Asexuality มองผ่านหนังสือเรื่อง Ace : what Asexuality Reveals about Desire , Society , and the meaning of sex ของAngela Chen โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล
ระหว่างเดินทางไปทำงาน ….คิดว่าจะสอนอะไรเช้านี้ิ มีอะไรที่เตริยมเป็นวัตถุดิบเอาไว้ปรุงและเสริฟ์นักศึกษาในสิ่งที่พวกเขาอยากทาน อยากรู้
เริ่มต้นจากคำถามของนักศึกษาว่า การไม่รู้สึกหรือสนใจเรื่องเพศ ถือว่าเป็นเรื่องเพศวิถีไหม ผมเลยบอกว่าการไม่รู้สึกหรือสนใจเรื่องเพศ (Asexuality) ก็คือเพศวิถีแบบหนึ่ง
ผมนึกถึงหนังสือเรื้องหนึ่ง ที่ผมจะหยิบยกมาสอนคือ Ace: What Asexuality Reveals About Desire, Society, and the Meaning of Sex โดย
Angela Chen (2020)เป็นหนังสือที่น่าสนใจและมีความสำคัญในประเด็นเรื่องความหลากหลายทางเพศและความสัมพันธ์ โดยเฉพาะการสำรวจแนวคิดเกี่ยวกับ "Asexuality" หรือ "ความไม่สนใจในเรื่องเพศ" ซึ่งเป็นแนวคิดที่ยังคงเป็นที่เข้าใจผิดในสังคม ความน่าสนใจของหนังสือเล่มนี้อยู่ที่การให้มุมมองและวิธีคิดต่อเรื่องนี่ดังนี้
1. การทำความเข้าใจ Asexuality (ความไม่สนใจในเรื่องเพศ) โดย Angela Chen สำรวจแนวคิดเรื่อง “Asexuality” ซึ่งหมายถึงการที่บุคคลไม่รู้สึกถึงความปรารถนาทางเพศหรือไม่มีความสนใจในความสัมพันธ์ทางเพศ หนังสือเล่มนี้นำเสนอข้อมูลที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับ Asexuality โดยพยายามทำลายความเข้าใจผิดและอคติที่สังคมมีต่อคนที่เป็น Asexual และตั้งคำถามถึงวิธีที่สังคมมองและตีความความปรารถนาทางเพศว่าเป็นสิ่งที่ "จำเป็น" ในทุกความสัมพันธ์
2. การขยายพรมแดนหรือกรอบของความเข้าใจเรื่องเพศวิถีและความสัมพันธ์ โดย Chen เปิดเผยว่าความสัมพันธ์ทางเพศไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่กำหนดความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล คนที่เป็น Asexual สามารถมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและเต็มไปด้วยความรักได้โดยไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์ทางเพศ นี่เป็นการตั้งคำถามต่อบรรทัดฐานของสังคมที่มองว่าเพศวิถีเป็นสิ่งที่ต้องมีในทุกความสัมพันธ์ที่มีคุณค่า
3. การท้าทายแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องบรรทัดฐานและความเป็นปกติ "Normativity” โดย Angela Chen ชี้ให้เห็นว่าสังคมมักจะมีแนวคิดเกี่ยวกับ "Normativity" หรือความเป็นปกติที่เชื่อมโยงกับเรื่องเพศและความปรารถนาทางเพศ โดยผู้คนที่มีความต้องการทางเพศที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นปกตินี้ เช่น Asexual จะถูกมองว่าแตกต่างและแปลกประหลาด หนังสือเล่มนี้จึงท้าทายแนวคิดนี้และนำเสนอว่าความหลากหลายในความปรารถนาทางเพศเป็นเรื่องที่ธรรมดาและมีคุณค่าเท่าเทียมกัน
4. การเล่าเรื่องที่มีความหมายและสะท้อนถึงประสบการณ์จริง โดยหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่เพียงแค่ให้แง่มมุในเชิงทฤษฎีเชิงปรัชญาเท่านั้น แต่ยังใช้การเล่าเรื่องที่เป็นประสบการณ์จริงของคนที่เป็น Asexual เพื่อแสดงให้เห็นว่า Asexuality ส่งผลต่อชีวิต ความสัมพันธ์ และการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างไร การมีตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมจากชีวิตของผู้คนทำให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจและเห็นภาพชัดเจนว่าการใช้ชีวิตโดยไม่มีความปรารถนาทางเพศนั้นเป็นไปได้อย่างไร
