ระหว่างตืนขึ้นมาและนั่งเขียน มคอ.3 ในวิขาการเปลี่ยนแปลงทางสังคมวัฒนธรรม และมานุษยวิทยาว่าด้วยเพศและเพศวิถี ที่จะสอนในเทอมนี้ มีหัวข้อ หนังสือใหม่ๆอะไรที่น่าสนใจ และจะชวนเด็กอ่าน และจะทำดราฟรวมเล่ม สิ่งที่อ่านในประเด็นต่างๆเพื่อเป็นคู่มือการเรียน และใช้เป็นแนวคิดสำหรับหัวข้อที่ตัวเองรับเป็นที่ปรึกษาทั้ง Dragqueen , transsexual. Female to male , อัคลักษณ์ การสะสมและการบริโภคเสื้อวินเทจ
Cyborg Anthropology เป็นสาขาที่ศึกษาเกี่ยวกับการผสมผสานระหว่างมนุษย์และเทคโนโลยี โดยเน้นการวิเคราะห์ผลกระทบทางวัฒนธรรมและสังคมของการเป็น "ไซบอร์ก" หนังสือหลายเล่มที่น่าสนใจ เช่น
หนังสือ Bodies in Technology" by Don Ihde*
หนังสือ เล่มนี้สำรวจความสัมพันธ์ระหว่างร่างกายมนุษย์กับเทคโนโลยี ผ่านมุมมองทางปรัชญาและการปฏิบัติ
หนังสือเล่มนี่มีตัวอย่างที่น่าสนใจหลายประการที่ช่วยให้เข้าใจวิธีที่เทคโนโลยีมีผลต่อร่างกายและประสบการณ์ของมนุษย์ ตัวอย่างเหล่านี้สร้างการเปลี่ยนแปลงทางการรับรู้และการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างเรากับเทคโนโลยี ตัวอย่างที่น่าสนใจบางประการได้แก่:
1. เครื่องมือทางการแพทย์ และอุปกรณ์พยุงชีพ โดย Ihde กล่าวถึงการใช้เครื่องมือทางการแพทย์ เช่น เครื่องเอกซเรย์และเครื่องอัลตราซาวด์ ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถมองเห็นภายในร่างกายมนุษย์ได้โดยไม่ต้องผ่าตัด วิธีนี้เปลี่ยนแปลงการรับรู้ของแพทย์เกี่ยวกับร่างกายมนุษย์และวิธีการรักษาผู้ป่วย
2. เทคโนโลยีการมองเห็น ผ่านการใช้กล้องจุลทรรศน์และกล้องโทรทรรศน์เป็นตัวอย่างของการขยายขีดความสามารถของการมองเห็นของมนุษย์ กล้องจุลทรรศน์ช่วยให้เราเห็นสิ่งเล็กๆ ที่ตามนุษย์ปกติมองไม่เห็น เช่น เซลล์หรือแบคทีเรีย ขณะที่กล้องโทรทรรศน์ช่วยให้เราเห็นดาวเคราะห์และดวงดาวในอวกาศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไกลเกินกว่าที่ตาเปล่าจะสามารถมองเห็นได้
3. เทคโนโลยีการสื่อสาร โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตเป็นเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงวิธีการสื่อสารและการเชื่อมต่อระหว่างบุคคล การสนทนาทางวิดีโอหรือแชทแบบเรียลไทม์ทำให้ผู้คนสามารถสื่อสารและมองเห็นกันได้ แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลกันมากแค่ไหนก็ตาม
4.อุปกรณ์เสริมสร้างการเคลื่อนไหว Ihde พูดถึงอุปกรณ์เสริมสร้างการเคลื่อนไหว เช่น ขาเทียมและแขนกล ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการเคลื่อนไหวของผู้ที่มีความพิการทางกายภาพ อุปกรณ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ใช้มีชีวิตที่ปกติมากขึ้น แต่ยังเป็นการขยายขีดความสามารถของร่างกายมนุษย์
5. เทคโนโลยีการเล่นเกมเสมือนจริง (VR) Ihde สำรวจการใช้เทคโนโลยี VR ในการสร้างประสบการณ์เสมือนจริงที่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนอยู่ในโลกเสมือน เทคโนโลยีนี้เปลี่ยนแปลงวิธีการรับรู้และปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมของผู้ใช้ โดยสร้างประสบการณ์ที่สมจริงและมีส่วนร่วม
