แนวคิด Posthuman ความท้าทายและการต่อสู้ของชนพื้นเมือง มองผ่านงาน หนังสือ Ideas to Postpone the End of the World เขียนโดย Ailton Krenak (2019) โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล
จะมีอะไรดีกว่าตื่นแล้วมีพลังทำงาน ถ้าผมสนใจก็จะขลุกกับมันได้ทั้งวัน …กำลังอิน หาวัตถุดิบปรุงลง blog
ผมชอบหนังสือ Ideas to Postpone the End of the World เขียนโดย Ailton Krenak (2019) โดย Ailton Krenak ถือเป็นนักปรัชญาและนักเคลื่อนไหวชาวพื้นเมืองเผ่า Krenak ในบราซิล เขาเคลื่อนไหวเรื่อง สิทธิของแม่น้ำ ภูเขา และผืนป่า เสียงของชนพื้นเมือง เป็นเสียงสำคัญของ การต่อต้านโลกทัศน์แบบตะวันตกสมัยใหม่ เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักคิดแนว posthumanism และ decolonial ecology โดยที่เขาไม่ได้ใช้คำเหล่านั้นโดยตรง
Ailton Krenak กล่าวว่า “จินตนาการว่ามีหลายโลก มากกว่าหนึ่งโลกสำหรับมนุษย์ เป็นวิธีชะลอวันสิ้นโลก” ซึ่ง Krenak เสนอว่า การสิ้นสุดของโลก ไม่ได้เกิดขึ้นจากภัยพิบัติอย่างเดียว แต่มาจากความคิดที่ว่า“มีแค่มนุษย์เท่านั้นที่มีความหมายในโลกใบนี้” เขาชี้ให้เห็นว่า โลกทัศน์แบบตะวันตก (Western modernity) ทำให้เราเชื่อว่า ธรรมชาติเป็นทรัพยากร และ มนุษย์อยู่เหนือสิ่งอื่น
ความคิดนี้นำไปสู่การล่าอาณานิคม การใช้ทรัพยากรเกินขนาด และความรุนแรงต่อสิ่งมีชีวิตอื่นดังนั้น การฟื้นฟูจินตนาการแบบพื้นเมือง (Indigenous cosmologies) คือ เครื่องมือชะลอวันสิ้นโลก (postpone the end of the world)
แนวคิดสำคัญ คือ การมองว่า เราไม่ได้อยู่ในโลกเดียว แต่มี “หลายโลก” (Many worlds) อยู่กับเรา เนื่องด้วยมนุษย์แต่ละกลุ่มมีโลกทัศน์และวิถีชีวิตต่างกัน เราควรมองว่า โลกของชนพื้นเมืองไม่ใช่โลกที่ล้าหลังแต่เป็นทางเลือกของการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ การยอมรับหลายโลกเท่ากับการไม่บังคับให้ทุกคนคิดแบบโลกตะวันตกสมัยใหม่ ดังที่ Ailton Krenak กล่าวว่า “โลกไม่ได้จะพังเพราะภูเขาไฟ หรือภัยธรรมชาติ… แต่เพราะเราจินตนาการไม่ออกว่า ‘โลกอื่น’ มีอยู่”
การมองว่า ธรรมชาติไม่ใช่ทรัพยากร แต่คือญาติ เนื่องจาก แม่น้ำ ป่า ภูเขา ดวงดาวมี “agency” มีความสัมพันธ์ และมีสิทธิ์เป็นของตัวเอง พวกเราไม่ใช่แค่ต้องอนุรักษ์ แต่ต้อง “เคารพและอยู่ร่วม” ด้วย ดังเช่น การให้แม่น้ำมีสิทธิทางกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องไร้เหตุผลในระบบคิดของเขา ดังเช่น ตัวอย่าง ชาว Krenak เรียกแม่น้ำว่า Watu (วิญญาณแห่งสายน้ำ) เป็นสิ่งมีชีวิต ไม่ใช่เพียงทางน้ำ
