Mary Douglas เป็นนักมานุษยวิทยาชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงในด้านการศึกษาสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมและทฤษฎีเกี่ยวกับการจัดระเบียบสังคมผ่านความคิดเกี่ยวกับ "ความบริสุทธิ์" และ "ความสกปรก" โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับศาสนา วัฒนธรรม และระบบความเชื่อทางสังคม งานของเธอมีอิทธิพลมากในวงการมานุษยวิทยาและสังคมวิทยา
งานชิ้นสำคัญของ Mary Douglas อาทิเช่น
1. Purity and Danger: An Analysis of the Concepts of Pollution and Taboo (1966)
หนังสือเล่มนี้เป็นผลงานที่โดดเด่นที่สุดของ Douglas โดยสำรวจแนวคิดเกี่ยวกับ "ความสะอาด" และ "ความสกปรก" ในวัฒนธรรมต่าง ๆ Douglas แสดงให้เห็นว่าความสกปรกไม่ได้เป็นเพียงเรื่องสุขอนามัย แต่เป็นสิ่งที่ถูกกำหนดโดยระบบสัญลักษณ์และการจัดระเบียบทางวัฒนธรรม ความสกปรกหมายถึงสิ่งที่ไม่อยู่ในที่ทางที่ถูกต้อง หรือสิ่งที่ไม่เข้ากับระเบียบและกฎเกณฑ์ที่สังคมกำหนด
ตัวอย่างเชิงรูปธรรมที่ปรากฏ Douglas ใช้ตัวอย่างจากวัฒนธรรมหลายแห่ง เช่น กฎหมายในพระคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับอาหาร (เช่นการห้ามกินหมูในศาสนายูดายและอิสลาม) เธออธิบายว่ากฎหมายเหล่านี้ไม่ได้เป็นเรื่องของสุขอนามัยเท่านั้น แต่เกี่ยวข้องกับการปกป้องความเป็นระเบียบและการจัดประเภทในสังคม การกินอาหารที่ไม่เหมาะสมหมายถึงการละเมิดกฎของการจัดระเบียบทางศาสนาและวัฒนธรรม
2. Natural Symbols: Explorations in Cosmology (1970)
สาระสำคัญ ในงานนี้ก็คือ Douglas ขยายแนวคิดเกี่ยวกับสัญลักษณ์และบทบาทของร่างกายมนุษย์ในสังคม โดยเสนอว่าร่างกายเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความคิดและโครงสร้างทางสังคมของสังคม Douglas ชี้ให้เห็นว่าสังคมแต่ละแห่งมีวิธีการใช้ร่างกายเป็นเครื่องมือในการสร้างความหมายและการสื่อสารความเชื่อและคุณค่า
ตัวอย่างเชิงรูปธรรมที่ปรากฏในงานชิ้นนี้ Douglas ยกตัวอย่างจากพิธีกรรมทางศาสนาต่าง ๆ ที่ใช้ร่างกายเป็นส่วนหนึ่งของพิธี เช่น การล้างมือก่อนทำพิธีทางศาสนา ซึ่งเป็นการแสดงสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และการเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าร่วมพิธีศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้ยังมีการใช้เครื่องหมายทางร่างกายในการสื่อสารความเป็นระเบียบ เช่น การแต่งกายตามกฎเกณฑ์ทางสังคมในบางศาสนา
3.The World of Goods: Towards an Anthropology of Consumption (1979) (เขียนร่วมกับ Baron Isherwood)
Douglas นำเสนอมุมมองเกี่ยวกับการบริโภคที่ไม่ได้เน้นที่เศรษฐศาสตร์เท่านั้น แต่เกี่ยวข้องกับสัญลักษณ์และวัฒนธรรม เธอเสนอว่าการบริโภคสินค้าและสิ่งของในสังคมมีบทบาทในการสร้างและบ่งบอกถึงตัวตนของผู้บริโภคและกลุ่มสังคม การบริโภคไม่ใช่เพียงการตอบสนองความต้องการทางกายภาพ แต่เป็นวิธีการสร้างความหมายทางสังคม
ตัวอย่างเชิงรูปธรรมในหนังสือที่น่าสนใจ คือ Douglas วิเคราะห์การบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือยในสังคมชนชั้นสูง ซึ่งไม่ได้หมายถึงความต้องการจริง ๆ แต่เป็นการแสดงออกถึงสถานะทางสังคมและการสร้างเอกลักษณ์ของกลุ่ม ตัวอย่างเช่น การบริโภคแบรนด์หรูในสังคมตะวันตกมีบทบาทในการกำหนดสถานะและบทบาทของบุคคลในชุมชน
4.หนังสือ How Institutions Think (1986)
ในงานชิ้นนี้ Douglas วิเคราะห์การทำงานของสถาบันต่าง ๆ และวิธีที่สถาบันเหล่านี้มีอิทธิพลต่อความคิดและพฤติกรรมของบุคคล Douglas เชื่อว่าสถาบันมีบทบาทในการสร้างกรอบความคิดและกำหนดวิธีการมองโลกของบุคคล โดยใช้สัญลักษณ์และความหมายทางวัฒนธรรมที่สร้างขึ้นโดยสถาบัน
