกลัว และแรงผลักดันที่ไม่สามารถแสดงออกมาโดยตรงในชีวิตประจำวันได้
2. ความฝันเป็นการเติมเต็มความปรารถนา (Wish Fulfillment)
Freud เชื่อว่าความฝันคือการแสดงออกของความปรารถนาที่ถูกกดทับไว้ในจิตไร้สำนึก ความปรารถนาเหล่านี้อาจเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเติมเต็มได้ในชีวิตจริง หรืออาจขัดกับกฎเกณฑ์ทางสังคม เมื่อจิตใจไม่สามารถแสดงความปรารถนานั้นในรูปแบบที่สังคมยอมรับได้ จึงแสดงออกมาในรูปของความฝัน
3. การตีความสัญลักษณ์ในความฝัน (Dream Symbols)
ความฝันมักใช้สัญลักษณ์แทนความรู้สึก ความปรารถนา หรือความกลัวที่อยู่ในจิตไร้สำนึก เช่น การฝันเห็นการปีนเขาอาจแทนความปรารถนาในทางเพศ หรือการเห็นน้ำในความฝันอาจหมายถึงอารมณ์และความรู้สึกที่ถูกกดทับ สัญลักษณ์ในความฝันมักต้องตีความให้สอดคล้องกับชีวิตส่วนตัวของผู้ฝัน
4. การบิดเบือนในความฝัน (Dream Distortion)
Freud อธิบายว่าความฝันมักถูกบิดเบือน (distorted) เพื่อหลีกเลี่ยงการแสดงออกตรงๆ ของความปรารถนาที่ถูกกดไว้ เพราะการแสดงออกเหล่านั้นอาจทำให้ผู้ฝันรู้สึกไม่สบายใจ การบิดเบือนนี้ทำให้เนื้อหาที่แท้จริงของความฝัน (latent content) ถูกซ่อนอยู่ภายใต้เนื้อหาที่แสดงออก (manifest content)
5.การทำงานของความฝัน (Dream Work)
Freud อธิบายว่ากระบวนการสร้างความฝันคือผลลัพธ์ของการทำงานของจิตไร้สำนึก ซึ่งประกอบด้วยการควบแน่น (condensation) และการแทนที่ (displacement) โดยการควบแน่นคือการรวมความปรารถนาหรือความรู้สึกหลายอย่างเข้าไว้ในสัญลักษณ์เดียว ในขณะที่การแทนที่เป็นการแทนที่ความรู้สึกที่ซับซ้อนด้วยภาพหรือสัญลักษณ์ที่เข้าใจง่ายกว่า
ตัวอย่างเชิงรูปธรรมของแนวคิดในหนังสือ
1. การฝันถึงการบิน (Flying Dreams)
Freud ตีความว่าการฝันว่าบินอาจเกี่ยวข้องกับความรู้สึกเสรีภาพหรือความต้องการหลบหนีจากข้อจำกัดในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังอาจเกี่ยวข้องกับความปรารถนาในเรื่องเพศที่ถูกกดทับ การบินในความฝันเป็นการแสดงออกถึงความปรารถนาที่ถูกควบคุมและต้องการหลุดพ้น
2. การฝันถึงฟันหลุด (Teeth Falling Out Dreams)
Freud ตีความว่าการฝันว่าฟันหลุดหรือฟันหักมักจะเกี่ยวข้องกับความวิตกกังวลเรื่องเพศหรือความกลัวที่จะสูญเสียอำนาจในชีวิตจริง การฝันในลักษณะนี้อาจเป็นสัญลักษณ์ของการกลัวการสูญเสียสิ่งสำคัญ หรือความรู้สึกไร้อำนาจในสถานการณ์บางอย่าง
3. การฝันเห็นน้ำ (Water Dreams)
การฝันเห็นน้ำมักถูกตีความว่าเกี่ยวข้องกับอารมณ์ที่ถูกกดทับ เช่น ความเศร้า หรือความกังวล Freud มักอธิบายว่าน้ำเป็นตัวแทนของอารมณ์ที่ลึกซึ้งและไม่สามารถแสดงออกมาได้ในชีวิตประจำวัน ความฝันที่เห็นน้ำมากๆ อาจสะท้อนถึงความรู้สึกที่ถูกกดทับในจิตไร้สำนึก
