ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

คำถามเกี่ยวกับความเป็นอมตะของชีวิต



คำถามเกี่ยวกับความเป็นอมตะของชีวิต (Immortality) ซึ่งมีความเป็นไปได้ส่วนหนึ่งในทางปรัชญาเกี่ยวกับความตาย และการตั้งคำถามกลับเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย
1.จิตวิญญาณตายพร้อมกับร่างกาย (The Soul dies with the body) เชื่อว่าไม่มีบุคคลใด  (Person) หรือองค์ประธานใด (Subject) ที่ดำรงอยู่หรือเหลือรอดหลังความตาย (Death)
2.การกลับมาเกิดใหม่หรือดำรงสภาวะใหม่ บางครั้งเรียกว่า Re-Birth หรือ Re – Incarnation ที่การแตกดับนำไปสู่สภาวะการเกิดใหม่หรือเปลี่ยนรูปใหม่
3.จิตวิญญาณ (Soul) เป็นอมตะหรือเป็นนิรันดร์โดยตัวของมันเอง (The immortality of the soul by itself)
4.The resurrection of the body on the last day คือการกลับมาเกิดอีกครั้งหนึ่งภายหลังวันสิ้นสุดโลกหรือวันที่พระเจ้าพิพากษามวลมนุษย์พร้อมกัน
5.The immediate resurrection of the body เป็นการกลับฟื้นคืนชีพอย่างทันทีทันใด เช่น กรณีของพระเยซูคริสต์ เป็นต้น
ความเชื่อในเรื่องของจิตใจ และร่างกาย ที่เป็นหนึ่งเดียวกัน และแยกออกจากกันในบางสภาวการณ์ เช่น สิ่งที่คนไทยเชื่อกันว่าในร่างกายมีขวัญ เมื่อเกิดอาการเจ็บป่วย เกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดอาการตกใจ ขวัญก็จะออกจากร่างกาย ซึ่งเป็นการออกไปแบบชั่วคราวและสามารถเรียกกลับคืนมาได้ ด้วยวิธีการที่เรียกว่า เรียกขวัญ ส่วนวิญญาณนั้นสัมพันธ์กับการมีชีวิต วิญญาณออกจากร่างกายก็คือ การหมดลมหายใจ หรือสิ้นลม 
ประสบการณ์เกี่ยวกับชีวิตและความตายดังกล่าว ทำให้มนุษย์อ้างถึงหรือสร้างเรื่องราวเกี่ยวกับผี และสิ่งเหนือธรรมชาติอื่นๆ  รวมถึงพิธีกรรมความเชื่อ ศาสนาต่างๆ ซึ่งวางอยู่บนพื้นฐานของความกลัว และความตาย ที่มนุษย์จะต้องเผชิญ และในยุคแรกเริ่มดั้งเดิม มนุษย์ไม่สามารถหาเหตุผลหรือคำอธิบายเกี่ยวกับการกำเนิด หรือ สาเหตุของความตายของมนุษย์ได้ ความเชื่อทางด้านศาสนาตำนานเทพเจ้าและพิธีกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับมนุษย์จึงถูกสร้างขึ้น เช่น ความเชื่อของอียิปต์ เกี่ยวกับสุริยะเทพ ซึ่งเป็นผู้สร้างมนุษย์ หรือคนัม มนุษย์เพศผู้ มีเศียรเป็นแพะ ที่ปั้นมนุษย์ขึ้นมาจากดินเหนียว หรือเทพเจ้าอนูบิส เทพเจ้าของคนตาย ที่มีเศียรเป็นหมาใน และเป็นเทพผู้ทำมัมมี่ให้กับมนุษย์ รวมถึงเทพเจ้าโอซิรีส เทพเจ้าแห่งความตายและการฟื้นคืนชีพ โลกและใต้พิภพ หรือแม้แต่ความเชื่อของคนไทย เกี่ยวกับท้าวยมราช หรือท้าวผู้ดูแลยมโลกและพิพากษาความดี ความชั่วของมนุษย์ และยมทูตซึ่งเป็นผู้นำวิญญาณคนตายลงมายังนรก เป็นต้น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การนอน มานุษยวิทยาและนักมานุษยวิทยา โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