ตัวอย่างเชิงรูปธรรมที่ปรากฏในงานคือ Douglas ยกตัวอย่างสถาบันทางศาสนาที่มีอิทธิพลในการกำหนดความเชื่อและพฤติกรรมของบุคคล โดยการใช้พิธีกรรมและคำสอนในการกำหนดวิธีการมองโลก ตัวอย่างเช่น สถาบันทางศาสนาอาจกำหนดให้มีพิธีการล้างบาปเพื่อแสดงถึงการเกิดใหม่และความบริสุทธิ์ทางจิตวิญญาณ
แนวคิดหลักในงานของ Mary Douglas ที่พอประมวลได้คือ
1. การจัดระเบียบทางวัฒนธรรม โดย Douglas สนใจในวิธีที่สังคมจัดระเบียบสิ่งต่าง ๆ และแบ่งแยกสิ่งที่ถือว่า "บริสุทธิ์" และ "สกปรก" เธอเชื่อว่าความสกปรกไม่ได้เป็นเรื่องของความสะอาดเท่านั้น แต่เป็นการจัดระเบียบสิ่งที่ไม่เข้าที่ทางในสังคม
2. การใช้สัญลักษณ์ในสังคม ซึ่ง Douglas ศึกษาวิธีที่สัญลักษณ์ถูกใช้ในวัฒนธรรมและพิธีกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างความหมายทางสังคม เช่น ร่างกายมนุษย์มักถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ในการแสดงความเชื่อและการจัดระเบียบทางสังคม
3. การบริโภคและการสร้างความหมาย โดย Douglas เชื่อว่าการบริโภคสินค้าและบริการในสังคมไม่ใช่เพียงเพื่อสนองความต้องการทางกายภาพ แต่เป็นวิธีการสร้างและส่งต่อความหมายทางสังคมและวัฒนธรรม
งานของ Mary Douglas มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาแนวคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมและการจัดระเบียบทางสังคม โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับศาสนา การบริโภค และระบบความเชื่อ อีกทั้งในงานของ Mary Douglas ที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดเรื่องสัญลักษณ์ ความบริสุทธิ์ และการจัดระเบียบทางสังคม มีตัวอย่างรูปธรรมอื่น ๆ ที่ช่วยอธิบายแนวคิดของเธอได้ชัดเจนมากขึ้นดังนี้
1. กฎหมายอาหารของชาวยิว (Jewish Dietary Laws)
Douglas ใช้กฎหมายคาชรูต (Kosher) ในศาสนายูดายเป็นตัวอย่างที่สำคัญในการแสดงให้เห็นถึงวิธีการที่วัฒนธรรมจัดระเบียบสังคมผ่านการกำหนดสิ่งที่ "บริสุทธิ์" และ "ไม่บริสุทธิ์" ในเรื่องของอาหาร เช่น การห้ามกินหมูและสัตว์น้ำที่ไม่มีครีบและเกล็ด เธออธิบายว่ากฎหมายนี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องสุขอนามัย แต่เป็นการรักษาความบริสุทธิ์ตามกฎของพระเจ้าและรักษาความเป็นระเบียบของชุมชน เธอให้ความสำคัญกับวิธีที่กฎหมายเหล่านี้สะท้อนถึงการจัดระเบียบทางวัฒนธรรมและการแยกแยะสิ่งที่เหมาะสมและไม่เหมาะสมตามมุมมองทางศาสนา
2. พิธีกรรมและการล้างบาป (Rituals and Purification)
Douglas วิเคราะห์พิธีกรรมในศาสนาต่าง ๆ ที่ใช้แนวคิดเกี่ยวกับการทำความสะอาดหรือการล้างบาป เช่น ในศาสนาคริสต์ พิธีล้างบาป (Baptism) เป็นสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่และการชำระล้างบาป ซึ่งเชื่อมโยงกับความบริสุทธิ์ทางจิตวิญญาณ ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นว่าสังคมใช้พิธีกรรมเพื่อควบคุมพฤติกรรมของคนในสังคมและกำหนดกรอบความคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ "บริสุทธิ์" หรือ "ไม่บริสุทธิ์"
3. โครงสร้างบ้านและวัฒนธรรม (The Layout of Houses and Cultural Symbols)
Douglas ศึกษาโครงสร้างของบ้านในวัฒนธรรมต่าง ๆ และเชื่อว่าโครงสร้างของพื้นที่ในบ้านสะท้อนถึงการจัดระเบียบทางสังคมและวัฒนธรรม ตัวอย่างเช่น การแบ่งแยกพื้นที่ของบ้านออกเป็นส่วนที่ "บริสุทธิ์" และ "ไม่บริสุทธิ์" เช่น ห้องนอนอาจถือเป็นพื้นที่ที่บริสุทธิ์และต้องมีการดูแลเป็นพิเศษ ในขณะที่ห้องครัวอาจถูกมองว่าเป็นพื้นที่ที่สกปรกและเต็มไปด้วยความไม่บริสุทธิ์ เพราะเกี่ยวข้องกับการเตรียมอาหารและการทำงานที่เสี่ยงต่อการปนเปื้อน
