วันอังคารที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ปัญหาทางสุขภาพในวิธิคิดแบบ Biomedical Model และ Bio-Psycho-social Model ?

ปัญหาทางสุขภาพในวิธีคิดแบบ Biomedical Model และ Bio-Psycho-social Model ?
ในบทความเรื่อง After the Miracle ชิ้นนี้เปนเรื่องเกี่ยวกับจิตรา (Chitra) ผูหญิงชาวอินเดียอายุ 32 ปที่อพยพมา อาศัยอยูในเมืองนิวยอรก ประเทศสหรัฐอเมริกา  เหตุการณเกิดขึ้นเมื่อเธอพบวามีกอนเนื้อบริเวณหนาอกขาง ซายของเธอ และเธอก็ไดไปหาหมอและไดรับการวินิจฉัยวากอนเนื้อนั้นเปนเนื้อราย รวมทั้งตรวจพบวามะเร็งได เริ่มลุกลามไปยังปอดของเธอแลว  หลังจากนั้นเธอไดรับการรักษาโดยการตัดเตานมและเนื้อเยื่อที่อยูรอบๆออกไป แพทยไดใชวิธีการรักษาจิตราดวยการฉายรังสีและรักษาดวยวิธี Chemotherapy ซึ่งเปนขั้นตอน มาตรฐานสําหรับการรักษามะเร็งเตานมทั่วไปเพื่อรักษาชีวิตของผูปวย  โดยความมหัศจรรยที่เกิดขึ้นในชีวิตของเธอสัมพันธกับการรักษาโรคดวยสองวิธีการที่แตกตางแตมีเปาหมายเดียวกันคือการรักษาเยียวยาใหหายจาก ความเจ็บปวย ที่นําไปสูความมหัศจรรยในชีวิตของเธอที่เซลลมะเร็งหายไปจากรางกายของเธอ 
 ความเจ็บปวยไมใชเพียงแคเรื่องของรางกายตามคําอธิบายชีวะการแพทย แตมีเรื่องที่เกี่ยวของกับ ชีวะ จิตและสังคมดวย ดังเชนในบทความ ผูเขียนบทความซึ่งเปนหมอที่ดูแลจิตรา ไดเฝาติดตามและสังเกต พฤติกรรมของเธอจนพบวาจิตตรามีความวิตกกังวลและเครียดมาก ซึ่งไมใชเรื่องที่เธอจะตองตายแตเธอเปน กังวลวาสามีของเธอจะอยูคนเดียวและตอไปแตงงานใหมกับผูหญิงอเมริกันซึ่งเปนเรื่องที่เธอทําใจยอมรับไมได แมวาดูภายนอกเธอจะดูมีสุขภาพที่แข็งแรงแตจริงๆแลวเธอซอนความเจ็บปวยของเธอจากผูอื่นเชนญาติของเธอ ซึ่งเธอกลัววาพวกเขาจะมองเธอดวยสายตาที่สงสารวาเธอกําลังใกลจะตาย ทั้งๆที่เธอไดรับความทุกขทรมานจาก ความเจ็บปวยอยางมาก  โอกาสมีชีวิตรอดของเธอเกินกวา5 ปมีนอยกวา 10 เปอรเซ็นต จนกระทั่งนายแพทยได เสนอแนวทางการรักษาใหมที่ควบคูไปกับการทําเคมีบําบัดสําหรับจิตรา ซึ่งก็คือวิธีการแบบอายุรเวช (Ayuraveda)  ซึ่งแมวาจิตราจะเติบโตในสังคมอินเดีย แตเธอก็มีความรูเกี่ยวกับเรื่องนี้นอยมาก มีเพียงปูของเธอ ซึ่งเปนเจเนอเรชั่นสุดทายที่รูเรื่องเหลานี้พรอมกับการเติบโตของการแพทยสมัยใหมในอินเดีย ดังนั้นความ เจ็บปวยของจิตราจึงไมใชแคเรื่องของรางกายแตสัมพันธกับมิติทางดานจิตใจ ความวิตกกังวล รวมถึงเรื่องสังคมที่สัมพันธกับบุคคลที่เธอรักและครอบครัว 
การรักษาความเจ็บปวยไมสามารถรักษาแคเพียงรางกายอยางเดียวแตสัมพันธกับเรื่องของจิตใจและ สังคม ทั้งความเชื่อมั่นในการรักษา การยอมรับการรักษา รวมถึงการบรรเทาความวิตกกังวลหรือความกลัวที่ บุคคลเผชิญกับความเจ็บปวย ดังเชนในบทความ หมอตองการดึงจิตรามาเขาสูกระบวนการรักษาแบบอายุรเวช เพราะความเจ็บปวยดวยโรคมะเร็งของจิตราไดเกี่ยวของกับลักษณะทางกายภาพหรือรางกายเทานั้นแตยัง เกี่ยวพันกับสิ่งอื่นๆแบบเปนองครวม (Holistic) แมวาจิตราจะรับรูวาเธอปวยเปนมะเร็งและรูสึกถึงความทุกข