ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เพลงในความทรงจำ ร็อคบนดินและใต้ดินในยุคนั้น

ถ้าพูดถึงวงร็อคในช่วงสมัยผมเป็นวันรุ่นมีหลายวงที่มีฝีมือและมีเพลงความหมายดีๆ บางวงไม่อยู่ในกระแส เป็นวงใต้ดินบ้าง หรือมีสังกัดในบริษัทเพลงใหญ่บ้าง แต่สิ่งที่น่าสนใจคือเพลงของพวกเขาถือว่าแปลกใหม่มากในยุคสมัยนั้น วงแรกคือซีเปีย อัลบั้มเกลียดตุ๊ด มีเพลงแรงแรงหลายเพลง เช่นเกลียดตุ๊ค และอื่นๆ เพลงที่ผมชอบคือ ballad of death เสียงกีตาร์เพราะเศร้าๆสออดคล้องกับเนื้อหาของเพลงที่พูดถึงความรักและกำลังจะมีการตัดสินใจทำบางสิ่งในสถานการณ์ที่รักไม่สมหวัง เพลงนี้ในแง่หนึ่งให้กำลังใจว่าเธอยังมีฉันอยู่ทั้งคนอย่าคิดทำอะไรอย่างนั้น







อีกวงหนึ่ง ไทร็อค วงนี้ก็มีความน่าสนใจที่นักร้องเสียงแหลมมาก มีเพลงเพราะๆเยอะเช่น แผ่นดิน ขอจง แบบสุขกึ๋น เพลงนี้ก็ค่อนข้างความหมายและดนตรีถือว่าทันสมัยถูกใจวัยรุ่นในยุคนั้น



อีกวงหนึ่งเป็นวงที่เนื้อหาของเพลงค่อนข้างแรง ในสมัยนั้นเราจะเจอคำว่าเพลงใต้ดิน ซึ่งแน่นนอนว่าวงนี้เป็นอีกวงหนึ่งที่มีฝีมือ เพลงของพวกเขาสะท้อนปัญหาและความคิดทางสังคม แต่ผมชอบเพลงแผ่นดินมากที่สุดครับ





อีกวงหนึ่งที่ผมพอจะจำได้ว่าเคยฟังเพลงของเขาแล้วก็มีความหมายดีคือ วุธ Heretic  เพลงต้องการใครสักคนไหม 




เพลงของนักดนตรีกลุ่มเมทัลอีกกลุ่มหนึ่งคือดอนผีบิน เพลงผ่านวัน ผมชอบเพลงนี้มากทั้งความหมายและดนตรีจังหวะหนักๆ





อีกคนคือ พราย ปฐมพร คนนี้ค่อนข้างจะออกแนวแหวกๆหน่อย แต่ผมก็ชอบที่เขามีความเป็นตัวของตัวเองสูง แก้ผ้าถ่ายปกร้องเพลง สัญลักษณ์ของเขาคือมีเส้นคาดเป็นแนวยาวผ่านจมูกใบหน้า นำ้เสียงแหบหน่อยแต่มีเสน่ห์มาก ผมชอบเพลงไม่ได้มามือเปล่า






คนสุดท้ายคือ ฤิทธิพร อินสว่าง อันนี้เพลงเพราะทุกเพลงออกแนวร็อคเพื่อชีวิต เพลงเด่นเช่น ธุลี ใบไม้ และเธอผู้ห่างไกล



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Biomedical Model และ Bio-Psycho-social Mode

(1)        อะไรคือ Biomedical Model และ Bio-Psycho-social Model ? แนวคิดแบบจำลองทางชีวะการแพทย์ ( Biomeaical Model ) เริ่มต้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ที่ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์มีการพัฒนาอย่างเติบโตรวดเร็วและกว้างขวาง การค้นพบเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยอย่างกล้องจุลทรรศน์ ทำให้มนุษย์ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น แม้แต่สิ่งที่เล็กที่สุดในร่างกายของมนุษย์ รวมถึงเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมต่างๆที่เข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่แพทย์ใช้วินิจฉัยสาเหตุของโรคและความเจ็บป่วย แบบจำลองนี้ ดังนั้นแบบจำลองนี้เสนอว่า โรคหรือความผิดปกติทางกาย( Physiology )ซึ่งเกิดจากการบาดเจ็บ ความผิดปกติของพันธุกรรม ( Abnomal Genetics ) ความไม่สมดุลทางชีวะเคมี ( Biochemistry ) เรื่องของพยาธิวิทยา ( Pathology )   แบคทีเรีย หรือไวรัส หรือสิ่งอื่นๆที่คล้ายคลึงกันที่นำไปสู่การติดเชื้อและความเจ็บป่วยของมนุษย์ ซึ่งแนวคิดดังกล่าวนี้ไม่ได้อธิบายบทบาทของปัจจัยทางสังคม( The role of Social factors )หรือความคิดของปัจเจกบุคคล  ( Individual Subjectivity ) โดยแบบจำลองทางชีวะการแพทย์ เน้นอยู่ที่ปัจจัยทางชีววิทยาเพ

