ความเจริญงอกงามของชุมชน ต้องการปัจเจกบุคคลที่เคารพกับสิทธิเสรีภาพของคนอื่นแต่ในขณะเดียวกันก็ต้องการให้พวกเขาเข้าใจและกระทำสิ่งต่างๆบนพื้นฐานของความรับผิดชอบและความรับผิดชอบต่อจึงเป็นเช่นเดียวกับความซื่อตรงการจัดการยุติธรรมและคุณค่าของการเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
สิ่งที่น่าสนใจในศตวรรษที่ 20 เกี่ยวกับคำอธิบายในเรื่องของความรับผิดชอบถูกพบในงานของนักปรัชญาฝรั่งเศสที่ชื่อเอ็มมานูเอ็ล เลวีนาส Emmanuel Levinasสำหรับเขาใบหน้าคือสิ่งพื้นฐานเริ่มต้น(the face is primary) ที่จัดวางความรับผิดชอบในใบหน้า และเป็นสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนในแง่สิทธิของตัวเอง(own right) ในขณะเดียวกันประเด็นดังกล่าวนี้ก็นำมาซึ่งเสียงสะท้อนและการถกเถียงในช่วงการระบาดของโรคเมื่อผู้คนจะต้องสวมใส่หน้ากากก่อนที่จะเข้าไปในพื้นที่สาธารณะ
Levinas เกิดในประเทศลิธัวเนีย ในช่วงปีช่วงปี 1906 และครอบครัวของเขาได้รับผลกระทบจากภาวะไร้ที่อยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเขาได้ศึกษาในมหาวิทยาลัยของฝรั่งเศสและเยอรมัน และได้ตีพิมพ์งานวิทยานิพนธ์ที่เกี่ยวข้องกับนักปรัชญาที่ชื่อHusserl ในปี 1930 และเขาได้กลายเป็นพลเมืองของประเทศฝรั่งเศสในช่วงปี 1939 เขาเข้าร่วมกับกองทัพฝรั่งเศสในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองและถูกจับไปเป็นเฉลยและใช้ชีวิตในคุกของค่ายทหารในช่วงสงครามหลังสิ้นสุดสงครามเขาทำงานทางด้านการศึกษาที่ประเทศฝรั่งเศสรวมทั้งมหาวิลัยปารีส
เขาพัฒนาแนวคิดเรื่องความสัมพันธ์ของมนุษย์และความรับผิดชอบ ภายใต้ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นจากการเผชิญหน้าแบบ Face to face
Levinas มองว่าความเป็นหนึ่งเดียวทางจริยธรรมที่อยู่เหนือภววิทยา(ธรรมชาติของสิ่งที่ถูกรู้) เป็นสิ่งที่จะต้องถูกต้องตามลักษณะ ใบหน้าของอีกฝ่าย ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงหรือความเป็นอื่นของอีกฝ่ายตามที่ใบหน้า หมายถึงใบหน้าเป็นสิ่งที่เรายอมรับก่อนที่จะใช้เหตุผลในการตัดสินหรือความเชื่อเกี่ยวกับตัวของเขา
เขาเสนอว่าใบหน้าคือสถานที่ที่เราจะพบกับความเปราะบางของคนอื่น อย่างเช่นอันตรายการถูกคุกคาม หรือการละทิ้งทอดทิ้งคนอื่นกับความทุกข์ทรมานของพวกเขา เมื่ิเรามองหน้าผู้อื่นเราก็จะพบความแรารถนาของคนอื่นๆใบหน้าจึงเป็นเสมือนที่ทำให้เกิดคำถามและคำตอบ ที่สร้างความสนใจ ความใส่ใจในชีวิตของคนอื่น และสร้างความรู้สึกที่เราจะต้องรับผิดชอบ(Responsibility) ต่อชีวิตของเขา ดังเช่น ความรักที่เชื่อมโยงกับหน้าตาและการใช้ร่างกายในการมีปฎิสัมพันธ์และความต้องการเข้าไปมีส่วนในชีวิตของคนคนนั้นในแง่ของความรับผิดชอบ นี่คือทัศนะเกี่ยวกับความรักแบบLevinas ดังนั้นชีวิตของมนุษย์ล้วนเกี่ยวข้องและเป็นหนึ่งเดียวกับชีวิตของคนอื่น ที่สร้างความรู้สึกและรับผิดชอบต่อชีวิตคนอื่นเช่นเดียวกับการยอมรับในใบหน้าของคนอื่น