5. การเชื่อมโยงกับประเด็นสังคม ซึ่ง Angela Chen ได้เชื่อมโยง Asexuality กับประเด็นสังคมต่างๆ เช่น เพศวิถี ความยินยอม (consent) และการถูกบีบคั้นจากสังคมให้ต้องปฏิบัติตามบรรทัดฐานทางเพศ เธอชี้ให้เห็นว่าสังคมมีแรงกดดันต่อบุคคลให้ปฏิบัติตามค่านิยมทางเพศแบบเดิมๆ ซึ่งอาจทำให้คนที่เป็น Asexual รู้สึกไม่สอดคล้องกับสังคม
สำหรับตัวอย่างรูปธรรมที่น่าสนใจในหนังสือมีหลายตัวอย่างที่น่าสนใจ โดย Chen ให้ตัวอย่าง เรื่องราวของคนที่เป็น Asexual จากประสบการณ์ชีวิตจริงของคนที่เป็น Asexual ซึ่งบางคนอาจเคยพยายามที่จะทำให้ตัวเองรู้สึกถึงความต้องการทางเพศเพียงเพราะไม่ต้องการถูกมองว่า "แปลก" แต่ท้ายที่สุดกลับพบว่าการยอมรับในตัวตนที่แท้จริงของตัวเองเป็นหนทางที่ทำให้พวกเขามีความสุขที่สุด
รวมทั้งการตั้งคำถามต่อการบังคับควบคุมทางสังคม ซึ่ง Chen เล่าเรื่องราวของคนที่ถูกกดดันจากสังคม ครอบครัว หรือแม้แต่คู่รัก ให้ต้องรู้สึกและปฏิบัติตามบรรทัดฐานทางเพศ เช่น ความเชื่อที่ว่าความสัมพันธ์ที่ดีต้องมีเพศสัมพันธ์ เธอตั้งคำถามว่าสังคมควรยอมรับความหลากหลายและไม่บังคับให้ทุกคนต้องเหมือนกัน
1. ประสบการณ์ในความสัมพันธ์ (Relationships without Sex) Chen อธิบายถึงประสบการณ์ของคนที่เป็น Asexual ที่มีความสัมพันธ์ระยะยาวโดยไม่มีความสัมพันธ์ทางเพศ แต่ก็ยังมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและเติมเต็ม ความสัมพันธ์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าความรักและความใกล้ชิดทางจิตใจสามารถมีอยู่ได้โดยไม่มีเพศสัมพันธ์ ตัวอย่างเช่น เธอยกตัวอย่างคู่รักที่หนึ่งคนเป็น Asexual และอีกคนไม่ใช่ (Allosexual) ทั้งสองเรียนรู้ที่จะต่อรองความต้องการและสร้างความสัมพันธ์ที่สมดุลโดยที่เพศไม่ใช่แกนหลักของความสัมพันธ์
2. การถูกบีบบังคับให้ "เป็นปกติ" (Compulsory Sexuality) ในหนังสือเล่มนี้ Chen ได้พูดถึงเรื่อง "การบังคับทางเพศ หรือ Compulsory Sexuality ซึ่งเป็นแนวคิดที่สังคมกดดันให้ทุกคนต้องมีความปรารถนาทางเพศ เพื่อให้สอดคล้องกับบรรทัดฐานของความสัมพันธ์ที่ดี ตัวอย่างเชิงรูปธรรมที่เธอยกขึ้นมา เช่น การที่ผู้หญิง Asexual ถูกบีบคั้นให้เชื่อว่าตนเอง "ผิดปกติ" หรือ "ขาดบางสิ่ง" เพราะไม่สนใจเรื่องเพศ และถูกสังคมมองว่าไม่สามารถมีความสัมพันธ์ที่มีคุณค่าได้หากไม่มีเพศสัมพันธ์
3. การตั้งคำถามต่ออุตสาหกรรมบันเทิงและสื่อ (Media Representation) โดย Chen ให้ตัวอย่างที่น่าสนใจเกี่ยวกับการนำเสนอเพศวิถีในสื่อ โดยชี้ให้เห็นว่าสื่อและภาพยนตร์มักจะเน้นเรื่องของ "ความสัมพันธ์ที่มีเพศสัมพันธ์" ว่าเป็นเรื่องปกติ หนังสือเล่มนี้ตั้งคำถามต่อการที่สื่อไม่ค่อยให้พื้นที่สำหรับตัวละครที่เป็น Asexual ตัวอย่างที่เธอยกขึ้นมา เช่น ภาพยนตร์ที่แสดงให้เห็นว่าความรักหรือความสัมพันธ์ที่สำคัญจะต้องนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์เสมอ ทำให้คนที่เป็น Asexual รู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับการยอมรับหรือมองข้ามไปจากการเป็นส่วนหนึ่งของการบรรยายเรื่องราวในสังคม