ตัวอย่างเหล่านี้ในหนังสือ "Bodies in Technology" ช่วยให้เห็นภาพชัดเจนเกี่ยวกับวิธีที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงและเสริมสร้างประสบการณ์และความสามารถของร่างกายมนุษย์ในหลายมิติ
ในหนังสือ Bodies in Technology มีแนวคิดที่โดดเด่นหลายประการที่สำรวจวิธีที่เทคโนโลยีมีผลกระทบต่อร่างกายและประสบการณ์ของมนุษย์ นี่คือบางแนวคิดที่สำคัญ
1. การขยายขีดความสามารถของมนุษย์ (Human Enhancement) โดย Ihde พูดถึงวิธีที่เทคโนโลยีสามารถขยายขีดความสามารถของมนุษย์ทั้งทางกายภาพและการรับรู้ เช่น การใช้กล้องจุลทรรศน์เพื่อเห็นสิ่งที่เล็กมากๆ หรือการใช้เครื่องมือทางการแพทย์เพื่อดูภายในร่างกายมนุษย์
2. เทคโนโลยีเป็นส่วนขยายของร่างกาย (Technology as Extension of the Body) โดยแนวคิดนี้สำรวจว่าเทคโนโลยีทำงานเป็นส่วนขยายของร่างกายมนุษย์อย่างไร เช่น ขาเทียมที่ทำงานแทนขาที่สูญเสียไปหรือแว่นตาที่ช่วยให้เรามองเห็นชัดขึ้น
3. การแปรสภาพของการรับรู้ (Transformation of Perception) โดย Ihde วิเคราะห์ว่าเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงการรับรู้และประสบการณ์ของเราต่อโลกอย่างไร เช่น วิธีที่การใช้แว่น VR สามารถสร้างประสบการณ์ที่สมจริงจนเรารู้สึกว่าเราอยู่ในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง
4. การบูรณาการเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน (Integration of Technology in Daily Life) โดย หนังสือสำรวจว่าเทคโนโลยีได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นอย่างไร และวิธีที่มันเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงาน การสื่อสาร และการมีปฏิสัมพันธ์ของเรา
5.ผลกระทบทางปรัชญาและจริยธรรม (Philosophical and Ethical Implications) Ihde พิจารณาผลกระทบทางปรัชญาและจริยธรรมของการผสานเทคโนโลยีกับร่างกายมนุษย์ เช่น ปัญหาทางจริยธรรมเกี่ยวกับการเสริมสร้างความสามารถของมนุษย์ (enhancement) และความหมายของการเป็นมนุษย์ในยุคที่เทคโนโลยีมีบทบาทมากขึ้น
6. ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และเครื่องจักร (Human-Machine Relationships) หนังสือเล่มนี้สำรวจวิธีที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร โดยเน้นถึงความเป็นไดนามิกและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเมื่อมนุษย์และเครื่องจักรทำงานร่วมกัน
แนวคิดเหล่านี้ช่วยให้ผมเข้าใจถึงผลกระทบที่ซับซ้อนและหลากหลายของเทคโนโลยีต่อร่างกายและประสบการณ์ของมนุษย์ โดยเปิดโอกาสให้มีการสำรวจและตั้งคำถามเกี่ยวกับบทบาทของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันและอนาคตของเรา
อีกเล่มคือหนังสือ Cyborg Anthropology โดย Amber Case สำรวจและอธิบายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และเทคโนโลยี โดยใช้แนวคิดทางมานุษยวิทยาเพื่อวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมที่เกิดจากการผสานรวมเทคโนโลยีเข้ากับชีวิตประจำวัน สาระสำคัญของหนังสือเล่มนี้ที่น่าสนใจเช่น
