วาทกรรมการพนัน
เมื่อเวลาอ่านข่าวหรือบทสัมภาษณ์ของกลุ่มคนต่างๆเกี่ยวกับประเด็นเรื่องของการเปิดบ่อนคาสิโน
ผมรู้สึกหงุดหงิดและตะขิดตะขวงใจทุกครั้ง กับคำพูดหรือวาทกรรมหลายชุดที่มักพบคือ
1.การพนันอยู่ในสายเลือดของคนไทย
ซึ่งสะท้อนให้เห็นรากเหง้าความคิดแบบชีววิทยาที่ให้ความสำคัญกับยีนส์และพันธุกรรม
ซึ่งสามารถถ่ายทอดลักษณะเด่นและลักษณะด้อยไปยังบุคคล เมื่อการพนันอยู่ในสายเลือดของคนไทย
มันฝังรากลึกในจิตวิญญาณ วิธีคิด วิถีชีวิต เนื้อตัวร่างกายของคนไทย
ซึ่งเหมือนจะบอกนัยว่ามันแก้ยาก ก็ปล่อยๆมันไปเถอะ
ความคิดแบบนี้มีลักษณะแบบสารัตถะนิยม
และสากลนิยมที่พยายามจะอธิบายแบบเหมารวมถึงลักษณะ คุณสมบัติบุคลิกภาพและอัตลักษณ์ประจำชาติ
จริงๆแล้วการพนันอยู่ในสายเลือดของคนไทยจริงหรือ? มันมีอยู่กับทุกคนหรือเฉพาะบางคนเท่านั้น?
อย่าเหมารวม...
2.เมืองไทยเป็นเมืองพุทธศาสนาไม่สมควรเปิดบ่อนคาสิโน
เพราะการเปิดบ่อนคาสิโนเป็นการขัดต่อหลักธรรมคำสอนและศีลธรรมจรรยาอันดีงาม(ซึ่งที่จริงในประเทศไทยมีความหลากหลายทางศาสนาและหลักการของทุกศาสนาก็สอนให้คนเป็นคนดี)
ซึ่งคำพูดแบบนี้ไม่อาจใช้ได้กับทุกกรณี
บางประเทศที่เป็นเมืองพุทธศาสนาเหมือนกันกับไทย อย่างลาว พม่า กัมพูชา
ต่างก็มีบ่อนคาสิโนเกิดขึ้น การอ้างแบบนี้ก็คงสรุปเหมารวมทั้งหมดไม่ได้เช่นกัน และควรแยกระหว่างพุทธศาสนาซึ่งเป็นเรื่องโลกุตรธรรม
กับการพนันซึ่งเป็นเรื่องโลกียธรรม ซึ่งเป็นที่รวมของกิเสส ตัณหา ความโลภ
ความหลงทั้งปวง ที่นำมาซึ่งปัญหาต่างๆที่กระทบกับวิถีชีวิต
ทรัพย์สินและความปลอดภัยของพลเมืองในประเทศ อีกทั้งเรื่องการพนันมีความสัมพันธ์กับอำนาจรัฐ
ประเด็นการตัดสินใจเชิงนโยบาย ประเด็นทางเศรษฐกิจและประเด็นทางการเมือง
ที่ประเทศไทยควรมีจุดยืนในเรื่องนี้ชัดเจน ที่สำคัญถ้าคนไทยทุกคนมีศีล
มีธรรมมะ ยึดมั่นและปฏิบัติตามหลักศาสนาแล้ว
เราก็คงไม่ต้องถกเถียงเรื่องการตั้งบ่อนคาสิโนในประเทศ
3.การเปิดบ่อนการพนันจะนำมาซึ่งรายได้อันมหาศาลเข้าประเทศและสามารถนำมาใช้พัฒนาประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นการให้ความสำคัญกับมูลค่าทางเศรษฐกิจ
สิ่งที่วัดเป็นตัวเงิน
มากกว่าคุณค่าในเชิงจิตใจและผลกระทบทางสังคมซึ่งไม่สามารถคำนวณและวัดค่าออกมาเป็นตัวเลขได้อย่างแท้จริง
เพราะค่าของมันสูงมากๆ บางอย่างเมื่อสูญเสียไปแล้วไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้
ทั้งภาวะหนี้สิน อาชญากรรม การลักขโมย การฆ่าตัวตาย การล่มสลายของครอบครัว
ยาเสพติดและอื่นๆที่เป็นผลสืบตามมามากมายเนื่องจากพฤติกรมของการเล่นการพนัน
4.การจัดระเบียบธุรกิจที่ผิดกฎหมายให้เข้าสู่ระบบและทำให้ถูกกฏหมาย
ซึ่งเชื่อว่าสามารถจะควบคุมได้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นความน่าสะพรึงกลัวที่รัฐพยายามจะทำให้ทุกอย่างที่ดำหรือเทาให้ขาวสะอาดและยอมรับได้ในสังคม