Levinas โต้แย้งว่ามันไม่ใช่การละเมิดเกี่ยวกับสิทธิเบื้องต้นแต่มันเกี่ยวโยงกับการตัดสินพิจารณาเกี่ยวกับความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานของคนอื่นดังเช่น ทหารรู้ว่าตัวพวกเขาต้องทำให้คุ้นชินกับการฆ่าที่มันสามารถช่วยทำให้มองเห็นศัตรูเช่นเดียวกับสิ่งที่ไร้ใบหน้า (faceless) โดยไม่ต้องมองว่าเขาเป็นผู้หญิง คนแก่หรือเด็ก วิธีการที่ดีที่สุดคือการมองไม่เห็นหรือลืมสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
เรื่องของใบหน้ามันกลายเป็นสิ่งที่บ่งบอกอัตลักษณ์ของบุคคลและความรับผิดชอบในเชิงศีลธรรมที่จำเป็นจะต้องไม่ถูกลดทอนความสำคัญในปฏิสัมพันธ์แบบเห็นหน้าค่าตา(face time face)
ตัวอย่างคำอธิบายเกี่ยวกับอาชญากร การควบคุมความเสี่ยง การห้ามสวมหน้ากากหรือปกปิดใบหน้าเมื่อเข้าไปในธนาคารเพราะมันยากต่อการบ่งชี้หรือจดจำอัตลักษณ์ของบุคคล รวมถึงความพยายามซ่อนเร้นตัวเองและปกป้องตัวเองจากความรับผิดชอบในเชิงศีลธรรมของสังคม ดังนั้นตัวหน้ากากจึงไม่ใช่แค่วัตถุของการปกป้อง ปิดบังอำพรางแต่ยังทำหน้าที่เป็นเสมือนข้อความที่สื่อความหมายบางอย่างในช่วงเวลาหนึ่งๆ และมีอำนาจในการชัดนำมห้เกิดข้อสงสัยในตัวบุคคล อารมณ์และคสามรู้สึกของคนคนนั้นที่ปิดบังใบหน้า
การใส่หน้ากากในช่วงโควิดที่ทำให้เห็นเฉพาะดวงตา แต่ปิดจมูก คาง แก้ม ริมฝีปากที่จะสามารถจะลดทอนการเชื่อมโยงกับอายุ เชื้อชาติ เพศลงไปได้
การแพร่กระจายของการสวมหน้ากากสนับสนุนการโน้มน้าวทางสังคมมากกว่าและ ทำให้คนจะต้องระมัดระวังตัวเองพร้อมกับการกลัวคนอื่นๆไปพร้อมกัน ภายใต้สิ่งที่เรียกว่าความรับผิดชอบต่อคนอื่น
การลดทอนของการปฎิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ภายใต้การรักษาระยะห่าง ทำให้ การเจอกันพบกันในพื้นที่ออนไลน์และปฎิบัติการของการสวมหน้ากาก ได้รับการยอมรับมากยิ่งขึ้นในช่วงของสุานการณ์โควิด แม้ว่าเราจำเป็นต้องเห็นหน้าของบุคคลอื่นในความสัมพันธ์แบบปกติ แต่ในสถานการณ์พิเศษ การปกปิดบาส่วนของใบหน้า ภายใต้การละบาดคือการลดทอนความเสี่ยงและเป็นความรับผิดชอบของสังคม นี่คือสิ่งที่เราวามารถทำความเข้าใจปรากฏการณ์และถกเถียงกับปรัชญาของLevinas ได้
“หากไม่มีพระเจ้าที่นำทางบอกเราว่าต้องทำอะไรเราจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องทำอย่างไร? จงมองไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายเมื่อคุณมองไปที่ใบหน้าของคนอื่นคุณจะเห็นบางอย่างที่คล้ายกับใบหน้าของคุณ นั่นคือคำตอบ”
บริบททางความคิดของLevinasเกี่ยวพันกับชีวิตในช่วงสงครามล้างเผ่าพันธ์ุ คนเริ่มต้งคำถามต่อพระเจ้า ในความโหดร้ายของสงคราม ที่ผู้คนเข่นฆ่ากันแบบไม่มองหน้ากัน ไม่มองไปที่ใบหน้า อารมณ์ความรู้สึก ความเป็นเชื้อชาติหากคุณมองเข้าไป คุณจะเห็นตัวคุณ ความเป็นมนุษย์ของเขาและคุณ ใบหน้าของเขาและคุณในฐานะมนุษย์ คุณจะไม่เอาเปรียบขูดรีดและทำร้ายพวกเขา..ในปัจจุบันเราอาจต้องใช้อารมณ์ความรู้สึกของความเป็นมนุษย์ ที่เป็นคำตอบของสิ่ที่เรียกว่าความรับผิดชอบของสังคมภายใต้การใส่แมสค์หรือหน้ากากเพื่อป้องกันโควิด...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น