1. ความเป็นไซบอร์กในชีวิตประจำวัน โดย Case อธิบายว่าทุกคนที่ใช้เทคโนโลยี เช่น สมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ เป็นไซบอร์กในระดับหนึ่ง เพราะเทคโนโลยีเหล่านี้กลายเป็นส่วนขยายของร่างกายและจิตใจมนุษย์ ช่วยในการสื่อสาร การทำงาน และการใช้ชีวิตประจำวัน
2. การเปลี่ยนแปลงของการรับรู้และปฏิสัมพันธ์ ซึ่งหนังสือเล่มนี้สำรวจว่าการใช้เทคโนโลยีทำให้การรับรู้และการปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เช่น การใช้โซเชียลมีเดียทำให้เราสามารถเชื่อมต่อและสื่อสารกับผู้คนทั่วโลกได้ทันที
3. การขยายขีดความสามารถของมนุษย์ โดย Case เน้นถึงวิธีที่เทคโนโลยีสามารถเสริมสร้างความสามารถของมนุษย์ เช่น การใช้แอปพลิเคชันที่ช่วยในการจดจำข้อมูล หรืออุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
4. ผลกระทบทางสังคมและวัฒนธรรม หนังสือสำรวจผลกระทบของการผสานเทคโนโลยีเข้ากับสังคมและวัฒนธรรม เช่น การเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิต การทำงาน การศึกษา และความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
5. การศึกษามานุษยวิทยาในยุคดิจิทัล โดย Case ใช้กรอบแนวคิดทางมานุษยวิทยาในการศึกษาปรากฏการณ์ดิจิทัล เช่น การใช้ข้อมูลและการวิเคราะห์พฤติกรรมออนไลน์ เพื่อทำความเข้าใจวัฒนธรรมและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป
6. ทฤษฎีและแนวคิดของไซบอร์กมานุษยวิทยา ซึ่งหนังสือให้ความรู้เกี่ยวกับทฤษฎีและแนวคิดของไซบอร์กมานุษยวิทยา ซึ่งรวมถึงการศึกษาเกี่ยวกับความเป็นไซบอร์ก (cyborg) และวิธีที่เทคโนโลยีและมนุษย์สามารถผสานรวมกันได้อย่างกลมกลืน
7. บทบาทของเทคโนโลยีในอนาคต โดย Case ตั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคตของมนุษย์และเทคโนโลยี โดยคาดการณ์ว่าเทคโนโลยีจะยังคงมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงและเสริมสร้างชีวิตของมนุษย์อย่างไรในอนาคต
ตัวอย่างรูปธรรมที่น่าสนใจที่แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์อย่างไรและส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของเรา ตัวอย่างเหล่านี้ช่วยให้ผมเข้าใจแนวคิดของ Cyborg Anthropology ได้ชัดเจนขึ้น เช่น
1. สมาร์ทโฟน โดย Case พูดถึงสมาร์ทโฟนว่าเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการเป็นไซบอร์กในชีวิตประจำวัน สมาร์ทโฟนไม่เพียงแค่เป็นเครื่องมือสื่อสาร แต่ยังเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการจัดการชีวิต ทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา การใช้สมาร์ทโฟนทำให้เราสามารถเชื่อมต่อกับคนอื่นและโลกภายนอกได้อย่างรวดเร็ว
2. โซเชียลมีเดียเช่น Facebook, Twitter, และ Instagram เป็นตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมที่เกิดจากเทคโนโลยี แพลตฟอร์มเหล่านี้เปลี่ยนวิธีที่ผู้คนสื่อสารกัน สร้างชุมชนออนไลน์ และมีอิทธิพลต่อความคิดเห็นและพฤติกรรมของผู้คน