4. การฝันว่าถูกไล่ล่า (Chase Dreams)
การฝันว่าถูกไล่ล่ามักเป็นตัวแทนของความวิตกกังวลหรือความรู้สึกถูกคุกคามในชีวิตจริง Freud อธิบายว่าการฝันในลักษณะนี้มักจะเป็นการแสดงออกของความกลัวที่ถูกกดทับ เช่น ความกลัวในเรื่องความสัมพันธ์ ความกดดันทางสังคม หรือความกลัวที่จะเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ตนเองหลีกเลี่ยง
5. การฝันเกี่ยวกับการสอบตกหรือการเตรียมตัวไม่พร้อม (Test Anxiety Dreams)
การฝันว่าตนเองสอบตกหรือไม่สามารถทำข้อสอบได้มักจะเกี่ยวข้องกับความรู้สึกไม่มั่นคงหรือความกังวลในชีวิตจริง Freud เชื่อว่าการฝันลักษณะนี้เป็นการสะท้อนถึงความวิตกกังวลที่ถูกกดทับ เช่น ความกลัวที่จะล้มเหลวหรือไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังของตนเองหรือผู้อื่นได้
นอกจากนี้ในThe Interpretation of Dreamsของ Sigmund Freud เขาเน้นว่าความฝันที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศมักจะสะท้อนความปรารถนาทางเพศที่ถูกกดทับ ซึ่งไม่สามารถแสดงออกมาได้ในชีวิตประจำวัน Freud เชื่อว่าความฝันเหล่านี้แสดงออกมาในรูปแบบสัญลักษณ์ ซึ่งสัญลักษณ์ทางเพศมักจะไม่ถูกแสดงออกมาอย่างตรงไปตรงมา แต่จะถูกซ่อนอยู่ภายใต้สิ่งที่ดูเหมือนธรรมดาหรือไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ
ตัวอย่างความฝันที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศในแนวคิดของ Freud
1. การฝันว่าขึ้นบันไดหรือปีนเขา
Freud ตีความว่าการฝันถึงการปีนบันไดหรือปีนเขาเป็นสัญลักษณ์ของกิจกรรมทางเพศ โดยเฉพาะการไต่ขึ้นสูงและการขยับเคลื่อนไหวไปข้างหน้าสอดคล้องกับการเร้าอารมณ์ทางเพศ ซึ่งแสดงถึงความปรารถนาที่ถูกกดทับในจิตใต้สำนึก การขึ้นบันไดทีละขั้น หรือการปีนเขาที่ลำบากอาจสื่อถึงการแสวงหาความสุขทางเพศ
2. การฝันเกี่ยวกับวัตถุที่มีรูปร่างลักษณะเป็นแท่ง
วัตถุที่มีลักษณะเป็นแท่ง เช่น ดาบ ร่ม หรือเครื่องมือยาวๆ ในความฝันอาจเป็นตัวแทนของอวัยวะเพศชาย (phallic symbol) ตามแนวคิดของ Freud ความฝันที่ปรากฏสิ่งเหล่านี้อาจสะท้อนถึงความปรารถนาทางเพศหรือความต้องการที่จะปลดปล่อยความรู้สึกทางเพศที่ถูกกดทับไว้
3. การฝันเกี่ยวกับถ้ำหรือห้องที่ลึกซึ้ง
สัญลักษณ์ของถ้ำหรือห้องในความฝันมักเชื่อมโยงกับอวัยวะเพศหญิง (yoni symbol) โดยถ้ำหรือห้องลึกนั้นสามารถสื่อถึงความปรารถนาทางเพศหรือความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องเพศ การเข้าไปในพื้นที่เหล่านี้เป็นการสื่อถึงการเร้าอารมณ์ทางเพศหรือความต้องการที่จะเข้าใจและค้นหาความสัมพันธ์ทางเพศ
4. การฝันถึงการบินหรือลอยตัวในอากาศ