ทรมานจากโรคนี้ ทั้งจากการตรวจเนื้อเยื่อที่ปอดของเธอและรูวาเซลลมะเร็งมีการแพรกระจายมากขึ้น รวมถึง อาการปวดหนาอกของเธอที่ทําใหเธอตั้งนั่งพักและหายใจลําบาก ที่สะทอนใหเห็นสัญญาณของโรคที่เกี่ยวของ กับรางกาย ความรูสึกเจ็บปวดอารมณซึมเศรา หดหู ความวิตกกังวล ที่สมองของจิตราตอบสนองตอสิ่งเหลานี้  ดังนั้นวิธีการแบบองครวม (Holistic) จึงเปนวิธีการรักษาที่เกี่ยวของสัมพันธระหวางรางกาย (Body)กับ จิตใจ (Mind) เขาดวยกัน โดยเปรียบเทียบใหเห็นวาถาปจจุบันจิตตราอยูในบอมเบย อินเดีย ยาของเธออาจจะ จัดเตรียมอาหารที่เฉพาะใหเธอ  การนวดน้ำมันเพื่อใหรางกายผอนคลายและทําความสะอาดรางกายใหเธอหรือ ซื้อยาสมุนไพรจากรานขายยาอายุรเวชและใหหลอนนอนพักอยูบนเตียงนอน ซึ่งวิธีการรักษาแบบอายุรเวชจึง เปนสิ่งที่ปะทะกับบางสิ่งที่ลึกในธรรมชาติ และเปนความรูที่เปนรากเหงาซึ่งไมใชเทคนิควิทยาการสมัยใหมแต เปนภูมิปญญา (Wisdom) ในขณะที่แพทยแบบสมัยใหม (Modern Medicine) มียุทธศาสตรอยูที่การปะทะโจมตี ทางดายกายภาพในโรคมะเร็งของผูปวย แมวาวิธีการทั้งสองอยางจะเหมือนกันตรงที่ใหความสําคัญกับรางกาย โดยอายุรเวช เนนที่การบําบัดฟนฟูตัวเองของรางกาย ขณะที่การแพทยสมัยใหมจัดการกับรางกายโดยเครื่องมือ ทางการแพทยสมัยใหม ทั้งยา รังสี เอกเรย ในขณะที่การทําสมาธิ การฝกจิตเปนเรื่องของจิตใจที่ถูกเชื่อมโยงเขา มาในการรักษาที่หลากหลายของจิตรา  ความมหัศจรรยที่เกิดขึ้นกับการรักษาดวยวิธีการทั้งสองรูปแบบรวมกัน สะทอนใหเห็นความสัมพันธ ของกระบวนทางชีวะวิทยา จิตวิทยาและสังคมที่ทําใหอาการเจ็บปวยของจิตราหายไป ดังเชนในบทความพบวา จิตราไดเขารับการรักษาที่คลินิกของหมอ เธอนอนพักรักษาตัวอยูหลายสัปดาหเพื่อเขารับการรักษาและการ รักษาตัวที่บาน ดวยวิธีการเปลี่ยนแปลงอาหาร การกินยาสมุนไพรตามตําราอายุรเวช  การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การออกกําลังกาย เชน การเลนโยคะ วิธีการดังกลาวเหมือนการฟนฟูซอมแซมรางกายที่เชื่อในความสามารถของ การดูแล รักษา ฟนฟูตัวเอง เพื่อใหอวัยวะตางๆกลับมาสูความสมดุล จิตตราเชื่อมั่นกับโปรแกรมการรักษาและกลับมาทุก 6 สัปดาห ในขณะเดียวกันเธอก็ยังคงรักษาดวยวิธีการเคมีบําบัดดวยกับหมอที่นิวยอรก ประมาณป หนึ่งเมื่อไดติดตามความกาวหนาของจิตรา จากการเอ็กซเรยปอดก็ยังคงแยเหมือนเดิม หายใจลําบากและดู เหมือนเธอจะออนแอลง จนกระทั่งหมอสงสัยวาเธอจะมีอาการติดเชื้อ มีไขสูงมากและไมอนุญาตใหเธอออกจาก โรงพยาบาล หมอตัดสินใจเอ็กซเรยปอดของเธออีกครั้ง จนกระทั่งพบวาปอดของเธอไมมีเซลลมะเร็งแลวและ เธอสามารถฟนฟูตัวเองขึ้นมาไดอยางนาอัศจรรย ไมวาจะเกิดจาการรักษาดวยเคมีบําบัดหรืออายุเวชก็ตาม แตจิตราก็ยังมีความกังวลวาเซลลมะเร็งจะกลับมาอีกครั้ง เธอจึงเขามาคุยกับผูเขียนบทความวาจะทํา อยางไรดี เพราะหมอที่รักษาดวยเคมีบําบัดก็บอกวาเธอดีขึ้นเพราะเคมีบําบัดและควรรักษาดวยวิธีการนี้ตอ แมวา