Merleau-Ponty กับมุมมองร่างกายกับการดำรงอยู่ที่โน้มเอียงไปสู่โลก” (Being-toward-the-world) โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล
Merleau-Ponty มองร่างกายว่าเป็น “การดำรงอยู่ที่โน้มเอียงไปสู่โลก” (Being-toward-the-world) โดยเขาอ้างอิงแนวคิดของ Husserl ว่า “ความตั้งใจ” (intentionality) ของจิตสำนึกเป็นโครงการที่มุ่งไปสู่โลก” ที่สะท้อนการเน้นแนวคิดเรื่อง “ปฏิบัติการอย่างตั้งใจ” (operative intentionality) ซึ่งเป็นการมีอยู่ของร่างกายในโลกที่โน้มไปสู่สิ่งต่าง ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ
ร่างกายของมนุษย์ ไม่ใช่สิ่งเฉื่อยชา แต่เป็นสิ่งที่มีพลวัตและตัดสินใจดำรงอยู่ในโลก Merleau-Ponty จึงเน้นไปที่ประสบการณ์ของร่างกายที่ดำรงอยู่ในโลกอย่างมีเจตนา โดย Merleau-Ponty เสนอแนวคิดเกี่ยวกับ การรับรู้ผ่านร่างกาย (embodiment) ซึ่งมองว่าร่างกายไม่ได้เป็นเพียงวัตถุทางชีวภาพ แต่เป็น ศูนย์กลางของประสบการณ์
สรุป ความหมายของ “Being toward the world” ของMerleau -ponty ได้ดังนี้
1. ร่างกายเป็นศูนย์กลางของการรับรู้
Merleau-Ponty มองว่ามนุษย์ไม่ได้รับรู้โลกจากจิตที่ล่องลอยอยู่โดดเดี่ยว (Cartesian mind) แต่เรารับรู้โลกผ่านร่างกายของเราเอง ดังนั้นร่างกายไม่ใช่เพียง “วัตถุ” แต่เป็น “สื่อกลาง” ที่เราใช้สัมผัสและมีปฏิสัมพันธ์กับโลก (embodied perception) ตัวอย่างเช่น การเดิน การใช้มือสัมผัส หรือแม้แต่การมองเห็นล้วนเป็นกระบวนการที่ทำให้เรารับรู้และดำรงอยู่ในโลก
2. การดำรงอยู่ของมนุษย์เป็นกระบวนการแบบสัมพันธ์ (Relational Existence) มนุษย์ไม่ใช่ “ตัวตนปิด” (closed entity) แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความสัมพันธ์กับผู้อื่น วัตถุ สถานที่ และวัฒนธรรม ตัวอย่างเช่น ภาษา การเคลื่อนไหว หรือปฏิสัมพันธ์ทางสังคมไม่ได้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในตัวบุคคล แต่เป็นผลลัพธ์ของการอยู่ร่วมกันในโลก
3. การดำรงอยู่ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา (Becoming rather than Being) การดำรงอยู่ของเราถูกสร้างขึ้นตลอดเวลาโดยประสบการณ์ใหม่ ๆ ตัวอย่างเช่น ผู้ที่เคยบาดเจ็บหรือสูญเสียอวัยวะ อาจเปลี่ยนวิธีรับรู้และปฏิสัมพันธ์กับโลก ทำให้ตัวตนของพวกเขาไม่ได้คงที่ แต่ถูกปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์
4. Being-in-the-World vs. Being-Toward-the-World
แนวคิดของ Merleau-Ponty คล้ายกับ Being-in-the-World ของ Martin Heidegger ซึ่งหมายถึงการที่มนุษย์ไม่ได้เป็นตัวตนที่แยกจากโลก แต่ “อยู่ภายใน” โลกและมีความสัมพันธ์กับสิ่งต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม Being toward the world ในมุมของ Merleau-Ponty เน้นเรื่อง การเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลงของตัวตนผ่านร่างกาย มากกว่า เช่น วิธีที่เราปรับตัวต่อสิ่งแวดล้อม หรือวิธีที่ประสบการณ์ของเราสร้างความหมายใหม่ให้กับโลก