3. เทคโนโลยีสำหรับการสวมใส่ (Wearable Technology) ตัวอย่างเช่น สมาร์ทวอทช์และฟิตเนสแทรคเกอร์ เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยตรวจสอบสุขภาพและกิจกรรมทางกายภาพของผู้ใช้ การใช้เทคโนโลยีสวมใส่ทำให้ผู้คนสามารถติดตามการออกกำลังกาย การนอนหลับ และสุขภาพทั่วไปของตัวเองได้อย่างละเอียด
4. การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในทางการแพทย์
เทคโนโลยีทางการแพทย์เช่น อุปกรณ์ฝังในร่างกาย (implants) และเครื่องมือช่วยเหลือทางการแพทย์ เช่น เครื่องช่วยฟังและขาเทียม เป็นตัวอย่างที่สำคัญของการเป็นไซบอร์ก เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและเสริมสร้างความสามารถทางกายภาพ
5. ระบบนำทาง (GPS Navigation) โดยการใช้ระบบนำทาง GPS ในการเดินทางทำให้เราสามารถหาที่ตั้งและเส้นทางได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ระบบ GPS เปรียบเสมือนการขยายขีดความสามารถในการรับรู้และการนำทางของมนุษย์
6. อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of Things - IoT) ดัวอย่าง อุปกรณ์ IoT เช่น บ้านอัจฉริยะ (smart home) ที่สามารถควบคุมผ่านอินเทอร์เน็ต ตัวอย่างเช่น ระบบควบคุมแสงไฟ เครื่องใช้ไฟฟ้า และระบบความปลอดภัยในบ้านที่สามารถจัดการผ่านสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อื่นๆ
ตัวอย่างเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเราอย่างไร และช่วยให้เราสามารถเข้าใจแนวคิดของ Cyborg Anthropology ในการวิเคราะห์ผลกระทบทางสังคมและวัฒนธรรมของการผสานเทคโนโลยีเข้ากับชีวิตประจำวัน รวมทั้งเสนอกรอบการวิเคราะห์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับวิธีที่เราสามารถศึกษาและทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมที่เกิดจากการผสานเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน
เข้านี้หลังจากตื่นนอน อยากเขียนการนอนในมิติทางมานุษยวิทยากับนักมานุษยวิทยา... ผมเริ่มต้นกับการลองตั้งคำถามเพื่อหาความรู้เกี่ยวกับการนอนว่า อะไรคือการนอน ทำไมต้องนอน นอนที่ไหน นอนเมื่อไหร่ นอนอย่างไร นอนกับใคร นอนเพื่ออะไรและอื่นๆ..เพื่อจะได้รู้ความสัมพันธ์ของการนอนในมิติต่างๆ การนอนของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆแตกต่างจากมนุษย์หรือไม่ หากเปรียบเทียบการนอนของ มนุษย์กับสัตว์สปีชี่ส์อื่นมีการนอนต่างกันหรือเหมือนดันอย่างไร ตัวอย่างเช่น ยีราฟจะนอนครั้งละ 10 นาที รวมระยะเวลานอนทั้งหมด 4.6 ชั่วโมงต่อวัน สัตว์จำพวกค้างคาว และเม่นมีการนอนมากกว่าสัตว์อื่นๆเพราะใช้เวลานอน 17-20ชั่วโมงต่อวัน สำหรับมนุษย์ การนอนคือส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในประสบการณ์ของมนุษย์ การสำรวจการนอนข้ามวัฒนธรรมน่าจะทำให้เราเข้าใจความหมายและปฎิบัติการของการนอนที่มีความซับซ้อนมากขึ้น.. การนอนอาจจะเป็นเรื่องของทางเลือก แต่เป็นทางเลือกที่อาจถูกควบคุมบังคับ โดยโครงสร้างทางสังคมวัฒนธรรม นอนเมื่อไหร่ นอนเท่าไหร่ นอนที่ไหน นอนอย่างไร และนอนกับใคร.. ในสังคมตะวันตก อุดมคติเก...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น