การทำลายแม่น้ำ Rio Doce สะท้อนว่า ระบบทุนนิยมทำลายวิญญาณของธรรมชาติ ทำให้ไม่มีพื้นที่ไว้ทุกข์ให้แม่น้ำ คำกล่าวที่ทรงพลังของเขาคือ “แม่น้ำ Watu (Rio Doce) ที่ ตายแล้ว แม่น้ำของเราเคยมีวิญญาณ เคยพูดกับเราได้ แต่ตอนนี้เงียบไปแล้ว มันตายแล้ว”
แม่น้ำ Rio Doce ซึ่งเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ของชนพื้นเมือง Krenak ถูกมลพิษอย่างรุนแรงจากเขื่อนถล่มในปี 2015 (ภัยพิบัติที่เรียกว่า Samarco dam collapse)
Krenak ไม่พูดถึงเพียงแค่ “มลพิษทางน้ำ” หรือ “สิ่งแวดล้อมเสียหาย” แบบนักสิ่งแวดล้อมทั่วไปแต่พูดว่า แม่น้ำได้ตาย มันเปรียบเสมือนญาติของเรา และเป็นผู้มีวิญญาณเช่นเดียวกับเรา นี่คือการ ท้าทายโลกทัศน์แบบตะวันตก ที่เห็นธรรมชาติเป็นสิ่งไม่มีชีวิต แม่น้ำจึงไม่ใช่แค่สิ่งแวดล้อมแต่เป็น ตัวตนร่วมโลก ที่มี agency มีคุณค่า และสมควรได้รับความยุติธรรม (ecological justice)
อีกทั้งโรงเรียนแบบตะวันตก ระบบการศึกษาที่ทำให้เด็กพื้นเมืองละอายต่อความรู้ของตนเอง เพราะโลกแบบหนึ่งเดียว คนเมืองมีจินตนาการแบบเดียว ความเจริญก็คือตึก รถ ถนน ซึ่งทำลายรูปแบบการอยู่ร่วมแบบอื่น ดังเช่น โรงเรียนสมัยใหม่กับการทำลายความรู้ท้องถิ่น ดังที่ Ailton Krenak กล่าวว่า “เราส่งลูกหลานไปโรงเรียน แล้วพวกเขากลับมาไม่อยากเป็นลูกหลานของเราอีก” เขาวิพากษ์ระบบการศึกษาของรัฐบราซิลและทั่วโลกที่ทำให้เด็กพื้นเมืองละอายต่อภาษาของตนเอง โดยเด็กเรียนรู้ว่า “ความรู้ที่มีคุณค่า” คือภาษาโปรตุเกส วิทยาศาสตร์ วิทยาการสมัยใหม่ ในขณะที่ เรื่องเล่า ป่า ภูเขา ภาษาแม่ กลายเป็นสิ่งล้าหลัง ไม่มีที่ในห้องเรียน
แนวคิดนี้สะท้อน ระบบการศึกษาแบบอาณานิคม (colonial education) สร้างโลกทัศน์แบบเดียว (one world worldview) Krenak เสนอให้สร้าง “พื้นที่เรียนรู้แบบอื่น” ที่มนุษย์เรียนรู้ร่วมกับโลก ไม่ใช่จากห้องเรียนที่ปิดโลก
ความคิดเรื่อง การอยู่ร่วมกับภูเขากับความศักดิ์สิทธิ์ของพื้นที่ Ailton Krenak บอกว่า บางพื้นที่เราไม่ควรเข้าไป ไม่ใช่เพราะหวงห้าม แต่เพราะมันศักดิ์สิทธิ์กว่าที่จะถูกใช้ ซึ่ง Krenak กล่าวถึงบางภูเขาและป่าในดินแดนของเผ่าเขา ว่าเป็นพื้นที่ที่มนุษย์ไม่ควรเข้าไป ไม่ใช่เพราะมันอันตราย หรือมีทรัพยากรต้องสงวน แต่เพราะ เป็นพื้นที่ที่ควรได้รับความเคารพในฐานะตัวตน ไม่ใช่ทรัพยากร
