แนวคิดเศรษฐศาสตร์การเมืองของสุขภาพ เกี่ยวข้องกับปัจจัยทางสังคมระดับมหภาคที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ
โดยพิจารณาถึงโครงสร้างทางการเมืองและเศรษฐกิจ
ที่วางอยู่บนพื้นฐานของการผลิตทางสังคมเกี่ยวกับความเจ็บป่วย (The social production of disease) Morgan นิยาม
แนวคิดเศรษฐศาสตร์การเมืองของสุขภาพว่าคือการวิเคราะห์ระดับมหภาค
การวิพากษ์และมุมมองทางประวัติศาสตร์สำหรับการวิเคราะห์เกี่ยวกับการกระจายของโรคและการบริการทางสุขภาพ
ภายใต้ระบบเศรษฐกิจที่หลากหลาย
พร้อมกับเน้นย้ำเกี่ยวกับผลกระทบของการแบ่งชนชั้นทางสังคม
ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการเมือง ภายในระบบเศรษฐกิจโลก (Morgan,1984:132 อ้างในพิมพวัลย์ บุญมงคล 2555:12) แม้ว่าเศรษฐศาสตร์การเมืองของสุขภาพ
จะเกี่ยวข้องกับความหลากหลายของระบบเศรษฐกิจ
กระบวนการพัฒนาและการแผ่ขยายของระบบทุนนิยมโลก และแนวทางของแพทย์แบบชีวะ(Biomedicine) ที่ดำเนินการภายในบริบทเหล่านี้ ดังที่ Baer (1997:28) ได้กล่าวว่า ผลกำไรสร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของการแพทย์แบบชีวะ
ไปยังระบบทุนนิยมแบบเข้มข้น
พร้อมความพยายามอย่างหนักในการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีชั้นสูง
การใช้ประโยชน์เกี่ยวกับยาจำนวนมหาศาล
และความเข้มข้นของบริการในทางการแพทย์ที่ซับซ้อน
แนวคิดเชิงเศรษฐศาสตร์การเมืองด้านสุขภาพ
อยู่บนพื้นฐานแนวคิดที่สำคัญ 3 แนว แนวคิดแรก คือ แนวคิดแบบมาร์กซิสต์
ที่มองว่าระบบทุนนิยมดำเนินการได้ด้วยการสะสมทุน
การเอารัดเอาเปรียบชนชั้นแรงงานที่เป็นผลให้เกิดปัญหาทางสุขภาพ ดังเช่น
ความสัมพันธ์เชิงมหภาคในเรื่องของการพัฒนาระบบแพทย์เชิงพาณิชย์ กับเชิงจุลภาคคือความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์กับคนไข้ในบริบทของการรักษาและสุขภาพ
แนวคิดที่สอง
คือแนวคิดเชิงวิพากษ์วัฒนธรรม
ที่มองว่าวัฒนธรรมไม่ใช่ระบบความหมายที่ช่วยให้มนุษย์เข้าใจและอธิบายโลกของตนเองเท่านั้น
แต่วัฒนธรรมยังมีระบบคิดและอุดมการณ์ที่ ซ่อนเร้น ปิดปัง
และซุกซ่อนความจริงทางเศรษฐกิจการเมืองเอาไว้
ดังนั้นวัฒนธรรมจึงเป็นทั้งสายใยของความหมายที่มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์
ในอีกด้านหนึ่งยังเป็นเรื่องเร้นลับ และอำพรางความจริงของสังคมเอาไว้ด้วย
ในการนำแนวความคิดนี้มาอธิบายการแพทย์และการสาธารณสุข จึงสามารถนำมาอธิบายได้ว่า
การแพทย์และการสาธารณสุขเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา
แต่ในระบบทุนนิยมสิ่งเหล่านี้ถูกทำให้กลายเป็นสินค้า อีกทั้งคุณค่าและมูลค่าของการบริการสุขภาพกลายเป็นสิ่งที่คุกคามและเป็นอันตรายต่อสุขภาพของบุคคล
รวมทั้งก่อให้เกิดความไม่เท่าเทียม
ซึ่งโครงสร้างและสถาบันทางสังคมได้สร้างและผลักดันให้ความยากจนและความมีอภิสิทธิ์อยู่อย่างมั่นคงถาวร
ดังนั้นคนที่เสียเปรียบในสังคมก็ยังคงเสียเปรียบอยู่ตลอดเวลา ทั้งผู้หญิง
ชนชั้นกรรมกร คนยากจน ชาวนา และคนกลุ่มน้อย
แนวคิดที่สามคือ แนวคิดเชิงทฤษฎีการพึ่งพิงหรือเรียกว่า
World System Theory ที่เน้นความสัมพันธ์ที่ไม่เท่าเทียมกันระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้วกับปะเทศด้อยพัฒนา
