1
ปรัชญาและแนวคิดเกี่ยวกับความตาย การมองความตายจากยุคสมัย
1.1ปรัชญาก่อนประวัติศาสตร์
ปรัชญาประเภทวิญาณนิยม (Animism)
การเกิดขึ้นของมนุษย์ลิงหรือมนุษย์วานร
ที่อาศัยอยู่บนต้นไม้ อาจจะเป็นตัวเดียว เป็นคู่หรือเป็นกลุ่มครอบครัวขนาดเล็ก ซึ่งนักมานุษยวิทยากายภาพได้ศึกษาเปรียบเทียบกับลิงอุรังอุตัง
กอริลล่าและลิงชิมแปนซี ที่แสดงให้เห็นการครอบครองอาณาเขต
และการป้องกันไม่ให้คนอื่นมาล่วงล้ำ การหากินก็จะหากินตามต้นไม้ ผลไม้
บางทีก็ลงมาบนทุ่งหญ้าพื้นราบ หาปลาหรือจับสัตว์เล็กๆกินเป็นอาหาร
เมื่อมนุษย์วานรลงมาจากต้นไม้เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของอาหารบนต้นไม้ลดลง
อวัยวะบางอย่างก็ต้องปรับตัว เช่นขาที่ใช้ในการเดินตั้งฉากกับพื้นดินมากขึ้น
มือไม่ได้ใช้ในการปีนป่ายต้นไม้ แต่ใช้ในการหยิบจับอาหาร
นอกจากนี้สมองก็ยังมีการพัฒนามากขึ้น ซึ่งมีผลต่อการประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือ
ระบบสัญลักษณ์และสร้างวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต
โดยมีพิธีกรรมความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของศิลปะ ภาษา ความอุดมสมบูรณ์ การบูชาสิ่งเหนือธรรมชาติ
และความตาย เป็นต้น
มนุษย์วานรนีแอนเดอทรัล
( Homo Neanderthal) มนุษย์ยุคแรกเริ่ม
ที่มีร่างกายคล้ายลิง ตัวใหญ่มีขนเต็มตัว
แต่มันสมองมีขนาดเล็กมากได้ปรากฏตัวขึ้นเมื่อประมาณ 450,000 ปี ลักษณะของนีแอนเดอทรัล
เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดจินตนาการทางวรรณคดีเกี่ยวกับ ยักษ์ ที่กินเนื้อเป็นอาหาร
ในช่วงนี้อาจจะเรียกว่ายุค Palaeolithic หรือยุคมนุษย์ถ้ำ
(หินเก่า) ที่สามารถทำเครื่องมือหิน (หินเหล็กไฟ) อย่างง่ายได้
ทำให้สามารถต่อสู้และล่าช้างแมมมอธซึ่งตัวใหญ่ได้ คนกลุ่มนี้มกอาศัยอยุ่ตามถ้ำ
โดยการขับไล่สัตว์ที่อาศัยอยู่ในถ้ำให้ออกมา เช่น หมาใน หมี และเข้ามาอยู่แทน
รู้จักใช้ไฟ
จนเมื่อสังคมมีการเปลี่ยนแปลง
มนุษย์ก็ต้องเปลี่ยนแปลงและปรับตัวตามกระบวนการดังกล่าว
มนุษย์ที่สามารถปรับตัวได้ดีจึงจะสามารถดำรงอยู่รอดได้ตามทฤษฎีของชาร์ล ดาร์วิน
สภาพแวดล้อมทางกายภาพ สภาพอากาศ ความหนาวเย็น ความอุดมสมบูรณ์ของอาหาร
อันตรายของสัตว์ร้าย เช่น งู หรือสัตว์ขนาดใหญ่อื่นๆก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้
มนุษย์วานรในยุคโบราณ สูญพันธุ์ ดังจะเห็นว่าในช่วงเวลาระหว่าง 40,000-25,000 ปี
ได้ปรากฏมนุษย์อีกพวกหนึ่งที่เรียกว่า โครมันยอง (Cro-mangnon) หรือ Homo Sapien อพยพมาจากเอเชียใต้
หรือแอฟริกาเข้ามาในยุโรป ทั้งนี้สันนิษฐานว่าน่าจะตามสัตว์ที่ตัวเองล่า
จนเข้ามาพบดินแดนทุ่งหญ้าที่อบอุ่น อันเนื่องมาจากน้ำแข็งละลาย