บางอย่างเมื่อเข้าสู่ระบบมักลายเป็นสิ่งที่ถูกผลิตซ้ำและทำให้เราคุ้นชินโดยไม่ตั้งคำถามเพราะคิดว่ามันถูกต้อง
มันกลายเป็นเรื่องของความต้องการบริโภค อย่างเช่น สิ่งที่เรียกว่าการแถมพกและเสี่ยงโชค ในเครื่องดื่มบางยี่ห้อ
ที่มีการใช้รหัสที่อยู่ใต้ฝาแลกรางวัลต่างๆ คนก็แห่กันซื้อ เปิดขวด
ส่งรหัสใต้ฝาไปชิงโชคชิงรางวัล
กับเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่ทำหน้าที่เหมือนเจ้ามือรับแทงหวย บางคนส่งเป็นร้อยๆฝาก็มี
อย่างนี้เราจะเรียกว่าเป็นลักษะที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับการพนันหรือไม่
และรัฐควบคุมสิ่งเหล่านี้อย่างดีพอหรือยัง
5.การมองว่าการพนันในประเทศไทยมีมากมายหลากหลายอยู่แล้วในสังคม
ทั้งในระดับชุมชนท้องถิ่นขึ้นไป บ่อนไก่ ปลากัด ไฮโล หวยใต้ดิน หวยหุ้น และอื่นๆ
ซึ่งพยายามจะบอกว่าเราควรยอมรับว่าเรื่องของการพนันว่ามันแก้ไม่ได้ ในพื้นที่ต่างๆมีการลักลอบเล่นการพนันซึ่งไม่เกิดประโยชน์ต่อประเทศ
และเงินพวกนี้ไหลเวียนอยู่นอกระบบไม่เข้าสู่รัฐ ความคิดที่เปิดบ่อนคาสิโนที่ถูกกฏหมายก็คงไม่มีอะไรเสียหาย
ซึ่งในอีกด้านหนึ่งก็สะท้อนให้เห็นการไร้ประสิทธิภาพและความไม่พร้อมของหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่จะจัดการกับเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง
6. การมองว่าการพนันสัมพันธ์กับปัญหาทางเศรษฐกิจ
แท้จริงแล้วคนเล่นการพนันไม่ได้มีปัญหาจากความยากจนทางเศรษฐกิจ ความไม่เท่าเทียมกัน
เพราะคนไทยทุกชนชั้นต่างก็เล่นการพนันได้ทุกคน ไม่ว่าจะคนรวยหรือจน การพนันมันเกิดขึ้นมาพร้อมกับความอยากส่วนตัว
ทั้งอยากได้ตังค์ อยากรวย อยากต่างๆ ของผู้คนในสังคม
7.การพนันเป็นเรื่องของวัฒนธรรม
อันนี้เป็นประเด็นสำคัญเหมือนกัน เมื่อวัฒนธรรมหมายถึงความเจริญงอกงาม ความดีงาม
การบ่มเพาะ ดังนั้นการพนันก็ย่อมมีความหมายดังกล่าวข้างต้น
เป็นแบบแผนที่ผู้คนในสังคมยอมรับ
การพนันอาจจะเป็นวัฒนธรรมในแง่ของการเป็นเครื่องมือในการผ่อนคลายความตึงเครียดต่างๆ
และสร้างความเป็นหนึ่งเดียวของชุมชน เช่น การเล่นพนันในช่วงฤดูรอกาลเก็บเกี่ยว การเล่นไฮโลในงานศพ
หรือการพนันบั้งไฟในช่วงเทศกาลบุญบั้งไฟ แต่ในแง่หนึ่งเมื่อความหมายทางวัฒนธรรมมันถูกบิดเบือนหรือทำให้เปลี่ยนแปลงไป
การพนันไม่มีนัยหน้าที่ในเชิงพิธีกรรม หรือการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวของชุมชน
แต่เป็นเรื่องของการพนันขันต่อ การแข่งขันเพื่อเงิน
การจัดการพนันขึ้นซึ่งไม่สอดรับกับบริบทในเชิงพื้นที่และพิธีกรรม เช่น
เล่นบั้งไฟนอกฤดูกาล
หรือไม่มีการจุดบั้งไฟเพื่อบวงสรวงพญาแถนเพื่อขอให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล
แต่แข่งขันกันชิงถ้วยและพนันเอาเงินกันของนักเล่น อย่างนี้การพนันมันกลายเป็นเรื่องของพฤติกรรมมากกว่าวัฒนธรรม
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบ