ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เทึ่ยวกัมพูชา

ผมจำได้ว่าวันแรก…ที่ลงเครื่องที่สนามบินเมืองเสียมราฐ ผมได้เจอรูปปั้นพระเจ้าสุริยะวรมันที่2 แบะรูปปั้นอีกองค์ที่มีความสำคัญคือยโศวรมันที่2 ที่สร้างเมืองยโสธปุระ พระเจ้าสุริยะวรมัน พระองค์มีความศรัทธาในศาสนาฮินดูในลัทธิไวษณพนิกาย(นับถือพระวิษณุหรือพระนารายณ์ ซึ่งแตกต่างจากกษัตริย์องค์อื่นที่นับถือพระศิวะเป็นใหญ่) ทรงโปรดให้สร้างนครวัดเพื่อถวายพระวิษณุ นอกจากการสร้างปราสาทแล้ว พระเจ้าสุริยะวรมันยังเป็นกษัตริย์ที่ทำสงครามมากมาย ทำให้มีการสร้างสถาปัตยกรรมเพื่อบวงสรวงบูชาเทวดา และการออกแบบเมืองเพื่อเชื่อมโยงกับความศักดิ์สิทธิ์ เช่น เทือกเขาพนมกุเลน ที่มีเทวสถาน มีรูปลึงค์ของพระศิวะเป็นพันๆ เมื่อเวลาน้ำไหลจากเทือกเขาพนมกุเลน ลงมาถือว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ แม่น้ำเสียมเรียบที่ไหลผ่านเมือง มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาดังกล่าว มีความเชื่อถึงความศักดิ์สิทธิ์ในอดีตเมื่อถึงพิธีกรรมประจำปี คนในเมืองจะมาอาบนำ้ในแม่น้ำนี้เพื่อชำระบาปและสร้างความบริสุทธ์ ไม่น่าแปลกที่อิทธิพลแบบฮินดู เชื่อมโยงกับพิธีกรรมและชีวิตประจำวันนี้ ในช่วงเย็น ได้เดินทางช่องเรือไปที่บารายตะวันตก ปราสาทแม่บุญ ที่ขุดพบรูปนารายณ์บรรทมสินธ์ มีการเล่าว่านครวัดต้องหันหน้ามาที่นี่ ที่มีพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ที่เป็นศูนย์กลางและเขื่อมโยงกับการกวนเกษียรสมุทร ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าเมืองเสียมเรียบคือเมืองที่เทพเจ้าได้บอกกล่าวว่าต้องสร้างความรุ่งเรื่องที่นี่ก่อนไปที่อื่น ที่นี่จึงมีปราสาทที่สำคัญมากมาย ในพื่นที่แถบบารายตะวันตก น้ำจะไม่แห้ง เหมือนบางรายฝั่งตะวันออก ซึ่ฃถือเป็นศูนย์กลางของจักรวาลและเป็นพื้นที่ที่มีคนอยู่อย่างหนาแน่น และถือเป็นเมืองโบราณดั้งเดิมของกัมพูชา ระหว่างทางผมได้ฟังเรื่องเล่าจากไกด์ท้องถิ่น เรื่องเล่าเกี่ยวกับการเรียนในกัมพูชาจะมีสองรอบ รอบเช้าเริ่ม07.00 ถึง11.00 ช่วงบ่าย 13.00-17.00 น. แล้วแต่จะเลือกเรียน มีคำกล่าวเล่นๆว่าเป็นเพราะผู้นำไม่อยากให้เรียนมากเพราะกลีวคนจะฉลาดกว่า หรือรู้ทันรัฐ คนที่ทำอาชีพบางอย่าง เช่นไกด์นำเที่ยวจะมีการจ่ายภาษีอาชีพหรือต่อใบอนุญาตการทำอาชีพ ที่จะต้องจ่ายให้รัฐบาล 2 ปี 120 ดอลลาร์ สำหรับคนเจ็บป่วยนิยมไปรักษาที่สุรินทร์ ขอนแก่น และอุบลราชธานีของไทย เพราะที่นี่ถ้าเป็นโรงพยาบาลรัฐต้องจ่ายเงินถึงจะมีเตียง การรักษาบางครั้งก็ไม่หาย ก็จะต้องพึ่งพาภูมิปัญญาหมอพื้นบ้าน หมอรักษาให้ธาตุทั้ง4 มาอยู่รวมกัน ดิน น้ำ ลม ไฟ มีการสวด และดึงให้ธาตุทั้ง4 ขยับมาเท่ากัน ถ้าธาตุทั้ง4 ไม่ขยับมาเท่ากันก็หมดอายุ ไกด์ชาวเขมรบอกผมว่าอาจารย์อยากพูดเขมรอาจารย์พูดคำราชาศัพท์ก็ได้แล้ว เช่น เสวย บรรทม บาท และอื่นๆ นอกจากนี้คำบาฃคำที่เขมรจะเรียกไม่เหมือนเรา เช่น เราเรียกพิพิธภัณฑ์ แต่เขมรจะเรียกว่าสาระมนตรี สาระแปลว่าความรู้ ของก็ได้ สาระมนตรีจึงเป็นที่เก็บรวบรวมความรู้ภูมิปัญญา พิพิธภัณฑ์ในความหมายบ้านเราคือที่เก็บของ.. อาจารย์ผู้รู้ด้านเขมรท่านหนึ่งบอกว่า ชื่อของเขมร ไม่ยาก ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน เช่น พนมเปญ ก็เรียกว่าภูเขายายเพ็ญ หรือเปญ พนมแปลว่าภูเขา มีเรื่องเล่าถึงยายเพ็ญผู้เลื่อมใสในการทำบุญ ได้สร้างศาลาบรรจุพระพุทธรูปที่ลอยน้ำมา ให้คนกราบไหว้จึงเป็นที่มาของชื่อดังกล่าว ความรู้จากประเทศเพื่อนบ้านช่วยเติมเต็มความรู้ของเรา และสืบค้นไปถึงประวัติศาสตร์รากเหง้าของเรา ผู้คน อาหาร ยารักษาโรค รวมถึงความเชื่อต่างๆ วันนี้เดินทางดูทั้งนครวัด นครธมรวมถึงปราสาทบายน ผมสนใจเรื่งราวของการเปลี่ยนแปลงความเชื่อการเข้ามาของศาสนาพราหมณ์ ฮินดู พุทธศาสนาทั้งแบบหินยานและเถรวาท ที่มีการทุบทำลายรูปเคารพหรือเปลี่ยนแปลง ทำให้ผิดรูปลักษณ์บางอย่าง เช่นจากรูปพระกลายเป็นโยคึ หรือรูปดอกไม้ ตามความเชื่อของกษัตริย์แต่ละยุคที่สมาทานความเชื่อของตัวเองและบูชาเทพที่ตัวเองเคารพ รวมถึงเรื่งราววิถีชีวิต ความเชื่อทางวัฒนธรรม การสู้รบ การทำสงคราม ระหว่างชาวจามกับชาวเขมรและอื่นๆ การเดินทางไปสู้รบที่ต้องเอาครอบครัวไป รวมทั้งการหาอาหาร ภาพสิงสาราสัตว์ล้วนน่าสนใจนักประวัติศาสตร์ นักมานุษยวิทยาต้องวิเคราะห์ กัมพูชาเป็นประเทศหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีพรมแดนติดกับประเทศไทย ลาว และเวียดนาม กัมพูชามีประชากรราว14 ล้าน คน คำว่าเขมร (Khmer) ใช้อ้างอิงถึงถึงประชาชนชาวกัมพูชา รวมถึงวัฒนธรรมและภาษา กัมพูชาถูกปกครองโดยฝรั่งเศสในช่วง1863-1953 โดยความเชื่อและศาสนาดั้งเดิมของกัมพูชา คือพุทธศาสนา ฮินดู และและอิสลาม รวมถึงการบูชาภูติผีวิญญาณ ที่เป็นสิ่งที่ปฎิบัติร่วมกัน ข้าวเป็นหัวใจสำคัญ คนกัมพูชาปลูกข้าวเป็นหลัก ข้าวที่ไม่ได้ใส่ปุ๋ยเคมี หรือการบำรุงมากนัก อาจให้ผลผลิตน้อยเมื่อเทียบกับไทยหรือเวียดนาม ข้าวจ้าวเป็นอาหารหลัก ส่วนข้าวเหนียวใช้ทำของหวาน ของหวานบางประเภท ข้าวถูกนำมาทำขนมเพื่อบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพบูชา เช่น ขนมข้าวต้มมัดใหญ่แทนการบูชาลึงค์ และข้าวต้มมัดดเล็กแทนการบูชาโยนี มีการใช้ข้าวหมักเหล้า มีการบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และใช้ข้าวเพื่อการบำรุงศาสนา ข้าวเปลือกหรือรำข้าวถูกใช้รองฐานปราสาทร่วมกับหินศิลาแลงและหินทราย เป็นต้น ในแง่อาหาร ประเทศกัมพูชาถือว่าเป็นแหล่งผลิตด้านการเกษตรสำคัญในภูมิภาค โดยเฉพาะการปลูกข้าวซึ่งถือเป็นอาหารหลัก คำศัพท์ของชาวเขมร พูดว่าซีบาย (Sii Bay) หมายความว่ากินข้าว รวมทั้งความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำ ทะเลสาบเขมร หรือโตนเลสาบ ที่มีทั้งปลาสด ปลาแห้ง อันเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญ (ดังจารึกในปราสาทบายนและนครธมที่มีภาพเขียนคนกำลังปิ้งปลา หาอาหารจากป่า การต้มหมู เป็นต้น) รวมถึงภูมิปัญญาการถนอมอาหารที่คล้ายปลาร้าบ้านเรา ที่เรียกว่า ปลาโฮก (Phahok)ที่มีกลิ่นอันเฉพาะและเป็นส่วนประกอบสำคัญของสำรับอาหารหรือเป็นส่วนประกอบสำคัญของอาหารในจานของชาวกัมพูชาทั้งน้ำพริก ยำ ต้ม ไข่เจียวหรือน้ำจิ้ม สิ่งที่น่าสนใจคือสไตล์หรือรูปแบบอาหารที่ได้รับอิทธิพลจากเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดเช่น ลาว ไทย และเวียดนาม ดังเช่นอาหารเช้าที่ได้จากข้าวต้ม บะหมี่ ก๋วยเตี๋ยวหรือเฝอ ในขณะที่อาหารกลางวันจะมีลักษณะเผ็ดร้อนที่ทำจากเนื้อและปลา มีซุปหรือต้มปลาร้อนและต้มส้ม(มีรสเปรี้ยว) รวมถึงซุปเนื้อหรือต้มปลาที่มีมะพร้าวและสับปะรดเป็นส่วนประกอบ ผัดไก่กับเนื้อและแกงเผ็ดก็เป็นที่นิยม ในขณะที่ผลไม้จะเป็นผลไม้ประเภทกล้วย มะพร้าว มะม่วง สับปะรด อินทผลัม ทุเรียน แตงโม เป็นต้น ในส่วนของเครื่องดื่มชาก็เป็นที่นิยม อีกทั้งกาแฟอะเมซอนที่เข้ามาตีตลาดกัมพูชาและเบียร์อังกอร์ รวมถึงไวน์พื้นเมืองหรือเหล้าพื้นเมือง ทำจากตาลและข้าว นอกจากนี้ในปัจจุบัน กัมพูชายังมีอาหารข้างทางหรือStreet Food ที่สามารถพบอาหารที่หลากหลาย เช่น แมลงต่างๆ งู หอย เป็นต้น รวมถึงผลไม้พื้นเมือง ผลไม้ที่นำเข้าจากจีน เวียดนามและไทย ที่จะพบในแหล่งท่องเที่ยวข้างทางเสมอ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