พวกนี้ชอบอาศัยอยู่ในทุ่งหญ้าโล่งแจ้ง ใช้ชีวิตโดยการล่าสัตว์มาเป็นอาหาร
มนุษย์โครมันยองเมื่อล่าสัตว์มาได้ก็จะนำมาแบ่งปันแก่กัน โดยส่วนใหญ่จะกินกันบริเวณถ้ำ
ดังที่ได้พบซากสัตว์ จำพวกวัวกระทิง ควายป่า กวางเรนเดียร์ ม้าป่าและแมมมอธ ในถ้ำ
การล่าสัตว์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ได้นำมาสู่มโนภาพหรือจินตนาการความเป็นศิลปิน
ที่ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นงานศิลปะภาพเขียนบนผนังถ้ำ รวมถึงงานศิลปะ
หัตถกรรมอื่นๆ
ดังหลักฐานที่ปรากฏว่ามนุษย์กลุ่มนี้ มีการประดิษฐ์
เข็มเย็บผ้าจากกระดูกสัตว์ ทำเบ็ดตกปลาและฉมวก รวมถึงการนำสัตว์ป่ามาเลี้ยง
และเริ่มรู้จักทำการเพาะปลูก จนพัฒนามาเป็นมนุษย์ในยุคปัจจุบัน ที่ไม่ได้อยู่ถ้ำ
แต่สร้างที่อยู่เป็นหลักแหล่งภายนอกถ้ำ และเปลี่ยนผ่านจากยุค Neolithic
ราว 10,000-12,000 ปีมาสู่ยุคสมัยใหม่
สิ่งที่น่าสนใจของมนุษย์ถ้ำก็คือ
ถึงแม้ว่า พวกเขาจะไม่มีภาษาพูด
รวมทั้งความรู้ของพวกเขาก็เป็นความรู้ในธรรมชาติเกี่ยวกับสัตว์ป่าต่างๆ
ที่ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพวาดบนผนังถ้ำ และเป็นภาษายุคแรกเริ่มที่สุด ซึ่งเรียกว่า
“ภาษาภาพ”
และมนุษย์ถ้ำก็ใช้กริยาท่าทางในการแสดงออกหรือทำความเข้าใจระหว่างกัน ซึ่งลักษณะเหล่านี้ก็อาจสะท้อนให้เราเห็นหลักคิดของมนุษย์กลุ่มนี้ในทางปรัชญาได้บ้าง
แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ประเพณี พิธีกรรมบางอย่างของมนุษย์ถ้ำกลุ่มนี้
ก็สะท้อนโลกทัศน์และความคิดเกี่ยวกับจักรวาลวิทยาและเรื่องวิญญาณของมนุษย์ ดังเช่น ที่สมัคร บุราวาศ กล่าวไว้ว่า
“นักธรณีวิทยาได้ค้นพบโครงกระดูกของมนุษย์ในหลุมฝังศพเดิม
มีเครื่องมือหิน สีทาตัวและอาหารใส่ไว้ด้วย
แสดงว่ามีประเพณีและความคิดเกี่ยวกับความตายนี้ มนุษย์นีแอนเดอธัล
เป็นมนุษย์ประเภทแรกเริ่มที่สุด ฉะนั้นประเพณีแรกเริ่มที่สุดของมนุษย์ก็จะเป็นประเพณีในการฝังศพ”
จากการศึกษาของ
Imthrun เกี่ยวกับชนเผ่าอินเดียนแดง ที่เมือง Guiana
ในอเมริกาใต้ พบว่า เมื่อคนกลุ่มนี้ฝันไปว่า
เพื่อนคนใดคนหนึ่งหนึ่งทำร้ายเขา พอตื่นขึ้น เขาไปลงโทษเพื่อนคนนั้นเป็นการตอบแทน
เราจะอธิบายไปในทางที่ว่า มนุษย์โบราณมีความฝันแจ่มชัดมาก
และพวกเขาเข้าใจว่าเป็นความจริง
โดยระหว่างความฝัน ตัวเขาส่วนที่เป็นวิญญาณได้ออกจากร่างท่องเที่ยวไป
คนที่เห็นในฝันก็ถูกเข้าใจว่าเป็นวิญญาณที่ท่องเที่ยวไปเหมือนกัน
มนุษย์โบราณเข้าใจว่าในตัวคนเรามีวิญญาณสิงอยู่
เป็นสิ่งแทนตัวผู้นั้นที่เรียกว่าตัวตน (Self)
ในยามหลับสิ่งนี้(วิญญาณ)จะออกจากร่างกายและกลับเข้าร่างเมื่อตื่น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น