วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

เรียนมหาวิทยาลัย(4)


หมู่บ้านตาดฟ้าไม่มีประปา พวกเขาใช้น้ำตกจากธรรมชาติซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญ น้ำที่ตกลงมาจากด้านบนใสสะอาด ผมมาแปรงฟัน ล้างหน้าและอาบน้ำกับเด็กๆเป็นประจำ น้ำใสและเย็นมาก ผมมักจะมาช่วงเช้าและเย็น ซึ่งน้ำตกตาดฟ้าจะอยู่ไกลจากบ้านที่ผมพักประมาณกิโลกว่าๆโดยจะมีทางเดินเล็กๆที่ด้านข้างเต็มไปด้วยพงหญ้าและดอกอ้อ จนกระทั่งถึงบริเวณน้ำตกจึงจะพบป่าเขียวครึ้มปกคลุมจนทำให้บริเวณนี้ชุ่มชื่นและเต็มไปด้วยตระไคร่น้ำจับพื้นหินหรือโขดหินเต็มไปหมด และมีพืชน้ำจำพวกผักกูดและเฟิร์นเกิดขึ้นตามริมขอบลำธาร น้ำจากน้ำตกไหลกระทบโขดหินดังซ่า แล้วค่อยไหลตามแนวลำธารที่มีโขดหินก้อนเล็กใหญ่ มีแอ่งขาดเล็กต่างๆที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำ แล้วไหลไปตามทร่องน้ำหรือลำห้วยเล็กๆ ที่มีน้ำใสเย็นจนแลเห็นก้อนหิน ก้อนกรวดเล็กๆ ผมและเด็กๆชอบทำเรือไปปล่อยแข่งกันบริเวณลำห้วยที่น้ำไหลจากด้านบนลงสู่ด้านล่าง หรือบางทีก็เอาสวิงมาซ้อนหาปลา หากุ้งหรือปูหินไปทำอาหารกัน
ผมมักใช้เวลาว่างมานั่งที่น้ำตก ใช้สมาธิกับการสเกตซ์ภาพธรรมชาติและนั่งคุยกับเด็กๆถึงพืชและผลไม้ที่พวกเขากินในป่าที่มีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน เด็กที่ตามผมมีจำนวนมาก 5-7 คน พวกเขาจะสนใจคนที่มาใหม่เสมอ เพราะเรามีประสบการณ์ใหม่ๆมาเล่าให้พวกเขาฟังเสมอ พวกเขาจะสนใจและถามผมเสมอว่าชุมชนที่ผมอยู่เป็นแบบไหน และให้ความสนใจกับเครื่องเล่นเทปที่ผมพกติดตัวมาฟังด้วยหรือขนมที่ผมเอามาจากด้านล่าง ในขณะเดียวกันผมก็ได้เรียนรู้และได้รับความรู้จากเด็กเหล่านี้ ได้รู้ว่าของเล่นของเขาก็เอามาจากสิ่งที่มีในธรรมชาติ ในสัตว์ ในพืช ไม่ใช่ของเล่นพลาสติกราคาแพงๆในเมือง ที่ดูไร้ชีวิต บางครั้งพวกเขาพาผมไปดูวิวทิวทัศน์ของภูเขาลูกต่างๆซึ่งสวยงามมาก ผมให้พวกเขาพาเดินสำรวจและทำแผนที่ รวมทั้งเข้าไปคุยกับหลวงพ่อชีประขาว ที่ทำให้ผมรู้ว่าเป็นใครมาจากไหน และมาอยู่ที่นี่เพราะอะไร จริงๆแล้วก็เดินเข้ามาบำเพ็ญศีลในป่า จนวันหนึ่งชาวบ้านมาเจอแกนอนอยู่ที่ขอนไม้ในสภาพอิดโรย จึงพากันนิมนต์มาอยู่ที่นี่ เพื่อให้ชาวบ้านได้ใส่บาตรแม้ว่าคนที่นี่ก็ค่อนข้างลำบากเรื่องอาหารการกิน แต่ท่านบอกว่ากินได้หมด แม้แค่เพียงข้าวเปล่าหรือผลกล้วย แกเล่าเรื่องทางบ้านว่าโยมแม่ต้องการให้แกกลับและคิดว่าแกจะเดินทางไปที่ใหม่ วันที่แกจากไปผมเดินไปส่งแกที่ชายป่าแล้วแกก็เดินหายลับจากสายตาผมตาไป ชาวบ้านและผมไม่รู้ว่าแกจะกลับมาอีกไหม ผมกลับมานั่งที่กุฎิไม้ไผ่ยกพื้นสูงของแกที่ตั้งอยู่บนที่สูงมาก และอยู่สูงกว่าที่ตั้งหมู่บ้าน ผมเอนตัวนอนลงกับแคร่ไม้เพื่อให้ลมบนกระทบผ่านผิวกาย ดูช่างเหยือกเย็น เหงาและอ้างว้าง ผมเข้าใจความรู้สึกนี้ และเข้าใจความรู้สึกของท่านฤษีชีปะขาว  ชายหนุ่มผมยาว ผิวขาวหนวดเครารุงรัง ที่บดบังหน้าตาที่ดูดีผิดกับคนอื่น แต่เราก็เป็นมนุษย์ ผมก็คิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อแม่เหมือนกัน ผมอยากกลับบ้าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สตรีนิยมกับสิ่งแวดล้อม โดย นัฐวุฒิ สิงห์กุล

Aldo Leopold(1994) เขียนหนังสือที่รวบรวมบทความของเขาชื่อ Sand Country Almanac เขาได้อธิบายถึงปรัชญาของนักสตรีนิยมสิ่งแวดล้อมว่า ผู้หญิงมีควา...