พิธีกรรม สัญลักษณ์ และ Victor Turner โดยนัฐวุฒิ สิงห์กุล

  พิธีกรรมวิเคราะห์แบบ  Victor turner  ที่ได้รับอิทธิพลทางความคิดจาก  Arnold Van Gennep  ที่มองภาวะภายในของจักรวาลที่ถูกจัดการให้มีลักษณะของการเปลี่ยนผ่านหมุนเวียนของช่วงเวลา  (Periodicity)  ที่จะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของมนุษย์   จะทำอะไร   จะปลูกอะไร   ชีวิตของมนุษย์ก็เหมือนกับภาวะของธรรมชาติ   ทั้งตัวปัจเจกชนและกลุ่มสังคม ล้วนแล้วแต่เชื่อมโยงสัมพันธ์ไม่มีส่วนใดที่สามารถแยกขาดได้อย่างอิสระ   โดยพิธีกรรมดังกล่าวจะแบ่งออกเป็น  3  ระยะคือ 1.rite of separation  หรือขั้นของการแยกตัว   ถือว่าเป็นส่วนของพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับการแยกตัวเองจากสถานภาพเดิม   ผ่านพิธีกรรมที่ทำให้บริสุทธิ์  (purification rites)  เช่น   การโกนผม   การกรีดบนเนื้อตัวร่างกาย   รวมถึงการตัด   การสร้างรอยแผลเป็น   การขลิบ  (scarification or cutting)  ที่เกิดขึ้นกับอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง 2.rite of transition  เป็นส่วนของพิธีกรรมที่ว่าด้วยการเปลี่ยนสภาพ   โดยบุคคลที่ร่วมในพิธีกรรมจะมีก...