การนอน มานุษยวิทยาและนักมานุษยวิทยา โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

 เข้านี้หลังจากตื่นนอน อยากเขียนการนอนในมิติทางมานุษยวิทยากับนักมานุษยวิทยา...    ผมเริ่มต้นกับการลองตั้งคำถามเพื่อหาความรู้เกี่ยวกับการนอนว่า อะไรคือการนอน ทำไมต้องนอน นอนที่ไหน นอนเมื่อไหร่ นอนอย่างไร นอนกับใคร นอนเพื่ออะไรและอื่นๆ..เพื่อจะได้รู้ความสัมพันธ์ของการนอนในมิติต่างๆ การนอนของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆแตกต่างจากมนุษย์หรือไม่    หากเปรียบเทียบการนอนของ มนุษย์กับสัตว์สปีชี่ส์อื่นมีการนอนต่างกันหรือเหมือนดันอย่างไร ตัวอย่างเช่น ยีราฟจะนอนครั้งละ 10 นาที รวมระยะเวลานอนทั้งหมด 4.6 ชั่วโมงต่อวัน สัตว์จำพวกค้างคาว และเม่นมีการนอนมากกว่าสัตว์อื่นๆเพราะใช้เวลานอน 17-20ชั่วโมงต่อวัน    สำหรับมนุษย์ การนอนคือส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในประสบการณ์ของมนุษย์ การสำรวจการนอนข้ามวัฒนธรรมน่าจะทำให้เราเข้าใจความหมายและปฎิบัติการของการนอนที่มีความซับซ้อนมากขึ้น..     การนอนอาจจะเป็นเรื่องของทางเลือก แต่เป็นทางเลือกที่อาจถูกควบคุมบังคับ โดยโครงสร้างทางสังคมวัฒนธรรม นอนเมื่อไหร่ นอนเท่าไหร่ นอนที่ไหน นอนอย่างไร และนอนกับใคร..     ในสังคมตะวันตก อุดมคติเกี่ยวกับการนอนเป็นสิ่งที่ถูกทำให้เป็นเรื่องส่วนตัว(priv

เฟอร์ดิน็องต์ เดอร์ โซซูร์

เฟอร์ดิน็องต์ เดอร์ โซซูร์ (1857-1923) นักภาษาศาสตร์ชาวสวิสเซอร์แลนด์ เป็นผู้มีบทบาทอย่างสำคัญในประวัติศาสตร์ของพวกโครงสร้างนิยม   ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสัญวิทยาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของ เลวี่ สเตร๊าท์ (Levi-Strauss) ชาร์ค ลากอง (Jacques Lacan) และ โรล็องต์ บาร์ธ (Roland Barthes) รวมถึง มิเชล ฟูโก้ (Micheal Foucault) ที่ได้กลับมาวางรางฐานและปฎิเสธเกี่ยวกับโครงสร้างนิยม ภายใต้ทิศทางใหม่ของหลังโครงสร้างนิยม (Post-Structuralism) ในคำบรรยายเริ่มแรกของเขาที่มหาวิทยาลัยเจนีวา ในช่วงปี 1906-1911 และการตีพิมพ์โครงร่างงานของเขาที่เขียนไว้ และคำบรรยายของเขาที่ลูกศิษย์ได้รวบรวมไว้ ภายหลังการมรณกรรมของเขาเมื่อปี 1915-1916   ภายใต้ชื่อ Course de linguistique   Generale ซึ่งถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษและเผยแพร่ในยุโรป ภายใต้ชื่อ Course in general linguistic ในปี 1960 เขาได้นำเสนอความคิดว่า การศึกษาภาษาศาสตร์ในปัจจุบัน สามารถศึกษาได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ซึ่งน่าจะได้รับอิทธิพลจากอีมิล เดอร์ไคม์ (Emile Derkhiem ในหนัง