4. การแบ่งแยกชายและหญิงในพิธีกรรม (Gender and Ritual Separation)
Douglas ศึกษาวิธีที่สังคมบางแห่งแบ่งแยกชายและหญิงในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและสังคม ตัวอย่างเช่น ในบางสังคม การมีประจำเดือนของผู้หญิงถูกมองว่าเป็นความไม่บริสุทธิ์ และผู้หญิงที่มีประจำเดือนอาจถูกแยกออกจากกิจกรรมทางศาสนาหรือสังคม Douglas อธิบายว่าสิ่งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องสุขอนามัยเท่านั้น แต่เป็นการควบคุมสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และความสกปรกตามกรอบความคิดของวัฒนธรรม
5. การสวมใส่เสื้อผ้าและการแสดงสถานะ (Clothing and Social Status)
Douglas วิเคราะห์บทบาทของเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายในสังคมต่าง ๆ โดยเฉพาะในแง่ของการแสดงสถานะทางสังคม ตัวอย่างเช่น ในบางสังคม ผู้ที่มีสถานะสูงในชุมชนมักจะสวมใส่เครื่องแต่งกายที่หรูหราและมีความพิเศษ เพื่อแสดงถึงสถานะที่สูงส่ง Douglas มองว่าสิ่งนี้เป็นการใช้สัญลักษณ์เพื่อสร้างและรักษาความเป็นระเบียบในสังคม
6. สังคมชนเผ่าและการควบคุมผ่านความเชื่อเรื่องเวทมนตร์ (Tribal Societies and Magic Beliefs)
ในสังคมชนเผ่าต่าง ๆ Douglas พบว่าความเชื่อในเวทมนตร์และไสยศาสตร์ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการควบคุมพฤติกรรมของสมาชิกในสังคม ตัวอย่างเช่น การเชื่อว่าการละเมิดข้อห้ามบางอย่างจะนำมาซึ่งความสกปรกหรือภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทำให้สมาชิกของสังคมต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เหล่านั้น Douglas อธิบายว่าความเชื่อในเวทมนตร์เป็นสัญลักษณ์ที่ช่วยรักษาความเป็นระเบียบทางสังคมและควบคุมพฤติกรรมของคนในชุมชน
โดยสรุปตัวอย่างรูปธรรมเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดหลักของ Mary Douglas ที่ว่าการจัดระเบียบทางวัฒนธรรมและสังคม มักถูกสร้างขึ้นผ่านสัญลักษณ์และพิธีกรรม ซึ่งความบริสุทธิ์และความสกปรกไม่ได้เป็นเพียงเรื่องทางกายภาพหรือสุขอนามัย แต่เป็นสัญลักษณ์ของการจัดระเบียบทางสังคม ความเชื่อ และค่านิยม
เข้านี้หลังจากตื่นนอน อยากเขียนการนอนในมิติทางมานุษยวิทยากับนักมานุษยวิทยา... ผมเริ่มต้นกับการลองตั้งคำถามเพื่อหาความรู้เกี่ยวกับการนอนว่า อะไรคือการนอน ทำไมต้องนอน นอนที่ไหน นอนเมื่อไหร่ นอนอย่างไร นอนกับใคร นอนเพื่ออะไรและอื่นๆ..เพื่อจะได้รู้ความสัมพันธ์ของการนอนในมิติต่างๆ การนอนของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆแตกต่างจากมนุษย์หรือไม่ หากเปรียบเทียบการนอนของ มนุษย์กับสัตว์สปีชี่ส์อื่นมีการนอนต่างกันหรือเหมือนดันอย่างไร ตัวอย่างเช่น ยีราฟจะนอนครั้งละ 10 นาที รวมระยะเวลานอนทั้งหมด 4.6 ชั่วโมงต่อวัน สัตว์จำพวกค้างคาว และเม่นมีการนอนมากกว่าสัตว์อื่นๆเพราะใช้เวลานอน 17-20ชั่วโมงต่อวัน สำหรับมนุษย์ การนอนคือส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในประสบการณ์ของมนุษย์ การสำรวจการนอนข้ามวัฒนธรรมน่าจะทำให้เราเข้าใจความหมายและปฎิบัติการของการนอนที่มีความซับซ้อนมากขึ้น.. การนอนอาจจะเป็นเรื่องของทางเลือก แต่เป็นทางเลือกที่อาจถูกควบคุมบังคับ โดยโครงสร้างทางสังคมวัฒนธรรม นอนเมื่อไหร่ นอนเท่าไหร่ นอนที่ไหน นอนอย่างไร และนอนกับใคร.. ในสังคมตะวันตก อุดมคติเก...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น