ผูเขียนจะเชื่อมั่นในวิธีการรักษาแบบอายุรเวชก็ตามแตไมมีเหตุผลที่ดีมากเพียงพอที่จะใหเธอเลิกรักษาดวยเคมี บําบัดแลวมารักษาดวยอายุรเวชอยางเดียว เพราะไมสามารถรับประกันไดหากเธอกลับมาเปนอีกครั้งและตายใน 6 เดือนถัดไป แตผูเขียนก็ขอใหเธอรักษาแบบเคมีบําบัดควบคูกับอายุรเวชดวย จนกระทั่งหลายเดือนจิตราก็หาย จากโรคนี้ แตเธอก็ยังคงสงสัยถึงความมหัศจรรยที่เกิดขึ้นในชีวิตของเธอเกี่ยวกับโรคภัยไขเจ็บที่หายไป  ในทางการแพทยพยายามจะทําความเขาและอธิบายดวยหลักการของQuantum หรือภาวการณกาว กระโดด (เชนเดียวกับภาวะใกลตายหรือปวยหลักไปสูการหายจากความเจ็บปวย) หรือพลังงาน เปนที่รับรูกันใน หมูนักฟสิกสแมจะยังไมมีการใชในทางคลินิกแตก็มีการพยายามเชื่อมโยงวิธีคิดนี้กับการรักษาแบบอายุรเวช ใน กรณีของจิตราคือการรักษาแบบควอนตัม (Quantum Healing) ที่มีการเคลื่อนไหวจากภายนอก วิธีการที่ใชเทคโนโลยีขั้นสูงไปยัง แกนกลางที่ลึกที่สุดของระบบรางกายและจิตใจ ที่เปนแกนกลางของการรักษา ดังเชนการผสมกลมกลืนระหวาง อายุรเวชกับวิธีการรักษาสมัยใหมเชน เคมีบําบัดหรือรังสีที่สะทอนใหเห็นการแตงงานหรือการเชื่อมโยงระหวาง สองวัฒนธรรมที่พยายามนําไปสูคําตอบที่เปนหนึ่งเดียวคือการรักษาโรค ถาเรารูวาสมองของมนุษยทําหนาที่ อะไรสัมพันธกับความคิด อารมณ ความรูสึกและกระตุนการเคลื่อนไหวของรางกายการรักษาความเจ็บปวยก็ ยอมสามารถทําไดอยางมีประสิทธิภาพ ดังนั้น การรักษาโดยเนนทางรางกายโดยการใหยา ผาตัด มากกวาการ เชื่อมโยงทางดานจิตใจรางกายเขาดวยกันที่จะทําใหเกิดการรักษาที่มีประสิทธิภาพและเกิดความมหัศจรรย ขึ้นกับชีวิตของเธอได ดังนั้นการทําความเขาใจสุขภาพอยางเปนองครวมวามีความสัมพันธกับเรื่องของกาย จิตและสังคม การ ผสมผสานระหวางความคิดแบบตะวันตก ที่มองความเจ็บปวยเปนเรื่องของเชื้อโรค พันธุกรรม ยีนส และ
รางกายแบบการแพทยเชิงชีวะ ที่ยังมีขอจํากัด กับการมองความเจ็บปวยดวยเรื่องของจิตใจและสังคมก็เปนสิ่งที่ สําคัญ  ปาฎิหาริยที่เกิดขึ้นในบทความไมวาจะเกี่ยวของกับการหายจากอาการปวยจากโรคราย หรือตัวอยางที่ ผูขียนยกมาประกอบ เชน กระดูกหักที่สามารถผสานกันไดดวยจากสภาวะที่ความรูสึกสั่งการใหเกิดขึ้น หรือ ผูปวยเอดสที่มีชีวิตอยูไดยืนนาน ที่สัมพันธกับการรักษาโดยอาศัยพลังของศรัทธา จึงเปนสิ่งที่สัมพันธกับ กระบวนการทางจิตวิทยา ความมุงมั่นที่จะมีชีวิตรอด การตระหนักในศักยภาพแหงตน (Self Efficacy) ที่เชื่อมั่น ในการรักษาและการดูแลสุขภาพ รวมถึงความคิดและทัศนคติในเชิงบวกตอความเจ็บปวยของตัวเอง ซึ่งทั้งหมด ลวนสัมพันธกับเรื่องของจิตวิทยาและสังคมและมีความสําคัญมากขึ้นในงานวิจัยและงานศึกษาเกี่ยวกับสุขภาพ และความเจ็บปวยในปจจุบัน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สตรีนิยมกับสิ่งแวดล้อม โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

Aldo Leopold(1994) เขียนหนังสือที่รวบรวมบทความของเขาชื่อ Sand Country Almanac เขาได้อธิบายถึงปรัชญาของนักสตรีนิยมสิ่งแวดล้อมว่า ผู้หญิงมีควา...