Freud มองว่าการฝันว่าบินหรือรู้สึกลอยตัวในอากาศอาจเกี่ยวข้องกับความรู้สึกเสรีภาพที่เกิดขึ้นจากการแสดงออกของความต้องการทางเพศที่ถูกกดทับ การที่คนฝันรู้สึกว่าไม่ถูกผูกพันหรือถูกขัดขวางจากแรงดึงดูดของโลกอาจสะท้อนถึงการหลุดพ้นจากข้อจำกัดในเรื่องเพศที่ถูกควบคุมในชีวิตจริง
5. การฝันเกี่ยวกับน้ำ
Freud ตีความว่าน้ำเป็นตัวแทนของอารมณ์ทางเพศ ความฝันที่เกี่ยวข้องกับน้ำ เช่น ฝนตก น้ำท่วม หรือการว่ายน้ำ อาจสะท้อนถึงความปรารถนาทางเพศหรือความต้องการที่จะระบายอารมณ์ทางเพศที่ถูกกดทับ น้ำในความฝันยังสามารถสื่อถึงการเกิดใหม่หรือการฟื้นฟูทางอารมณ์จากการปลดปล่อยความรู้สึกทางเพศ
Freud เชื่อว่าความฝันที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศมักถูกซ่อนในสัญลักษณ์ที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกัน ความฝันเหล่านี้เป็นผลจากจิตไร้สำนึกที่พยายามแสดงออกถึงความปรารถนาทางเพศที่ถูกกดทับ สัญลักษณ์เหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับวัตถุ สิ่งของ หรือสถานการณ์ที่ไม่ชัดเจนว่ามีความหมายทางเพศโดยตรง แต่สามารถตีความได้ตามหลักจิตวิเคราะห์
ดังนั้นหนังสือThe Interpretation of Dreams ของ Freud เน้นการทำความเข้าใจความฝันในฐานะเครื่องมือในการเข้าถึงจิตไร้สำนึก ซึ่งสะท้อนถึงความปรารถนา ความกลัว และอารมณ์ที่ถูกกดทับในชีวิตประจำวัน Freud เชื่อว่าความฝันไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นแบบบังเอิญ แต่เป็นการแสดงออกของจิตไร้สำนึกที่สามารถตีความได้เพื่อนำไปสู่การเข้าใจจิตใจของเราเอง
เข้านี้หลังจากตื่นนอน อยากเขียนการนอนในมิติทางมานุษยวิทยากับนักมานุษยวิทยา... ผมเริ่มต้นกับการลองตั้งคำถามเพื่อหาความรู้เกี่ยวกับการนอนว่า อะไรคือการนอน ทำไมต้องนอน นอนที่ไหน นอนเมื่อไหร่ นอนอย่างไร นอนกับใคร นอนเพื่ออะไรและอื่นๆ..เพื่อจะได้รู้ความสัมพันธ์ของการนอนในมิติต่างๆ การนอนของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆแตกต่างจากมนุษย์หรือไม่ หากเปรียบเทียบการนอนของ มนุษย์กับสัตว์สปีชี่ส์อื่นมีการนอนต่างกันหรือเหมือนดันอย่างไร ตัวอย่างเช่น ยีราฟจะนอนครั้งละ 10 นาที รวมระยะเวลานอนทั้งหมด 4.6 ชั่วโมงต่อวัน สัตว์จำพวกค้างคาว และเม่นมีการนอนมากกว่าสัตว์อื่นๆเพราะใช้เวลานอน 17-20ชั่วโมงต่อวัน สำหรับมนุษย์ การนอนคือส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในประสบการณ์ของมนุษย์ การสำรวจการนอนข้ามวัฒนธรรมน่าจะทำให้เราเข้าใจความหมายและปฎิบัติการของการนอนที่มีความซับซ้อนมากขึ้น.. การนอนอาจจะเป็นเรื่องของทางเลือก แต่เป็นทางเลือกที่อาจถูกควบคุมบังคับ โดยโครงสร้างทางสังคมวัฒนธรรม นอนเมื่อไหร่ นอนเท่าไหร่ นอนที่ไหน นอนอย่างไร และนอนกับใคร.. ในสังคมตะวันตก อุดมคติเก...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น