ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ตารางเปรียบเทียบ ระหว่าง positivism Interpretive and critical (นัฐวุฒิ สิงห์กุล)




Positivism
Interpretive
Critical
1.เหตุผลในการวิจัย
หากฏเกณฑ์ทั่วไปเพื่อให้คนสามารถทำนายและควบคุมสถานการณ์ได้
เข้าใจและอธิบาย Social Action
ทำลายความเชื่อเดิมและเสริมอำนาจให้ผู้คน เพื่อเปลี่ยนสังคมอย่างถอนรากถอนโคน
2.ธรรมชาติของความเป็นจริงทางสังคม
ความเป็นจริงคงที่และอยู่กันอย่างมีระบบ สามารถไปค้นหาได้
ความเป็นจริง เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้เพราะเกิดขึ้นจากการที่คนมีปฏิสัมพันธ์กัน
ในความเป็นจริงสังคมมีความขัดแย้งที่เกิดจากโครงสร้าง
3.ธรรมชาติของมนุษย์
ปัจจัยภายนอกทำให้คนมีความเป็นเหตุเป็นผล
มนุษย์สร้างความหมายและทำความเข้าใจโลก
มนุษย์ที่สร้างสรรค์ ปรับตัวได้ถูกมายาคติที่เกิดจากการขี่บดบังไม่ให้เห็นความสามารถของตน
4.บทบาทของสามัญสำนึก
สามัญสำนึกต่างกับวิทยาศาสตร์และมีความน่าเชื่อถือน้อยกว่าวิทยาศาสตร์
สามัญสำนึกคือทฤษฎีที่มีพลังซึ่งสร้างขึ้นโดยสามัญชน
สามัญสำนึกคือ ความเชื่อผิดๆที่ทำให้คนมองไม่เห็นถึงอำนาจและเงื่อนไขทางสังคมที่สร้างสำนึกนี้ขึ้นมา
5.โครงสร้างของทฤษฎี
ประกอบด้วยตรรกะ เชื่อมโยงสิ่งต่างๆโดยอาศัยทฤษฎี (ใช้ระบบDeductive)
อธิบายว่า ระบบการให้ความหมายต่อสิ่งต่างๆของคนกลุ่มต่างๆ เผยแพร่ไปยังคนอื่นได้อย่างไร และได้รับการยอมรับได้อย่างไร
บทวิพากษ์ที่เปิดเผยให้เห็นการกดขี่ และเห็นถึงวิถีทางไปสู่สังคมสมัยใหม่ที่ดีกว่า
6.การแสดงว่าสิ่งที่ค้นพบเป็นจริง
สร้างกฏทั่วไปเพื่ออธิบายความเป็นจริง
อธิบายว่ารู้สึกว่าผู้ให้ข้อมูลเป็นคนที่รู้เรื่องนั้นๆดี
อธิบายว่าเป็นการให้อาวุธ แก่ผู้ที่จะเอาไปเปลี่ยนแปลงโลก
7. การหาหลักฐานอ้างอิงที่ดี
ต้องสังเกตอย่างละเอียด เพื่อว่าผลที่ได้จะสามารถเอาไปอธิบายที่อื่นๆได้
หลักฐานจะอยู่ในบริบททางสังคมของการปฏิสัมพันธ์
ใช้ทฤษฎีที่เผยมายาคติ
8 ค่านิยมของผู้ศึกษากับการวิจัย
ไม่มีค่านิยม ของผู้วิจัย เข้ามาเกี่ยวข้อง นอกจากการเลือกเรื่องวิจัย
ค่านิยมเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตางสังคม ไม่มีค่านิยมใดถูก-ผิด เพียงแต่มันต่างกันเท่านั้น
ศาสตร์ทั้งหลายเริ่มจากค่านิยม บางค่านิยมก็ผิด บางค่านิยมก็ถูก

ตารางเปรียบเทียบ แนวคิดหลักที่มีอิทธิพลต่อการวิจัยทางสังคมศาสตร์

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การนอน มานุษยวิทยาและนักมานุษยวิทยา โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