จักรวรรดินิยมกับอาณานิคม
แนวคิดนี้มองว่าการแทรกแซงของระบบทุนนิยมในสังคมเป็นตัวกำหนดความเจ็บป่วย โรค
ความยากจนและการด้อยพัฒนาของผู้คนในสังคม (Morgan ,1987 อ้างในพิมพวัลย์,2555:หน้า 11-12)
แนวคิดเศรษฐศาสตร์การเมืองเป็นที่นิยมในช่วงปีค.ศ.1978-1990 ที่มองว่า การมีสุขภาพที่ดี
การเจ็บป่วยและการเข้าถึงระบบบริการสุขภาพของบุคคลต่างๆในสังคมที่เป็นอยู่ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่บุคคลกลุ่มต่างๆจะเข้าถึง
ควบคุม แย่งชิงและดูดซับทรัพยากรได้หรือไม่และในระดับใดเท่านั้นเอง รวมถึงการมีสถาบันทางการแพทย์เพื่อเป็นหลักประกันความมีสุขภาพอนามัยที่ดีอย่างเหมาะสมเพียงพอสำหรับประชาชน และการสร้างผลผลิตให้กับสังคมในฐานะของผู้ผลิตและผู้บริโภค
และความไม่สามารถจัดสรรทรัพยากรให้กับคนที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาและไม่สามารถกลับมาเป็นแรงงานในระบบตลาดได้
เช่น ผู้ป่วย คนชรา คนพิการ การแพทย์ได้ทำให้ความเหลือมล้ำทางสังคมเกิดขึ้น
สุขภาพกลายเป็นเรื่องของการต่อสู้แย่งชิง ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยกับแพทย์
เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ระบบบริการสุขภาพในระบบทุนนิยมที่ไร้ประสิทธิภาพ ราคาแพง
และควบคุมไม่ได้ รวมทั้งสร้างความไม่เท่าเทียมให้เกิดขึ้น
การมุ่งรักษาโรคเฉียบพลันด้วยการใช้ยาและเทคโนโลยีมากกว่าการป้องกันหรือการรักษาสุขภาพให้ดีของประชาชน
ดังนั้นสาเหตุของความเจ็บป่วยจึงเกิดขึ้นและสัมพันธ์กับปัจจัยทางเศรษฐกิจ
การเมืองและสังคม อันเนื่องมาจากระบบการผลิตแบบทุนนิยม เช่น
การผลิตอุตสาหกรรมเคมีแบบเครื่องจักร และระบบสายพานอุตสาหกรรม ที่ขึ้นอยู่กับเวลา
ปริมาณของผลผลิต ทำให้เกิดมลภาวะ การความเครียด ความแปลกแยกและอันตรายจากการทำงาน
อีกทั้งความล้มเหลวของรัฐที่จะแก้ไข
ควบคุมกิจกรรมของบริษัทหรือกลุ่มทุนข้ามชาติ
การควบคุม การผลิต การกระจายและตลาด
รวมถึงการโฆษณาสินค้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเช่นเหล้าบุหรี่ ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก การเกิดขึ้นของความสัมพันธ์ของระบบทุนนิยมและระบบสาธารณสุขที่สร้างความต้องการทางสุขภาพ
แต่ละเลยหรือมองข้ามสาเหตุที่แท้จริงของโรคทำให้เกิดความต้องการบริโภคบริการทางสุขภาพที่เป็นสินค้าเพื่อตอกย้ำความสัมพันธ์ของระบบสุขภาพกับระบบทุนนิยม
โดยสรุปก็คือ
แนวคิดทางด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองมองว่า สถาบันทางเศรษฐกิจ
กิจกรรมทางธุรกิจและการตัดสินใจทางการเมืองไม่เพียงส่งผลต่อความเจ็บป่วยของบุคคลและการเข้าถึงทรัพยากรทางสุขภาพเท่านั้นแต่ยังผลิตหรือสร้างความเจ็บป่วยที่นำไปสู่ความแปดเปื้อนและความเสี่ยงอื่นๆ
โดยสิ่งเหล่านี้มีผลกระทบต่อสุขภาพที่นำไปสู่การผลิตความเครียดที่สัมพันธ์กับการไม่ทำหน้าที่ทางกายภาพ
(Physical Dyfunction) ที่ลดทอนกับการต้านทานความเจ็บป่วย
ในทางตรงกันข้ามการจัดการของสังคมและชุมชนสามารถต่อสู้กับภาวะความเสี่ยงและสนับสนุนการสร้างโอกาสในการดูแลฟื้นฟูสุขภาพด้วย
(Winkleman,2009:296)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น