4.. Asexuality กับมิติทางเชื้อชาติและชนชั้น (Intersection of Asexuality with Race and Class) Chen อธิบายว่า Asexuality มีความซับซ้อนเมื่อพูดถึงประเด็นของเชื้อชาติและชนชั้น ตัวอย่างหนึ่งในหนังสือพูดถึงคนที่เป็น Asexual และเป็นชนกลุ่มน้อยในสหรัฐอเมริกา เธอเล่าว่าการที่พวกเขาไม่รู้สึกถึงความต้องการทางเพศบางครั้งจะถูกตีความว่าเป็นการต่อต้านวัฒนธรรมของกลุ่มคนในชนชั้นหรือเชื้อชาตินั้นๆ เช่น การที่ผู้หญิงจากกลุ่มชาติพันธุ์บางกลุ่มถูกคาดหวังให้มีลูกหลาน และการไม่สนใจเพศสัมพันธ์ถูกมองว่าเป็นการละเมิดหน้าที่ทางวัฒนธรรม
5. การสะท้อนความปรารถนาทางเพศที่ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสังคม (Non-Normative Desire) Chen ยกตัวอย่างของคนที่เป็น Asexual ที่ยังคงมีความปรารถนาในเรื่องอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับเพศ เช่น การสร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์ การได้รับความใกล้ชิดทางจิตใจ หรือการร่วมกิจกรรมต่างๆ กับคนที่รัก การไม่ปรารถนาทางเพศไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่มีความต้องการอื่นๆ แต่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนของความปรารถนาและความสัมพันธ์ในรูปแบบที่แตกต่างจากบรรทัดฐานสังคม
6. การศึกษาภายในกลุ่ม LGBTQ+ (Asexuality within LGBTQ+ Spectrum) หนังสือยังให้ตัวอย่างของการที่ Asexuality ถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของสเปกตรัมของเพศวิถีในกลุ่ม LGBTQ+ แต่ในขณะเดียวกัน คนที่เป็น Asexual อาจเผชิญกับความท้าทายในการหาที่ทางของตนเองภายในชุมชน LGBTQ+ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ คนที่เป็น Asexual อาจถูกละเลยหรือถูกมองว่าไม่ "เข้าข่าย" ในการเป็น LGBTQ+ เพราะไม่มีความสัมพันธ์ทางเพศ หนังสือเล่มนี้เน้นย้ำว่าความหลากหลายของเพศวิถีควรรวมถึง Asexuality ด้วย
โดยสรุป หนังสือ Ace: What Asexuality Reveals About Desire, Society, and the Meaning of Sex มีความน่าสนใจตรงที่เป็นการเปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับเพศวิถี โดยสำรวจความหมายของความปรารถนาทางเพศและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลจากมุมมองของคนที่ไม่รู้สึกถึงความต้องการทางเพศ หนังสือเล่มนี้ยังท้าทายบรรทัดฐานทางสังคมและนำเสนอความหลากหลายทางเพศเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การยอมรับ อีกทั้งยังมีตัวอย่างเชิงรูปธรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจและสามารถนำเสนอประเด็นทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับ Asexuality ได้อย่างลึกซึ้ง หนังสือช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจถึงประสบการณ์ของคนที่เป็น Asexual และตั้งคำถามต่อบรรทัดฐานทางเพศในสังคม การพูดถึงความสัมพันธ์ที่ไม่มีเพศสัมพันธ์ การถูกบังคับให้เป็นปกติ การนำเสนอในสื่อ และมิติของเชื้อชาติและชนชั้น ล้วนเป็นการสะท้อนความหลากหลายของความเป็นมนุษย์ที่ไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับมาตรฐานทางเพศแบบดั้งเดิม
***หมายเหตุ คำว่า Ace เป็นศัพท์สแลงที่มาจากคำว่า Asexual เพื่อให้การพูดคุยเกี่ยวกับเพศวิถีนี้เป็นไปได้อย่างง่ายดายและไม่ซับซ้อน โดยคำว่า Ace ในบริบทนี้ อ่านออกเสียงว่า “เอซ” เหมือนกับคำว่า "Ace" ที่หมายถึงแต้มไพ่หนึ่งใบหรือผู้ที่มีความสามารถสูงสุดในภาษาอังกฤษ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น