ตัวอย่างที่เกี่ยวข้องการแพทย์เช่น ผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรังอาจต้องเรียนรู้ที่จะรับรู้และมีปฏิสัมพันธ์กับโลกในรูปแบบใหม่ เช่น ผู้ที่ต้องใช้แขนกลหรือวีลแชร์ หรือเทคโนโลยี: การใช้ VR (Virtual Reality) หรือ AI อาจเปลี่ยนวิธีที่เรารับรู้ร่างกายและมีปฏิสัมพันธ์กับโลกดิจิทัล รวมทั้งประเด็นเชิงวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ เช่น เพศสภาพ (gender) และบรรทัดฐานทางสังคมสามารถกำหนดวิธีที่บุคคล “เป็นอยู่ต่อโลก” ได้ เช่น วิธีที่บุคคลเคลื่อนไหว พูด หรือแสดงออก
ร่างกายและประสบการณ์ของความเจ็บป่วย ในมุมของ Merleau-Ponty สามารถมองได้ว่าโรคภัยไข้เจ็บไม่ใช่แค่ความผิดปกติของร่างกาย แต่เป็นประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ของบุคคลกับโลก ตัวอย่างเช่น คนที่เป็นอัมพาตจะไม่ได้สูญเสียแค่การเคลื่อนไหว แต่สูญเสียวิธีที่พวกเขารับรู้โลกผ่านร่างกายด้วย หรือ คนที่ป่วยเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง หรือ โรคซึมเศร้า จะมีการเปลี่ยนแปลงของ “ภาพร่างกาย” (body image) ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนไม่ใช่ตัวเอง
หากมองเรื่องการแพทย์จากมุมมองของร่างกายที่มีเจตนา (Intentional Body) การแพทย์แผนปัจจุบันมักมองร่างกายแบบกลไก (mechanistic) และแยกความคิดออกจากร่างกาย แต่ Merleau-Ponty ชี้ว่า ร่างกายมี “ความตั้งใจ” ในการสัมพันธ์กับโลก ตัวอย่างเช่น การทำกายภาพบำบัดไม่ได้เป็นเพียงการฝึกกล้ามเนื้อให้ทำงานได้อีกครั้ง แต่เป็น การสร้างความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างร่างกายกับโลกด้วย
หรือกรณีของเรื่องสุขภาพและความสามารถในการ “อยู่ในโลก” อาจกล่าวได้ว่า สุขภาพไม่ได้หมายถึงการไม่มีโรค แต่หมายถึง ความสามารถในการเคลื่อนไหวและมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งรอบตัว ดังนั้นคนที่พิการหรือมีโรคเรื้อรังสามารถมีสุขภาพที่ดีได้หากพวกเขาสามารถสร้างความต่อเนื่องของร่างกายกับโลกผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่และการดูแลที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น การใช้แขนเทียมหรืออวัยวะเทียม สามารถช่วยให้ผู้พิการสร้าง “ร่างกายใหม่” ที่สัมพันธ์กับโลก หรือ เทคโนโลยี VR หรือการฟื้นฟูสมอง สามารถช่วยให้ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง “เรียนรู้” วิธีใช้ร่างกายใหม่
สรุป“Being toward the world” ของ Merleau-Ponty เป็นแนวคิดที่เน้นว่า การดำรงอยู่ของมนุษย์เป็นกระบวนการที่ต้องมีร่างกายเป็นสื่อกลาง และถูกสร้างขึ้นผ่านปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมและผู้อื่น มนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่ “เป็น” อย่างตายตัว แต่ “กำลังกลายเป็น” (becoming) ผ่านประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ดังนั้น Merleau-Ponty ทำให้เราเห็นว่า สุขภาพคือประสบการณ์ของร่างกายในการดำรงอยู่ในโลก และร่างกายของเรามีเจตนา (Intentionality) ที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับโลกภายนอก ร่างกายของเราจึงมีการเชื่อมโยงและการตอบสนองต่อโลกภายนอกตลอดเวลา…
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น