 เข้านี้หลังจากตื่นนอน อยากเขียนการนอนในมิติทางมานุษยวิทยากับนักมานุษยวิทยา...    ผมเริ่มต้นกับการลองตั้งคำถามเพื่อหาความรู้เกี่ยวกับการนอนว่า อะไรคือการนอน ทำไมต้องนอน นอนที่ไหน นอนเมื่อไหร่ นอนอย่างไร นอนกับใคร นอนเพื่ออะไรและอื่นๆ..เพื่อจะได้รู้ความสัมพันธ์ของการนอนในมิติต่างๆ การนอนของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆแตกต่างจากมนุษย์หรือไม่    หากเปรียบเทียบการนอนของ มนุษย์กับสัตว์สปีชี่ส์อื่นมีการนอนต่างกันหรือเหมือนดันอย่างไร ตัวอย่างเช่น ยีราฟจะนอนครั้งละ 10 นาที รวมระยะเวลานอนทั้งหมด 4.6 ชั่วโมงต่อวัน สัตว์จำพวกค้างคาว และเม่นมีการนอนมากกว่าสัตว์อื่นๆเพราะใช้เวลานอน 17-20ชั่วโมงต่อวัน    สำหรับมนุษย์ การนอนคือส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในประสบการณ์ของมนุษย์ การสำรวจการนอนข้ามวัฒนธรรมน่าจะทำให้เราเข้าใจความหมายและปฎิบัติการของการนอนที่มีความซับซ้อนมากขึ้น..     การนอนอาจจะเป็นเรื่องของทางเลือก แต่เป็นทางเลือกที่อาจถูกควบคุมบังคับ โดยโครงสร้างทางสังคมวัฒนธรรม นอนเมื่อไหร่ นอนเท่าไหร่ นอนที่ไหน นอนอย่างไร และนอนกับใคร..     ในสังคมตะวันตก อุดมคติเก...

พิธีกรรม สัญลักษณ์ และ Victor Turner โดยนัฐวุฒิ สิงห์กุล

  พิธีกรรมวิเคราะห์แบบ  Victor turner  ที่ได้รับอิทธิพลทางความคิดจาก  Arnold Van Gennep  ที่มองภาวะภายในของจักรวาลที่ถูกจัดการให้มีลักษณะของการเปลี่ยนผ่านหมุนเวียนของช่วงเวลา  (Periodicity)  ที่จะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของมนุษย์   จะทำอะไร   จะปลูกอะไร   ชีวิตของมนุษย์ก็เหมือนกับภาวะของธรรมชาติ   ทั้งตัวปัจเจกชนและกลุ่มสังคม ล้วนแล้วแต่เชื่อมโยงสัมพันธ์ไม่มีส่วนใดที่สามารถแยกขาดได้อย่างอิสระ   โดยพิธีกรรมดังกล่าวจะแบ่งออกเป็น  3  ระยะคือ 1.rite of separation  หรือขั้นของการแยกตัว   ถือว่าเป็นส่วนของพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับการแยกตัวเองจากสถานภาพเดิม   ผ่านพิธีกรรมที่ทำให้บริสุทธิ์  (purification rites)  เช่น   การโกนผม   การกรีดบนเนื้อตัวร่างกาย   รวมถึงการตัด   การสร้างรอยแผลเป็น   การขลิบ  (scarification or cutting)  ที่เกิดขึ้นกับอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง 2.rite of transition  เป็นส่วนของพิธีกรรมที่ว่าด้วยการเปลี่ยนสภาพ   โดยบุคคลที่ร่วมในพิธีกรรมจะมีก...

เฟอร์ดิน็องต์ เดอร์ โซซูร์

เฟอร์ดิน็องต์ เดอร์ โซซูร์ (1857-1923) นักภาษาศาสตร์ชาวสวิสเซอร์แลนด์ เป็นผู้มีบทบาทอย่างสำคัญในประวัติศาสตร์ของพวกโครงสร้างนิยม   ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสัญวิทยาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของ เลวี่ สเตร๊าท์ (Levi-Strauss) ชาร์ค ลากอง (Jacques Lacan) และ โรล็องต์ บาร์ธ (Roland Barthes) รวมถึง มิเชล ฟูโก้ (Micheal Foucault) ที่ได้กลับมาวางรางฐานและปฎิเสธเกี่ยวกับโครงสร้างนิยม ภายใต้ทิศทางใหม่ของหลังโครงสร้างนิยม (Post-Structuralism) ในคำบรรยายเริ่มแรกของเขาที่มหาวิทยาลัยเจนีวา ในช่วงปี 1906-1911 และการตีพิมพ์โครงร่างงานของเขาที่เขียนไว้ และคำบรรยายของเขาที่ลูกศิษย์ได้รวบรวมไว้ ภายหลังการมรณกรรมของเขาเมื่อปี 1915-1916   ภายใต้ชื่อ Course de linguistique   Generale ซึ่งถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษและเผยแพร่ในยุโรป ภายใต้ชื่อ Course in general linguistic ในปี 1960 เขาได้นำเสนอความคิดว่า การศึกษาภาษาศาสตร์ในปัจจุบัน สามารถศึกษาได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ซึ่งน่าจะได้รับอิทธิพลจากอีมิล เดอร์ไคม์ (Emile D...