เฟอร์ดิน็องต์ เดอร์ โซซูร์

เฟอร์ดิน็องต์ เดอร์ โซซูร์ (1857-1923) นักภาษาศาสตร์ชาวสวิสเซอร์แลนด์ เป็นผู้มีบทบาทอย่างสำคัญในประวัติศาสตร์ของพวกโครงสร้างนิยม   ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสัญวิทยาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของ เลวี่ สเตร๊าท์ (Levi-Strauss) ชาร์ค ลากอง (Jacques Lacan) และ โรล็องต์ บาร์ธ (Roland Barthes) รวมถึง มิเชล ฟูโก้ (Micheal Foucault) ที่ได้กลับมาวางรางฐานและปฎิเสธเกี่ยวกับโครงสร้างนิยม ภายใต้ทิศทางใหม่ของหลังโครงสร้างนิยม (Post-Structuralism) ในคำบรรยายเริ่มแรกของเขาที่มหาวิทยาลัยเจนีวา ในช่วงปี 1906-1911 และการตีพิมพ์โครงร่างงานของเขาที่เขียนไว้ และคำบรรยายของเขาที่ลูกศิษย์ได้รวบรวมไว้ ภายหลังการมรณกรรมของเขาเมื่อปี 1915-1916   ภายใต้ชื่อ Course de linguistique   Generale ซึ่งถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษและเผยแพร่ในยุโรป ภายใต้ชื่อ Course in general linguistic ในปี 1960 เขาได้นำเสนอความคิดว่า การศึกษาภาษาศาสตร์ในปัจจุบัน สามารถศึกษาได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ซึ่งน่าจะได้รับอิทธิพลจากอีมิล เดอร์ไคม์ (Emile D...

การนอน มานุษยวิทยาและนักมานุษยวิทยา โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

 เข้านี้หลังจากตื่นนอน อยากเขียนการนอนในมิติทางมานุษยวิทยากับนักมานุษยวิทยา...    ผมเริ่มต้นกับการลองตั้งคำถามเพื่อหาความรู้เกี่ยวกับการนอนว่า อะไรคือการนอน ทำไมต้องนอน นอนที่ไหน นอนเมื่อไหร่ นอนอย่างไร นอนกับใคร นอนเพื่ออะไรและอื่นๆ..เพื่อจะได้รู้ความสัมพันธ์ของการนอนในมิติต่างๆ การนอนของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆแตกต่างจากมนุษย์หรือไม่    หากเปรียบเทียบการนอนของ มนุษย์กับสัตว์สปีชี่ส์อื่นมีการนอนต่างกันหรือเหมือนดันอย่างไร ตัวอย่างเช่น ยีราฟจะนอนครั้งละ 10 นาที รวมระยะเวลานอนทั้งหมด 4.6 ชั่วโมงต่อวัน สัตว์จำพวกค้างคาว และเม่นมีการนอนมากกว่าสัตว์อื่นๆเพราะใช้เวลานอน 17-20ชั่วโมงต่อวัน    สำหรับมนุษย์ การนอนคือส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในประสบการณ์ของมนุษย์ การสำรวจการนอนข้ามวัฒนธรรมน่าจะทำให้เราเข้าใจความหมายและปฎิบัติการของการนอนที่มีความซับซ้อนมากขึ้น..     การนอนอาจจะเป็นเรื่องของทางเลือก แต่เป็นทางเลือกที่อาจถูกควบคุมบังคับ โดยโครงสร้างทางสังคมวัฒนธรรม นอนเมื่อไหร่ นอนเท่าไหร่ นอนที่ไหน นอนอย่างไร และนอนกับใคร..     ในสังคมตะวันตก อุดมคติเก...