ความคิดนี้ตรงข้ามกับแนวทางอนุรักษ์เชิงรัฐ (conservationism) ที่ให้ค่าพื้นที่เพราะมัน มีประโยชน์ เขาเสนอแนวทางแบบ จริยธรรมแห่งการอยู่ร่วม (ethics of coexistence)
อีกแนวคิดหนึ่งที่น่าสนใจคือการมองว่าเทคโนโลยีที่ทำให้เรากลายเป็นคนละโลกเดียวกัน Ailton Krenak บอกว่า “เมื่อเราทำทุกอย่างผ่านหน้าจอ เราก็เลิกมีชีวิตร่วมกันจริงๆ” โดย Krenak วิจารณ์ว่าโลกปัจจุบันที่หมุนอยู่กับเทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้เราขาดการปฏิสัมพันธ์ที่ลึกกับโลกและสิ่งมีชีวิตอื่น แม้เราจะเชื่อมต่อกันทางข้อมูล แต่กลับ โดดเดี่ยว ทางจิตวิญญาณและความรู้สึก ซึ่งเขามองว่า การห่างจากต้นไม้ ดิน ฝน ภูเขา คือการ ทำให้ตัวตนของเราแห้งแล้ง
นี่คือแนวคิดที่ วิพากษ์เทคโนโลยีแบบตะวันตกว่าไม่ได้ช่วยโลกจริง เขาเสนอว่าการมีชีวิตที่ดี ไม่ได้อยู่ที่การเข้าถึง Wi-Fi แต่คือ การกลับมา “รู้สึก” กับโลกอีกครั้ง
สุดท้ายคือการตั้งตำถามว่า มนุษย์แบบสากล” ไม่ได้สากลจริงคำว่า “มนุษย์” ที่รัฐ-ระบบ-ตะวันตกใช้คือ “มนุษย์แบบเดียว” (universal man) ซึ่งกีดกันคนอื่น เช่น คนชายขอบ, ชนพื้นเมือง, ผู้หญิง, คนจน, สิ่งมีชีวิตอื่น ถูกกีดกันจากคำว่า “มนุษย์” จึงต้องวิพากษ์ว่าระบบกฎหมาย รัฐธรรมนูญ สิทธิมนุษยชน ล้วนมีข้อจำกัด หากไม่เปลี่ยนกรอบคิด
แนวคิดของเขาสร้างมุมมองให้ผมในกาาทำวิจัยและขอทันทำวิจัย ไม่ว่าจะเป็นวิเคราะห์โลกทัศน์ posthuman จากมุมชนพื้นเมือง การวิจารณ์ระบบรัฐ / ทุนนิยม / การศึกษา / นโยบายสิ่งแวดล้อม เพื่อเสนอแนวทางใหม่ในเชิง “การอยู่ร่วม” มากกว่า “การควบคุม” รวมทั้งการตั้งคำถามใหม่ เช่น ใครควรมีสิทธิพูดในนโยบายแม่น้ำ? เราจะ “ฟังเสียง” ป่าเขาอย่างไร?ระบบการศึกษาควรสอนให้เด็กเรียนรู้จาก “โลก” จริงๆ อย่างไร?
ผมได้ไอเดียในแนวคิด Posthumanism ที่ล้มศูนย์กลางของมนุษย์ ยอมรับโลกที่หลากหลายและมี nonhuman agency แนวคิดแบบ Multispecies ethnography ชวนให้คิดกับแม่น้ำ ป่า ดิน ในฐานะผู้กระทำการร่วมโลก หรือแนวคิดแบบ Decolonial thought ที่ต่อต้านการผูกขาดโลกสมัยใหม่และเปิดพื้นที่ให้ความรู้ท้องถิ่นและพื้นเมือง รวมถึงEcological justice ขยายความเป็นธรรมจากแค่มนุษย์ สู่ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น