 เข้านี้หลังจากตื่นนอน อยากเขียนการนอนในมิติทางมานุษยวิทยากับนักมานุษยวิทยา...    ผมเริ่มต้นกับการลองตั้งคำถามเพื่อหาความรู้เกี่ยวกับการนอนว่า อะไรคือการนอน ทำไมต้องนอน นอนที่ไหน นอนเมื่อไหร่ นอนอย่างไร นอนกับใคร นอนเพื่ออะไรและอื่นๆ..เพื่อจะได้รู้ความสัมพันธ์ของการนอนในมิติต่างๆ การนอนของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆแตกต่างจากมนุษย์หรือไม่    หากเปรียบเทียบการนอนของ มนุษย์กับสัตว์สปีชี่ส์อื่นมีการนอนต่างกันหรือเหมือนดันอย่างไร ตัวอย่างเช่น ยีราฟจะนอนครั้งละ 10 นาที รวมระยะเวลานอนทั้งหมด 4.6 ชั่วโมงต่อวัน สัตว์จำพวกค้างคาว และเม่นมีการนอนมากกว่าสัตว์อื่นๆเพราะใช้เวลานอน 17-20ชั่วโมงต่อวัน    สำหรับมนุษย์ การนอนคือส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในประสบการณ์ของมนุษย์ การสำรวจการนอนข้ามวัฒนธรรมน่าจะทำให้เราเข้าใจความหมายและปฎิบัติการของการนอนที่มีความซับซ้อนมากขึ้น..     การนอนอาจจะเป็นเรื่องของทางเลือก แต่เป็นทางเลือกที่อาจถูกควบคุมบังคับ โดยโครงสร้างทางสังคมวัฒนธรรม นอนเมื่อไหร่ นอนเท่าไหร่ นอนที่ไหน นอนอย่างไร และนอนกับใคร..     ในสังคมตะวันตก อุดมคติเก...

พิธีกรรม สัญลักษณ์ และ Victor Turner โดยนัฐวุฒิ สิงห์กุล

  พิธีกรรมวิเคราะห์แบบ  Victor turner  ที่ได้รับอิทธิพลทางความคิดจาก  Arnold Van Gennep  ที่มองภาวะภายในของจักรวาลที่ถูกจัดการให้มีลักษณะของการเปลี่ยนผ่านหมุนเวียนของช่วงเวลา  (Periodicity)  ที่จะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของมนุษย์   จะทำอะไร   จะปลูกอะไร   ชีวิตของมนุษย์ก็เหมือนกับภาวะของธรรมชาติ   ทั้งตัวปัจเจกชนและกลุ่มสังคม ล้วนแล้วแต่เชื่อมโยงสัมพันธ์ไม่มีส่วนใดที่สามารถแยกขาดได้อย่างอิสระ   โดยพิธีกรรมดังกล่าวจะแบ่งออกเป็น  3  ระยะคือ 1.rite of separation  หรือขั้นของการแยกตัว   ถือว่าเป็นส่วนของพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับการแยกตัวเองจากสถานภาพเดิม   ผ่านพิธีกรรมที่ทำให้บริสุทธิ์  (purification rites)  เช่น   การโกนผม   การกรีดบนเนื้อตัวร่างกาย   รวมถึงการตัด   การสร้างรอยแผลเป็น   การขลิบ  (scarification or cutting)  ที่เกิดขึ้นกับอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง 2.rite of transition  เป็นส่วนของพิธีกรรมที่ว่าด้วยการเปลี่ยนสภาพ   โดยบุคคลที่ร่วมในพิธีกรรมจะมีก...

เฟอร์ดิน็องต์ เดอร์ โซซูร์

เฟอร์ดิน็องต์ เดอร์ โซซูร์ (1857-1923) นักภาษาศาสตร์ชาวสวิสเซอร์แลนด์ เป็นผู้มีบทบาทอย่างสำคัญในประวัติศาสตร์ของพวกโครงสร้างนิยม   ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสัญวิทยาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของ เลวี่ สเตร๊าท์ (Levi-Strauss) ชาร์ค ลากอง (Jacques Lacan) และ โรล็องต์ บาร์ธ (Roland Barthes) รวมถึง มิเชล ฟูโก้ (Micheal Foucault) ที่ได้กลับมาวางรางฐานและปฎิเสธเกี่ยวกับโครงสร้างนิยม ภายใต้ทิศทางใหม่ของหลังโครงสร้างนิยม (Post-Structuralism) ในคำบรรยายเริ่มแรกของเขาที่มหาวิทยาลัยเจนีวา ในช่วงปี 1906-1911 และการตีพิมพ์โครงร่างงานของเขาที่เขียนไว้ และคำบรรยายของเขาที่ลูกศิษย์ได้รวบรวมไว้ ภายหลังการมรณกรรมของเขาเมื่อปี 1915-1916   ภายใต้ชื่อ Course de linguistique   Generale ซึ่งถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษและเผยแพร่ในยุโรป ภายใต้ชื่อ Course in general linguistic ในปี 1960 เขาได้นำเสนอความคิดว่า การศึกษาภาษาศาสตร์ในปัจจุบัน สามารถศึกษาได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ซึ่งน่าจะได้รับอิทธิพลจากอีมิล เดอร์ไคม์ (Emile D...